AAR Peer Assist ของ สสส.
เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2548 สคส. ได้ไปช่วย สสส. ทำ Peer Assist (เพื่อนช่วยเพื่อน) ตามที่ผมเคย AAR ไว้แล้ว (link) นั้น ต่อไปนี้คือ AAR ที่ทาง สสส. ได้แสดงความคิดไว้
|
<table cellspacing="0" cellpadding="0" width="90%" border="1">
คนที่ 1 |
Posted : 19 สิงหาคม 2548 |
|
1.สิ่งที่คาดหวังและสิ่งที่ได้ผลตามความคาดหวัง : ได้มีความคิดและลองปฏิบัติในกระบวนการการทำให้เกิด "องค์กรเรียนรู้" ขึ้นจริงๆ ใน สสส. ประทับใจมากกับเรื่องที่อ.วิจารณ์เน้นเรื่องการชื่นชม เพราะอยู่ สสส. แล้วเสีย self มาก ต้องคอยเตือนตัวเองอยู่เสมอว่า "เราก็มีดี แบบที่คนอื่นไม่มีเหมือนกันนา" 2.สิ่งที่คาดหวังแต่ไม่ได้รับ: คือ ช่วง 25 นาทีที่ตั้งไว้ตามกำหนดการว่า อ.วิจารณ์ จะบรรยาย เพราะคิดว่าจะได้ความคิดรวบยอด แต่อ.พูดนิดเดียว ส่วนตอนอยู่ในห้องประชุมแล้วบอกว่าจะให้คน สคส.สะท้อน ก็คาดหวังมากว่าจะได้อะไร แต่ปรากฎว่าก็ได้แค่ว่า สคส.ทำอะไร ซึ่งมิติมันต่างกันมากกับ สสส. เหลี่ยมมุมของการสะท้อนยังไม่พ้นจากวิถีประจำวันที่องค์กรแบบ สคส. โดยผู้บริหารออกแบบไว้ 3.ประโยชน์ที่เกิดกับตัวฉัน : ได้เยอะเลย จากคำพูดของพี่โต้งที่กระตุกให้เราได้คิดว่าทุกเวลาที่เราทำงาน เราก็ได้เรียนรู้อยู่แล้ว ซึ่งนี่มันเป็นเหตุผลที่ตัวเองเลือกที่จะเปลี่ยนหน้าที่ตัวเอง โดยไม่สนใจตำแหน่ง (แต่เงินเดือนข้าใครอย่าแตะ เพราะแค่นี้ก็ต้องใช้ทุนทางสังคมส่วนตัวอยู่ทุกวันแล้ว) และก็เข้าใจและเชื่อมโยงมิติที่เกี่ยวข้องกับเรื่องการเรียนรู้ได้มากขึ้น อย่างที่ทุกคนบอกว่าเหมือนกับดาเป็นคนสรุปที่พูดมากันในห้องนั่นแหละ ก็ขอถือโอกาสบันทึกความคิดตัวเองไว้ละกัน มิติที่เกี่ยวข้อง มี 4 มุม ได้แก่ 1)การมีเวลา 2)เรื่องมากมายที่ต้องเรียนรู้ 3)เทคนิค/แรงจูงใจ 4)การเรียนรู้ที่ตั้งข้อสังเกตไว้ว่า เราเรียนรู้ตลอดเวลาอยู่แล้วใช่หรือไม่ กับเราเรียนรู้กันจนทะลักอยู่หรือเปล่าเนี่ย ทั้ง 4 ด้านนี้มันมาสู่หัวใจของการที่เราเรียกร้องการเรียนรู้อย่างไร ซึ่งมี 2 คำถามในชีวิตที่เป็นจริงและต้องมีกระบวนการเพื่อค้นหาคำตอบ (ให้เป้าหมายคือกระบวนการ ไม่ใช่คำตอบเป็นเป้าหมาย) คือ 1.เป้าหมายส่วนตัวมีกันอย่างไร มันถึงจะบอกได้ว่าเราต้องการการเรียนรู้อีกหรือไม่ รวมถึงเรื่องอะไร และไกลกว่านั้น คือ สสส.จะตอบสนองเป้าหมายนี้ได้หรือไม่ 2.เป้าหมายขององค์กร หมายความว่า องค์กรต้องการสร้าง "วัฒนธรรมองค์กร" หรือ "คน" แบบไหน ยกตัวอย่างเช่น AIS ของท่านทักษิณเขาจะชัดในการสร้างวัฒนธรรมองค์กรให้ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง ดังนั้นทุกคนจะทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มความสามารถเพื่อให้ลูกค้าแต่ละรายเกิดความพอใจประทับใจอย่างแท้จริง ใครอธิบายได้ว่า วัฒนธรรมองค์กรและ คน "แบบ สสส." ที่เป็นและควรเป็นอย่างไร ซึ่งเรื่องเหล่านี้ควรตั้งเป้าหมายไว้ที่ กระบวนการค้นหาอย่างที่กล่าวแล้วนั่นแล สูเอย สรุปว่าดีค่ะ ได้ทบทวนตัวเองรวมหมู่ในเวลาอันสั้น |
Attach : |
คนที่ 2 |
Posted : 22 สิงหาคม 2548 |
|
1.สิ่งที่คาดหวัง คือ การได้เรียนรู้วัฒนธรรมองค์กรอื่น การพัฒนาตนเองและองค์กร 2.สิ่งที่คาดหวังแต่ยังไม่ได้รับ คือ ความน่าจะเป็น การเอาจริงอาจัง และรูปธรรมที่ สสส.จะดำเนินการต่ออย่างต่อเนื่อง (มีบ้าง แต่ยังไม่ชัดในทางปฏิบัติ) 3.ประโยชน์ที่เกิดขึ้นกับตัวเอง คือ ได้รับมุมมองใหม่ๆ เรียนรู้ว่ามีวัฒนธรรมองค์กรแห่งการเรียนรู้ที่เกิดขึ้นได้จริง มิใช่เพียงทฤษฎี และหากองค์กรใดต้องการให้เกิดขึ้นนั้น ไม่สามารถลอกเลียนแบบได้ เพราะมีปัจจัยหลายอย่างมากที่จะเป็นหัวใจแห่งความสำเร็จ เช่น สไตล์การทำงานของผู้บริหาร ของพนักงาน สไตล์การเอาใจใส่ซึ่งกันและกัน(คุยกันเรื่องอื่นๆ ของชีวิตบ้างนอกจากงาน อารมณ์ขัน ทุกข์ สุข ความสำเร็จ ฯลฯ) รวมถึงสไตล์ของการให้ความสำคัญต่อการสร้างกระบวนการเรียนรู้ สิ่งที่สำคัญที่สุดน่าจะเป็นบุคคลแต่ละบุคคลที่ประกอบกันขึ้นมาเป็นองค์กรจะต้องเห็นความสำคัญ และมองเป็นการพัฒนาตนและพัฒนางานร่วมกัน อยากให้องค์กรแบบ สสส.เป็นองค์กรแห่งการมีวัฒนธรรมการเรียนรู้นะคะ เพราะเราคงต้องทำงานบนพื้นฐานความรัก ความเข้าใจ และข้อมูลที่ต้องพัฒนาไปตลอดเวลาค่ะ |
Attach : |
</table>
<table cellspacing="0" cellpadding="0" width="90%" border="1">
คนที่ 3 |
Posted : 22 สิงหาคม 2548 |
|
หลังจากประชุมเสร็จในวันนั้นแล้ว พวกเรา สสส.สามสี่คนกับทีม สคส.ได้นั่งทบทวนสะท้อนมุมมองต่างๆ ร่วมกันอีกนิดหน่อย นึกถึงบรรยากาศเหมือนได้ดูหนังแล้วนั่งวิจารณ์หนังอะไรทำนองนั้น คำถามพื้นๆ ก็คือ ได้ข้อคิดอะไร? เป็นอย่างไรบ้าง? ผมเองไม่ได้คาดหวังอะไรครับของการประชุมครั้งนี้ เพียงแต่ตั้งใจว่าจะมาฟังอาจารย์วิจารณ์และคณะเกี่ยวกับประเด็นประชุมที่ตั้งไว้...มีประเด็นที่จะขออนุญาตแลกเปลี่ยนด้วยอย่างนี้ครับ 1. การเรียนรู้ต้องเริ่มจากตัวเราเองจริงๆครับ แม้ว่าจะเป็นเรื่องที่เข้าใจกันดีอยู่แล้ว เพียงแต่บางทีจะรู้สึกเหนื่อยหรือล้าหรือเปล่าครับ? ดังนั้นในทางปฏิบัติทำอย่างไร? ผมเองเห็นว่าพวกเราทุกคนน่ะมีเรื่องนี้กันอยู่แล้ว และองค์กร(สสส.)ก็ดูเหมือนว่าเปิดโอกาสให้ทำกิจกรรมทำนองนี้อยู่แล้ว เพียงแต่ว่ายังน้อยอยู่หรือเปล่าเอย ใครมีวิธีอย่างไรลองเสนอไปที่แนทดีไหมครับ? 2. ทบทวน/สรุปบทเรียน ผมเห็นว่าพวกเราให้น้ำหนักกับเรื่องนี้น้อยน่ะ หลังทำกิจกรรมใดๆ เสร็จพวกเราไม่ค่อยได้นั่งทบทวนเพื่อปรับปรุงงานในครั้งต่อๆ น่ะ(บางส่วนกับงานที่รับผิดชอบอยู่) จะว่าไปแล้วเรื่องนี้มีรายละเอียดเยอะเหมือนกันน่ะ เจ้าภาพเรื่องนี้น่าจะเป็นเจ้าของงาน(ผู้ประสานงานคนตั้งเรื่องแหล่ะครับ) ส่วนที่ผิดหวังน่ะไม่มีครับ เพียงแต่รู้สึกว่าพวกเรายังไม่ได้เล่าเรื่องราว แต่เป็นการตอบคำถามมากไปนิดหนึ่งครับ อาจเป็นข้อจำกัดเรื่องเวลากระมัง? ดูเหมือนที่ประชุมเห็นว่าโอกาสการเรียนรู้น่าจะเริ่มที่สำนัก ผมเห็นด้วยครับ "ช่วงหนึ่งที่ผมได้มีโอกาสทำงานกับอ.สุปรีดา(รักษาการสำนัก5) จำได้ว่าเวลาประชุมสำนักอาจารย์จะตั้งคำถามที่เป็นเชิงถอดบทเรียนของงานเสมอๆ ซึ่งดีมากๆเลยครับ และอีกช่วงหนึ่งที่ได้มีโอกาสทำงานกับ ทพ.กฤษดา ก็จะเจอคำถามในเชิงท้าทายอยู่เสมอ เช่น แผนงานนี้มีเป้าหมายอะไร? เราไปประชุมหรือไปร่วมประชุมเพื่ออะไร? คาดหวังอะไร? จะทำบทบาทไหน? ฯลฯ (เหนื่อยเหมือนกันแหล่ะ ฮิฮิฮิ) พวกเราเป็นตำราให้กันและกันอยู่แล้วครับ และก็มีเวทีให้พวกเราได้มีโอกาสแสวงหากันอยู่แล้วใช่ไหมเอย? ขอให้พี่น้อง สสส.ทุกคนมีกำลังใจทำงานและสู้ต่อไปครับ |
Attach : |
คนที่ 4 |
Posted : 22 สิงหาคม 2548 |
|
1.สิ่งที่คาดหวัง และสิ่งที่ได้ผลตามความคาดหวัง ได้รับเมล์จากแนทเตอร์รู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก เพราะมีความรู้สึกมาตลอดว่า สสส. น่าจะมีการจัดการความรู้อย่างเป็นระบบหรือ การสร้างวัฒนธรรมการเรียนรู้ขึ้นในองค์กร ก็คาดหวังว่าเราจะได้เรียนรู้ว่าเขาทำกันอย่างไร ฟังแล้วก็ได้หลายอย่างนะ รู้สึกว่า สสส.ขาดการทำ AAR เป็นอย่างมาก ไม่ว่าเราจะจัดงานใหญ่ขนาดไหน ทั้งในระดับองค์กรและสำนัก (ไม่ว่าจะเป็นแบบทางการหรือไม่ทางการ จริงจังหรือไม่จริงจัง) ประทับใจเช่นเดียวกับพี่ดา ในเรื่องบรรยากาศของการชื่นชมและการเฉลิมฉลอง มันเป็นภาพของการทำงานที่เราตั้งใจทำอย่างเต็มที่ แล้วเราก็ผ่านมันไปได้ คุ้น ๆ ว่าเหมือนเคยมีบรรยากาศแบบนี้ในช่วงแรกที่เข้ามาทำงานที่นี่ แต่มันหายไปตอนไหนก็ไม่รู้ 2. สิ่งที่คาดหวัง แต่ไม่ได้รับ วันนั้น อยากฟังความคิดของผู้บริหารในเรื่องแนวทางปฏิบัติ แต่ก็ไม่ชัดเจนนัก 3. ประโยชน์ที่เกิดกับตัวท่าน ทำงานที่นี่ เหมือนเรากำลังตะลุยเดินไปข้างหน้า โดยลืมที่จะเก็บเกี่ยวความสวยงามของดอกไม้ 2 ข้างทาง ที่มันจะสร้างกำลังใจและพลังในการทำงานให้กับเรา รู้ว่าทุกอย่างต้องเริ่มที่ตัวเรา เพียงแต่เราไม่รู้ว่า เราจะเริ่มมันยังไง เป็นเรื่องที่น่าจะคิดอย่างจริงจังนะ |
</table><p> </p><p> วิจารณ์ พานิช
24 ส.ค.48
</p>