จะเลือกทำประกันชีวิตแบบใดดี?


ตัวแทนเป็นผู้ช่วยเลือกแบบประกันให้ลูกค้า..ก็เหมือนหมอต้องเป็นคนเลือกยาที่จะจ่ายให้คนไข้นั่นแหล่ะครับ

เพราะความรัก ความห่วงใย...เราจึงมีพลังอย่างไม่มีขีดจำกัดที่จะทำงานและดูแลสิ่งที่เรารัก คนเรามีความรักให้กับสิ่งต่างๆแตกต่างกันไป  แต่ที่เหมือนกันคือเพราะเรามีความรัก...เราจึงมีพลังชีวิตที่จะตื่นขึ้นมาและใช้ชีวิตในทุกๆวันอย่างมีความสุข ....แล้วเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับประกันชีวิตอย่างไรเล่า? ผมว่ามันเกี่ยวข้องกันโดยตรงเลยครับ  เพราะเรารักต่ออะไรสักอย่าง คนเราจึงเลือกที่จะทำประกันชีวต  คนรักตัวเอง เก็บเงินไว้ใช้ยามเกษียณ คนรักลูกห่วงลูกหรือคนอื่นๆในครอบครัว ก็เก็บเงินให้ลูก หรือทำประกันเพื่อคุ้มครองรายได้ของตนเอง เพราะรู้ว่าลูกๆอยู่สุขสบายอย่างทุกวันนี้เพราะมีเงินจากรายได้ของตนเท่านั้นที่มาเจือจุน คนที่เป็นห่วงเรื่องสุขภาพ ก็ทำประกันเพื่อใช้สวัสดิการค่ารักษาพยาบาล หรือคุ้มครองอุบัติเหตุ คนที่รักและเป็นห่วงธุรกิจที่ตนเองสร้างมา ก็ทำประกันชีวตตนเองหรือหุ้นส่วนธุรกิจ เพื่อคุ้มครองธุรกิจนั้นให้คงอยู่ได้ตลอดไป

       แต่น่าเสียดาย...ลูกค้าประกันชีวิตจำนวนมากที่มีประกันชีวิตแล้ว  แต่ไม่ได้ประโยชน์จากประกันชีวิตอย่างเต็มที่  เพราะมีประกันที่ไม่เหมาะสมกับตนเอง   ความไม่เหมาะสม มีในหลายๆ แง่ อาจเป็นเพราะแบบประกันชีวิตที่ไม่เหมาะสม เช่น อยากทำเพื่อเก็บเงินไว้ใช้ยามเกษียณ แต่ทำประกันแบบคุ้มครองตลอดชีพ ซึ่งให้เงินคืนเมื่อเกษียณต่ำ หรือเป็นห่วงเรื่องทุนการศึกษาของลูกแต่ทำประกันแบบสะสมทรัพย์ ซึ่งจะได้วงเงินคุ้มครองต่ำไม่พอกับทุนการศึกษาของลูก  วงเงินประกันที่ไม่เหมาะสม อาจจะทำสูงไป หรือทำต่ำไป  ไม่ดีทั้งสองทางครับ ต้องพอดีกับรายได้ของเราครับ.

       แล้วจะเลือกทำประกันชีวิตแบบใดดี? คำตอบคือ ต้องทำแบบที่คุ้มครองความรัก ความห่วงใยของท่าน เพื่อช่วยให้ความใฝ่ฝันของท่านเป็นจริงได้ ด้วยเงินค่าเบี้ยประกันเท่าที่ท่านมีความสามารถที่จะทำได้  แปลความหมายให้ชัดก็คือ ท่านต้องพิจารณาปัจจัย 2 ข้อ คือ (1) ความใฝ่ฝันหรือเป้าหมายในชีวิตท่านคืออะไร? และ (2) ท่านมีงบประมาณเพื่อจ่ายเป็นค่าเบี้ยประกันชีวิตเท่าใด? แล้วจึงจะเลือกแบบประกันได้อย่างเหมาะสม...(มันก็เหมือนหมอจะจ่ายยาคนไข้นั่นแหล่ะครับ หมอต้องดูหลายๆ อย่างก่อนจ่ายยา).... ลองพิจารณาดูนะครับว่า  ประกันชีวิตที่ท่านมีอยู่ ได้พิจารณาปัจจัย 2 ข้อนี้หรือยัง?  หรือจะดีที่สุดท่านควรเรียกตัวแทนที่ท่านเชื่อถือมาให้คำปรึกษานะครับ ...(ผมเห็นว่า ตัวแทนน่าจะเป็นผู้ช่วยลูกค้าพิจารณาปัจจัย 2 ข้อนี้และเลือกแบบประกันให้ลูกค้า..ก็เหมือนหมอต้องเป็นคนเลือกยาที่จะจ่ายให้คนไข้นั่นแหล่ะครับ).

หมายเลขบันทึก: 30257เขียนเมื่อ 22 พฤษภาคม 2006 22:41 น. ()แก้ไขเมื่อ 29 พฤษภาคม 2012 13:14 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)
- คำถาม "จะเลือกทำประกันชีวิตแบบใดดี?" - คำตอบ "แบบที่เคลมได้ตามสิทธิ" ไงครับ - แฟนผมโดนรถชน ตัวแทน'เอาใบเสร็จไปดอง จนเลยกำหนด เบิกไม่ได้ จะเอามาเบิก ประกันสังคม ก็ไม่ได้เพราะเลยกำหนดแล้ว - อีกครั้ง เอาตังค์ ค่าประกันเราไปหมุนโดยไม่นำส่งบริษัทฯ บริษัทฯ ก็ว่าเราไม่จ่าย ต้องทำเรื่องกู้เงินอะไรก็ไม่รู้ ทั้งๆ ที่เราเอาตังค์ให้ตัวแทน'ไปแล้ว - ล่าสุด ปวดท้อง ไปนอนโรงบาล เคลมได้แค่ 4 พัน จ่ายเอง ตั้งเกือบ 8 พัน - ไม่รู้จะประกันทำไมให้เสียอารมณ์ - ไม่ใช่ผมคนเดียวทีเสียอารมณ์ เพื่อนผมก็ด้วยเหมือนกัน บ.เดียวกันนี่แหละ เวลาเก็บตังคืก็มาตรงเวลา แต่ไม่ยักเอาใบเสร็จมาให้ - ถามว่าประกับ บ.ไหน ก็ บ.เดียวกับคุณหมอนั่นแหละครับ - http://gotoknow.org/arrive-alive

เรียนป๋าเปมิช

     ขอบคุณป๋าเปมิชมากครับที่สะท้อนปัญหาที่ท่านประสบในเรื่องประกันชีวิต ผมเชื่อว่ามีอีกหลายท่านมากที่ประสบปัญหาจากการเคลมไม่ได้ หรือปัญหาเกี่ยวกับตัวแทนอย่างที่ป๋าเปมิช เจอกับตัวเอง  ผมจึงได้เปิด Blog นี้ เพื่อให้ลูกค้าได้สะท้อนปัญหาของท่าน  เพื่อให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องช่วยกันแก้ไขปัญหาไงครับ  ลองคิดดูนะครับถ้าทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องมีเป้าหมายที่ร่วมกันคือ ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง แล้ว...ระบบประกันชีวิตบ้านเราจะพัฒนาไปมากเพียงใด  ผมอยากให้
      1) กรมการประกันภัย  มีการควบคุมบริษัท และตัวแทนอย่างจริงจัง ให้ทำงานด้วยความซื่อสัตย์และรับผิดชอบต่อทั้งลูกค้าและบริษัท และรวมทั้งจิตสำนึกรับผิดชอบต่อสังคมด้วย  อยากให้กรมการประกันภัยจัด Rating ความน่าเชื่อถือของบริษัท ให้ประชาชนเห็นกันชัดๆ เลย  บริษัทจะได้พัฒนา..
      2) บริษัทมีระบบกลั่นกรอง/อบรมตัวแทน  ให้มีจิตสำนึกรับผิดชอบต่อลูกค้าและบริษัท  ทำงานด้วยความซื่อสัตย์ จริงใจ คนไม่ดีต้องคัดออก ไม่ใช่แค่ขอให้ตัวเลขดี..ตัวแทนจะเป็นแมวขาวหรือแมวดำบริษัทไม่สนใจ...อย่างนี้ก็ใช้ไม่ได้  และที่สำคัญต้องเป็นหน้าที่ของบริษัทด้วยที่จะต้องสร้างคนของตนเองให้มีจิตสำนึกรับผิดชอบต่อสังคมด้วย
      3) สมาคมประกันชีวิต  บ้านเรายังไปไม่ถึงไหนในเรื่องวิชาชีพประกันชีวิต  ผมอยากให้มี สภาการประกันชีวิตเพื่อทำหน้าที่ "ควบคุมวิชาชีพตัวแทนประกันชีวิต" เหมือนวิชาชีพอื่นๆ เช่น แพทย์  พยาบาล ทนายความ
      4) ตัวแทนประกันชีวิต พอพูดถึงตัวแทน มันเป็นเรื่องของการมองที่ตัวคนแต่ละคน ผมว่ายากที่จะควบคุม... ถ้าสถาบันในข้อ 1-3 ทำหน้าที่ได้ไม่ดีก็ยากที่จะควบคุมตัวแทน  เท่าที่ผมทราบ ปัจจุบันนี้  ผมฝากความหวังในการพัฒนาตัวแทนให้เป็นคนดีไว้กับ "บริษัทประกันชีวิต" กับ "ผู้ทำหน้าที่เป็นผู้บริหารหน่วย"

        ดูเหมือนผมไม่ได้ตอบประเด็นปัญหาของป๋าเปมิช  แต่ผมต้องการสื่อความคิดผมว่า ปัญหานั้นมีอยู่จริง...ไม่ใช่เฉพาะบริษัทใดบริษัทหนึ่ง แต่เป็นปัญหาของทั้งระบบ แต่ผมยังเชื่อในด้านดีของระบบประกันชีวิต..เป็นสิ่งที่ดีทั้งต่อแต่ละคน และ ต่อสังคม
       มันก็เหมือนเราซื้อมังคุดมาทานนั่นแหล่ะครับ บางลูกก็เน่าเสีย เราก็ทิ้งลูกนั้นไปกินลูกใหม่...เราทำอย่างนี้ใช่มั๊ยครับ  คงไม่มีใครทิ้งมังคุดทั้งถุง

    ผมอยากสรุปอย่างนี้ครับว่า คุณค่าหลักของประกันชีวิตที่แท้จริงอยู่ที่ว่า..มันคือเครื่องมือช่วยรับรองเป้าหมายหรือความฝันของเราให้เป็นจริงได้อย่างแน่นอน  แต่จะเป็นจริงได้เพียงใด อยู่ที่คุณภาพของตัวแทนที่จะช่วยวิเคราะห์และให้คำปรึกษาแก่ท่านได้เหมาะสมเพียงใดครับ  ส่วนบริษัทผมเชื่อว่าคงไม่มีบริษัทใดจะตั้งขึ้นมาเพื่อคดโกงลูกค้า

  ส่วนเรื่องที่ป๋าเปมิชบ่นมานั้น ผมก็ขอแจ้งเตือนไว้เลยนะครับว่า
        1) อย่าจ่ายเงินกับตัวแทนโดยไม่ได้ใบเสร็จรับเงิน
        2) ใบเสร็จรับเงินนั้นต้องมีวันหมดอายุ ช่วยดูด้วยครับ ถ้าหมดอายุแล้วก็อย่ารับ (อย่าจ่ายเงิน)
        3) ถ้าไม่แน่ใจ  ให้โทรถามบริษัทเลยครับ  ทุกบริษัทจะมีเบอร์โทรในใบเสร็จ (AIA โทร 1581 Call centre)
        4) ไม่มั่นใจอย่าจ่ายเงินกับตัวแทนครับ  ให้จ่ายที่บริษัท ,สำนักงานตัวแทน หรือธนาคารนะครับ
        5) ส่วนเรื่อง Claim ไม่ได้  ผมคงตอบไม่ได้ครับ คงต้องดูเป็นกรณีไป เพราะการเคลมสวัสดิการตามสัญญาเพิ่มเติมมันมีข้อยกเว้นบางประการ(โดยหลักการยกเว้นจะคล้ายๆกันทุกบริษัท เพราะเป็นข้อยกเว้นตามกฎหมายซะส่วนใหญ่) 

 

ในฐานะของคนที่ทำงานเป็นตัวแทนประกันชีวิต เป็นวิสัยของผมที่ต้องบอกกับลุกค้า เกี่ยวกับผลประโยชนื เงื่อนไข และข้อยกเว้น ให้ชัดเจน ก่อนที่ลูกค้าจะทำการสมัคร แล้วเมื่อถึงวันที่มอบกรมธรรม์ ผมเองต้องชี้แจงข้อกำหนด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการจ่ายเบี้ย ความคุ้มครองที่ลูกค้าซื้อไป การต่ออายุกรมธรรม์ และอื่นๆ ให้ลูกค้าเข้าใจด้วยครับ ถึงแม้ว่า ในเวลานั้น ลูกค้าอาจจะไม่พร้อมที่จะรับฟังเรา แต่เราก็ต้องทำการสรุป ประเด็นสาระสำคัญให้ ถ้ามีโอกาสคราวหน้าค่อยๆ ลงไปในรายละเอียด นอกจากนั้นการทำสรุปกรมธรรม์ เรื่องผลประโยชน์ต่างๆลงในกระดาษเพียง 1 แผ่นเป็นสิ่งที่ดี ทำให้ลูกค้าสามารถรู้ได้คร่าวๆ ว่าตัวเองมีความคุ้มครองเรื่องใดบ้าง

ถ้าคุณกำลังมองหา งานทำ ธุรกิจเสริม ลงทุนน้อย แค่ 180 บาท กับกิฟฟารีน แต่ได้ค่าตอบแทนสูงกับบริษัทที่ทุกคนรู้จักเพียงคุณลองให้โอกาสกับชีวิตคุณเอง ถ้าคุณสนใจขอรับรายละเอียดเพิ่มเติมได้เรามีให้คุณดูก่อนตัดสินใจแต่เว็บขยายสายงานและแผ่นซีดีแผนการทำงานเราจะให้ตอนคุณเป็นสมาชิกกับเราเท่านั้นอยากได้คนที่ตั้งใจจริงๆเพราะทีมงานเราจะช่วยเหลืออย่างเต็มที่ งานนี้เอาเฉพาะคนที่อยากสำเร็จในชีวิต กิฟฟารีนไม่ใช่งานขายสินค้าอย่างที่ทุกคนเข้าใจนะครับ เราเน้นทางทีมงานมากกว่า ไม่ต้องอายที่จะทำคนที่ไม่ทำจะอายเรา

ติดต่อเราที่ [email protected] ไม่ต้องเกรงใจครับ

หรือ 081-9500647 หรือ http://anattara.com/?id=2185

http://kriang.trabaab.com/

http://kriang.networkmarketingsin.com/

รายได้ของคุณและการขึ้นตำเเหน่งและการได้โบนัท ให้ดู4ตำแหน่งก่อนนะครับ

1บาท เท่ากับ 1พีวีนะครับ ยอดส่วนตัวรวมกับทีมงานถ้าทีมงานเราสมุติซื้อ1000เราก้อได้1000พีวีเลยครับ

ตำแหน่ง1.สตาร์ มีส่วนลด 25%

ตำแหน่ง2.บรอนซ์สตาร์ มียอดเราและทีมงาน 1500พีวี ได้โบนัท 10% ได้ค่าประกันอุบัติเหตุ 12000

ตำแหน่ง3.ซิลเวอร์สตาร์ มียอดเราและทีมงาน 9000พีวี ได้โบนัท 15% ได้ค่าประกันอุบัติเหตุ 12000

ตำแหน่ง4.โกลด์สตาร์ (ผู้บริหารระดับต้น)มียอดเราและทีมงาน45000พีวี ได้โบนัท 25% ได้ปัลผลจากทีมงานตำแหน่งซิลเวอร์สตาร์ 10% ด้ปัลผลจากทีมงานตำแหน่ง บรอนซ์สตาร์ 15% และยอดกลุ่มโกลด์สตาร์ลูกอีก 4% ได้ค่าประกันอุบัติเหตุ 22000 และรางวัลสะสมแต้มอีก ได้ตั้งแต่1.5แต้มรับเลย 1050บาท ได้สูงสุด 24แต้มได้ 60000 บาท ส่วนมากจะได้24เลย และรางวัลอื่นอีกมาก

นี่แค่ตำแหน่งผู้บริหารระดับแรกนะครับ

โอกาสไม่ได้มีเข้ามาทุกวัน หากเรามองว่าธุรกิจกิฟฟารีนเป็นโอกาส ทางเลือกของเรา มีอยู่ 2 ทาง คือ

1. ไม่สนใจ มองข้ามโอกาสนี้ไป ผลของมันคือ ชีวิตเหมือนเดิมทุกวัน

2. รับโอกาสนี้ ซึ่งผลของมันคือ

ถ้าเราทำสำเร็จ ชีวิตเราก็จะดีขึ้น แต่หากไม่สำเร็จ เราก็ถือว่าเราได้ลองทำดูแล้ว แต่หากเราตั้งใจทำด้วยความพยายาม มุ่งมั่น และมีทีมงานของเราสนับสนุน คุณต้องทำได้แน่นอน

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท