วันที่ ๒๖-๒๗ สิงหาคมนี้ สคส. กับ สพบ. (สถาบันพัฒนาผู้บริหารการศึกษา) จะจัดตลาดนัดความรู้ครูเพื่อศิษย์ : ประสบการณ์ความสำเร็จเพื่อเด็กไทยวัยใส (ฝ่าวิกฤติวัยรุ่น) ที่โรงแรมรอยัล ซิตี้ ปิ่นเกล้า กรุงเทพฯ โดยหัวปลาในครั้งนี้ คือ ประสบการณ์ความสำเร็จเพื่อเด็กไทยวัยใส
เมื่อวันที่ ๒๓ สิงหาคม เรา คือ สคส. และ สพบ. จึงได้มีการประชุมเพื่อเตรียมความพร้อมในการจัดตลาดนัดครั้งนี้ร่วมกัน ซึ่งจากการพูดคุย สรุปได้ว่า จะมีผู้เข้าร่วมตลาดนัดประมาณ ๗๐ คน โดยบุคคลสำคัญของตลาดนัดครั้งนี้คือ กลุ่ม “คุณกิจ” หรือ ครูอาจารย์จากโรงเรียนต่างๆ จำนวน ๒๒ คน และผู้บริหารโรงเรียน จำนวน ๓๒ คน ซึ่งจะมาแลกเปลี่ยน เรียนรู้แบ่งปันประสบการณ์ความสำเร็จเพื่อเด็กไทยวัยใสและเรียนรู้กระบวนการจัดการความรู้ร่วมกันตลอดสองวัน
โดยเป้าหมายหลักของ สคส. ต่อกลุ่มครูอาจารย์และผู้บริหารโรงเรียน คือ
๑. ครูอาจารย์และผู้บริหารโรงเรียนจะได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนประสบการณ์ความรู้เพื่อเด็กไทยวัยใสร่วมกัน
๒. ต้องการเห็นครูอาจารย์แต่ละคนหรือโรงเรียนแต่ละแห่ง จะสามารถนำไปกระบวนการKM นี้ไปปรับใช้ในโรงเรียนหรือบริบทของตนเองและขยายผลในวงกว้างต่อไปได้ โดยเฉพาะหากการขยายผลสามารถเชื่อมโยงระหว่างพ่อแม่, ผู้ปกครอง, ครูอาจารย์, ผู้บริหารโรงเรียน, นักกิจกรรม,นักพัฒนา, องค์กรพัฒนาเอกชน, นักวิชาการ, นักวิจัย ฯลฯ ได้จะยิ่งดีมาก
๓. ครูอาจารย์ลดบทบาทของตนเองไปเป็น “ครูอำนวย” ไม่ใช่ “ครูอำนาจ” โดยมอบบทบาทสำคัญให้แก่เด็กนักเรียน ให้เด็กวัยรุ่นเหล่านั้น คิดและดำเนินการแก้ไขปัญหาในลักษณะ “เพื่อนช่วยเพื่อน” หรือ “พี่ช่วยน้อง” ให้เด็กนักเรียนที่ผ่านมรสุมชีวิตวิกฤติวัยรุ่นมาแล้ว ได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนเรียนรู้, เล่าประสบการณ์ให้กับเด็กนักเรียนรุ่นน้องได้รับฟัง ซึ่งครูอาจารย์หรือผู้ใหญ่ ทำหน้าที่เป็นเพียงผู้เอื้ออำนวยและจัดสภาพแวดล้อมการแลกเปลี่ยนที่เหมาะสมให้เท่านั้น ถ้าทำได้เช่นนี้ สังคมไทยจะได้ความรู้เชิงปฏิบัติในการแก้ไขปัญหาหรือการป้องกันวิกฤติเด็กวัยรุ่นที่หลากหลายและทันยุคสมัยเป็นอย่างดีทีเดียว
ข้อควรคำนึงหรือข้อพึงระวังของตลาดนัดครั้งนี้ คือ
๑. การประเมินตนเองของโรงเรียนอาจจะไม่ใช่ของจริงทั้งหมด ซึ่งการนำไปใช้จะต้องมีการปรับให้ตรงและเหมาะสมกับบริบทของโรงเรียนนั้นๆ เอง
๒. การทำตลาดนัดความรู้หรือการทำ Workshop แบบนี้ ในทุกๆ จุด ทุกๆ กิจกรรมปฏิบัติ ล้วนเป็นเครื่องมือของ Knowledge Sharing และเป็นเครื่องมือที่ทำให้เกิด Knowledge Assets ทั้งสิ้น
๓. ผลที่ได้จากตลาดนัดทั้งหมด เป็นเพียงการทดลองทำเป็นตัวอย่าง และเป็นการทำงานในเวลาที่จำกัด การนำไปใช้ จะต้องลงลึกในเนื้อหารายละเอียดและมีการปรับประยุกต์ใช้เอง และผลที่ได้จากการนำไปปรับประยุกต์ใช้ ไม่จำเป็นต้องเหมือนกันทุกโรงเรียน มีความแตกต่างกันมากยิ่งดี เพราะจะได้เกิดการแลกเปลี่ยนที่หลากหลายมากขึ้น
ดังนั้น “ผลลัพธ์” ที่จะเกิดขึ้นในตลาดนัดความรู้สองวันนี้ จึงไม่สำคัญเท่ากับการได้ซึมซับความรู้จากการปฏิบัติของครูเพื่อศิษย์ และกระบวนการหรือเครื่องมือต่างๆ ที่จะช่วยทำให้เกิดเวทีในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้เพื่อเด็กไทยวัยใสร่วมกันทั้งในระดับโรงเรียนและระดับเครือข่ายต่อไปในอนาคต
บทสรุปของตลาดนัดความรู้ “ครูเพื่อศิษย์ : เด็กไทยวัยใส” ครั้งนี้จะเป็นอย่างไร โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ
yayaying
ไม่มีความเห็น