๖.เฮ..อเมริเกอเมริกา


และที่เฮฮามากก็คือระหว่างทางมีเรดเมาท์เท่นเยอะแยะไปหมดไอ้ที่เราตื่นเต้นกับเรดร๊อคมันก็แค่นั้นแหละ อเมริกาฝั่งด้านนี้มันมีแต่หินมันก็ขายหิน มีเยลโล่สโตน เรดร๊อค แบล๊คร้อค กรีนร๊อค มีทุกสีนั่นแหละ ฮา...

๑๘ตุลาคม ๒๕๔๗

ผมตื่นแต่เช้ามานั่งเขียนบันทึกนี้ นับว่าเป็นครั้งแรกที่เขียนบันทึกทุกวันถ่ายรูปทุกวัน เสียอย่างเดียวไม่ค่อยได้ภาพของเราอย่างที่เราต้องการเท่าไร วันนี้จะเป็นวันที่เราเดินทางไปหาแดน(Host Family ของลูกชาย)ที่มิสซูรี่ขับรถกันไป น่าจะสนุก เราไปรับรถที่สนามบินเป็นรถเอนกประสงค์ ๗ ที่นั่งยี่ห้อปอนเตี๊ยก ผมไม่เห็นที่บ้านเรา ในรถมีตัวบอกอุณหภูมินอกรถด้วย

        เราออกเดินทางบ่าย๒โมงพอดี จากการคำนวณระยะทางเราจะถึงฮันส์วิลล์ประมาณ ๙โมงเช้า เราคำนวณกันว่าระยะทางประมาณ ๑,๗๐๐ ไมล์ สบายมากผลัดกันขับ ออกเดินทางมาเห็นแต่ทะเลทรายกับภูเขาหิน มาตามเส้นทางแบบหนังคาวบอยเลย ชื่อคุ้นหูทั้งนั้น โคโรราโด ยูท่าห์ เดนเวอร ์ตามเส้นทางวิวสวยแบบในหนังคือมีแต่ ภูเขาหิน และที่เฮฮามากก็คือระหว่างทางมีเรดเมาท์เท่นเยอะแยะไปหมดไอ้ที่เราตื่นเต้นกับเรดร๊อคมันก็แค่นั้นแหละ อเมริกาฝั่งด้านนี้มันมีแต่หินมันก็ขายหิน มีเยลโล่สโตน เรดร๊อค แบล๊คร้อค กรีนร๊อค มีทุกสีนั่นแหละ ฮา...

แต่พอมาถึงเดนเวอร์ก็มีต้นไม้ มากขึ้น เราถึงเดนเวอร์ตอนดึกอากาศนอกรถ -๔ องศาเซลเซียส น้ำแข็งจับที่ถนนและข้างทาง ภาษาอังกฤษเขาเรียก icy เราผ่านเทือกเขาร๊อกกี้ เสียดายว่าเป็นตอนกลางคืนเลยไม่ค่อยได้เห็นอะไร กะว่าตอนกลับค่อยว่ากันอีกที เราผลัดกันขับกันมาเรื่อย มาถึงเนินสูงตอนนั้นประมาณสองทุ่มเศษอากาศหนาว พอลงเนินรถวิ่งด้วยความเร็วสูงอยู่แล้วอ้วนอัดอีกทีเป็น ๙๖ ไมล์ต่อชั่วโมง เจอไอ้หลามจอด อยู่โดนซิวตามระเบียบ ค่าปรับจะมีอัตราตายตัว เร็วเกินกว่ากำหนด ไม่เกิน ๕ ไมล์ ปรับเท่านี้ จาก ๖ ไมล์ ถึง ๑๐ ไมล์ เท่านี้ อ้วนโดนไปประมาณสองร้อยกว่าเหรียญ หลังจากนั้นค่อยเพลาลง แต่ขับแบบฝรั่งมันก็ทำให้เราง่วงได้เพราะ รถเครื่องแรง บนถนนกลางคืนไม่ค่อยมีรถ สามารถทำความเร็วได้แต่ต้องขับอัตราเดิมมันก็น่ารำคาญ ผมช่วยขับได้สามรอบ รอบแรกได้ชั่วโมงครึ่ง รอบสองได้ชั่วโมงเดียว รอบสามได้อีก ๑ ชั่วโมง ผมผิดสังเกตเพราะปกติผมขับรถได้นานกว่านี้มาก ผมก็เดาเอาว่าน่าจะเป็นฮีตเตอร์เพราะเวลาผมขับรถ คุณแอ๊ดเขาจะเตรีียมผ้าเย็นไว้ให้ เตรียมเครื่องดื่มเย็นๆไว้ให้ แต่ที่ต้องเปิดฮีตเตอร์เพราะเจ้าพุธลูกของอ้วนนั่งหลังแอร์เป่าที่หัวเขาหนาวเลยให้พ่อเปิดฮีตเตอร์ ถามพี่รุ่งโรจน์ก็บอกว่าขับแล้วง่วงเหมือนกันต้องเปิดแอร์ไม่งั้นแล้วขับไม่ไหว

        ตามเวลาเราที่เรากะประมาณไว้เราน่าจะถึงประมาณ ๙ โมงเช้า แต่มันยังไม่ถึงแคนซัสซิตี้เลย จากแคนซัสซิตี้ต้องไปโคลัมเบียอีกสามร้อยไมล์  แดนโทร.มาพอรู้ว่าเราอยู่ห่างจากแคนซัสซิตี้ประมาณ ๒๐๐ ไมล์แดนบอกว่าคงถึงประมาณสี่โมง (แดนบอกว่า โฟร์โอ คล๊อก ไอ้ผมก็ทะลึ่งแปลเป็นภาษาไทยว่าสี่โมง คงเป็นสี่โมงเช้า สิบโมงเช้าก็คงถึงว่าเข้านั่น..ฮา) แต่พอเราคำนวณใหม่ เราร้องเจี๊ยกกันเลย นี่ถ้ารู้ว่าเราต้องขับรถกันสองพันกว่าไมล์เราคงนั่งเครื่องตามแผนเดิมของผม ฮ่าๆ กว่าจะไปถึงเมืองฮันส์วิลพวกเราก็สะโหลสะเหล ขับรถไปหาแดนถึงฟาร์มสนุกสนานเฮฮากันอยู่พักหนึ่ง แดนแช่เบียร์ไว้ให้ และบอกว่าจัดที่พักไว้ให้แล้วที่โรงแรมฮอลิเดย์อินน์ เดี๋ยวไปทานอาหารกัน เข้าที่พักและพักผ่อนกันนิดหน่อย แดน,แจน,เอ็ด,มาร์กาแรต มารับไปทานอาหารกัน แดนบอกว่าถึงเวลาล้างแค้น (ตอนแดนมาเมืองไทยผมแกล้งพากินข้าวทุกวัน แดนบอกว่าไปอเมริกายูต้องกินอย่างที่ไอกิน เอิ้กๆๆ) ก็เลยบอกแดนว่าแดนสั่งอะไรเราก็กินอย่างนั้น แดนสั่งริบอายสเต๊คชิ้นเบ้อเริ่มให้ผมและผมจะสั่งสุกก็ไม่ยอมเพราะแดนสั่งมีเดียมแรร์ ล่อเสียเต็มคราบเพราะตอนกลางวันรู้อยู่แล้วว่าเย็นนี้เจอศึกหนัก ก็เลยไม่ค่อยทานอะไร จบมื้อเย็นแล้วแดนกับเอ็ดมาส่งที่โรงแรมหลับเป็นตาย

มุมบนซ้ายรถปอนเตี๊ยกที่เราเช่าไปขับเที่ยวกัน มุมล่างขวาเป็นลูกแคร๊บแอปเปิ้ลที่ผมไปกินที่อลาสก้า

 

๒๐ ต.ค.๔๗

        วันนี้ลงไปทานอาหารเช้าประมาณ ๘ โมงครึ่ง เพื่่อนบอกว่าวันนี้แดนโทร.มาแต่เช้า ผมบอกว่าเขาไม่ได้โทร.มาที่ห้องผม ก็เริ่มงงว่าแดนมีอะไร ทานอาหารเช้าจนอิ่มพี่รุ่งโรจน์บอกว่ามีฝรั่งมาหาคนไทย ถามพี่เขาว่าเป็นคนไทยหรือเปล่า เขามาหาคนไทยและให้ดูคนไทย (รูปเจ้าเนติ์ลูกชายผม แต่พี่ณรงค์ศักดิ์ไม่เคยเห็น ก็เลยบอกว่าไม่รู้จัก ฮา..)แล้วมาเล่าให้พวกเราฟังว่าฝรั่งมาตามหาคนไทยสงสัยลูกแต่งงานกับคนไทย ผมทานจนอิ่มลุกออกไปข้างนอกเดินผ่่านล๊อบบี้กำลังจะออกไปที่ประตูหันไปมองหาฝรั่งที่มาหาคนไทยสักหน่อยปรากฏว่าเป็นแฮรี่จะมารับไปทานอาหารเช้าก็เลยขอบคุณเขาไปเพราะเราอิ่มแล้ว แฮรี่ถามโปรแกรมก็เลยบอกว่าไปทานข้าวเที่ยงที่บ้านเอ็ด หลังจากนั้นจะไปเที่ยวในฟาร์มของแดน แฮรี่บอกว่าจะพาไปเที่ยวรอบเมืองเอาไหมก็เลยตอบตกลงเพราะเพื่อนไม่อยากดูตอนเขายิงควายไบซัน(ฟาร์มแดนเลี้ยงควายไบซันฝูงใหญ่ พื้นที่กว้างขวาง มีทุ่งหญ้า มีเมล็ดพันธุ์พืช) เราทานข้าว(ข้าวจริงๆ)แต่ข้าวไม่อร่อยเหมือนบ้านเรา มากาแรตรู้ว่าพี่รุ่งโรจน์ไม่ทานเนื้อกับปลา อาหารวันนี้จึงมีหมูย่างรมควัน อร่อยมากเราแย่งพี่รุ่งโรจน์กินด้วย นอกจากนั้นยังมีสเตคเนื้อวัวซึ่งอร่อยมากๆ ตามด้วยของหวานคือพายมะพร้าวที่เนติ์ลูกชายผมชอบกับขนมอบหน้าลูกพีแคน เราอิ่มกันจนตื้อไปหมด

ไปกินข้าวบ้านเอ๊ดและมาร์กาแร๊ตและไปเยี่ยมโรงเรียนของเนติ์

        จากนั้นเอ็ดพาไปส่งที่บ้านแฮรี่ เราเห็นต้นไม้กำลังเปลี่ยนสีมีทั้งสีเขียว เหลืองและแดงและใบกำลังร่วง สอบถามว่าต้นเมเปิ้ลหรือเปล่าปรากฏว่าไม่ใช่ แฮรี่ก็ไม่รู้จัก แต่มากาแรตรู้จักบอกว่าต้น สวีส    ในที่สุดแฮรี่ก็พาเที่ยวจนสี่โมงเย็น เราจึงขอตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าความจริงก็อยากกลับมางีบ แฮรี่กลับมารับตอนห้าโมงแล้วไปเอากับข้าวที่บ้านแฮรี่อีกรอบ ปรากฏว่าแฮรี่กับจูดี้ทำไก่ย่างกับซี่โครงหมูอบและมีขนมเค็กชอคโกแลต(บราวนี่)อร่อยมากๆเราช่วยแฮรี่เอากับข้าวขึ้นรถ พาไปบ้านแดน

แฮรี่มีรถที่มีที่นอนพร้อมตั้งชื่อว่าเป็น ฮอลไอเดย์ อินน์ Halliday Inn เลียนแบบ Haliday Inn

        เอ็ดกับมากาแรตทำขนมอบเรียกว่าอะไรไม่รู้ลืมถามกับมันฝรั่งแบบฝรั่งไม่รู้เรียกว่าอะไร เพื่อนติดใจกันยกใหญ่ว่าอร่อย ส่วนแดนกับแจนก็มีสเตคควายไบซันมีผักอบเนยอร่อยมากอีกเช่นกัน เรากินกันจนอิ่มก็เลยร่ำลากัน ทั้งจูดี้ มากาแรต และแจนเข้ามากอดบอกให้มาเที่ยวอีกนะ จูดี้บอกว่าผมดูหนุ่มกว่าในภาพตั้งเยอะ แฮรี่ไม่ได้ยินก็มาบอกอีกว่านึกว่าจะดูแก่เหมือนในรูป สงสัยเพราะเขาเห็นภาพตอนแต่งชุดขาวใส่สายสะพายและดูขรึมๆแบบผู้ใหญ่..อิอิ แต่สองคนนี้อายุมากแล้วขนาดจูดี้อายุ ๗๐ กว่าแล้วยังเดินเหินคล่องทำขนมและกับข้าวก็อร่อย

        ผมบอกให้เอ๊ดฟังว่าผมรู้สึกอบอุ่นเมื่ออยู่ที่บ้านเอ๊ด เอ๊ดบอกว่าคงเป็นความรู้สึกเดียวกับลูกชายผม และเล่าว่าลูกชายผมถึงเวลาต้องไปอยู่อีก ครอบครัวหนึ่งก็แอบมานอนที่บ้านประจำเพราะเขารู้สึกอบอุ่น

        มาอเมริกาคราวนี้ไม่เสียเที่ยว ผมได้ไปขอบคุณผู้มีบุญคุณกับลูกชายผม ไปเยี่ยมโรงเรียนที่ลูกไปเรียน ไปเจอครูที่เคยสอนเขา ไปขอบคุณเขาบอกว่าคนไทยสำนึกบุญคุณของคนที่เป็นครูบาอาจารย์เขาประทับใจกันใหญ่  ข้างฝ่ายพี่รุ่งโรจน์ก็มีพี่เขยอยู่ที่มิสซูรี่เช่นกัน พยายามติดต่อวันแรกติดต่อไม่ได้ เพิ่งติดต่อได้วันนี้และญาติอุตส่าห์ขับรถมาสามชั่วโมงกว่าเจอกันตอนสามทุ่มเศษ ล่อเบียร์กันเพลินในห้องรับแขกของโรงแรมจนกระทั่งหย่อนขวดเบียร์ลงในถังขยะ มีเสียงขวดหลายครั้งเข้าพนักงานโรงแรมจึงบอกว่ากฎหมายที่นี่ห้ามดื่มแอลกอฮอล์ในส่วนที่เป็นสาธารณะ จึงหยุดดื่ม แต่ตอนนั้นหมดไปคนละหลายขวดแล้ว แล้วไปนั่งคุยต่อกันในห้องอีก

ผมเลยขอตัวไปเช็คเมล์และเรามีีความสุขกันถ้วนหน้าโทรศัพท์คุยกับคุณแอ๊ด และทีมที่มาเยี่ยมพี่รุ่งโรจน์เพิ่งแยกย้ายกันตอนเกือบเที่ยงคืน วันนี้จึงเป็นวันที่ชาวคณะพวกเรามีความสุขกันเต็มที่ครับ...(ยังอยากอ่านต่ออยู่ไหมนี่..อิอิ)

หมายเลขบันทึก: 299278เขียนเมื่อ 20 กันยายน 2009 20:48 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 21:35 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (10)

สวัสดีครับ

ไม่ได้ตามข่าวพักเดียว ไปอยู่อเมริกาเสียแล้ว อิๆๆ

สองพันไมล์ ถ้าเป็นบ้านเรา ขับรถจากภูเก็ตคงทะลุเมืองจีนโน่นแหละ

สนุกดีครับ

สวัสดีครับ อ.ธ.วั ช ชั ย

คิดถึงครับไม่ได้เจอกันนานแล้ว..อิอิ

นึกถึงตอนขับรถในอเมริกาแล้วสนุกไม่หาย เพื่อนมันแกล้งให้ผมขับช่วงเข้าเมืองในรัฐมิสซูรี่ ถนนมันนับสายไม่ถูกเยอะมาก มันบอกให้ขับตามเลนที่เราขับอยู่ในปัจจุบันห้ามเปลี่ยนเลนเด็ดขาด เพราะไม่งั้นจะไปออกไหนไม่รู้ ฮ่าๆ ในที่สุดก็ผ่านไปได้ด้วยความใจหายใจคว่ำของผม อิอิ

เขาเรียกว่าขับรถทำเวลา ทำเวลาได้เยอะแต่ได้ระยะทางไม่เท่าไร...

ขอบคุณครับ ได้ความรู้เพิ่มเติมมากครับ

สวัสดีค่ะ คุณลุงอัยการ

แก้เครียดเลยมาตามไปเที่ยวอเมริกาต่อดีกว่า อิอิ ลูกสีแดงๆข้างบนคล้ายๆลูกตะขบบ้านเราเลยเนาะ อิอิ

คุณลุงขับรถเก่งจัง สนุกดีจ้า.......................

สวัสดีครับคุณศิริวรรณ

ขับกันจนเบื่อเลยแหละ เพราะเพื่อนนอกจากคำนวณระยะทางผิดแล้วยังลืมคำนวณเป็นกิโลด้วย แต่ก็ดีตรงที่ว่าถ้าไม่ขับรถเที่ยวเราก็คงไม่ได้ไปหยิบหิมะเล่น แฮ่ะๆ

สวัสดีครับคุณนพพิจิตร

ยินดีที่บทความนี้ให้ความรู้กับผู้อ่านครับ

หวัดดีหนูแอ้ม

เที่ยวอเมริกาให้สนุกนะ..

  • ท่านอัยการครับ
  • เห็นภาพท้องฟ้าหลายภาพสวยๆๆทั้งนั้น
  • เพิ่งเห็นวัวไบซัน 
  • น้องเนติ์เคยไปเรียนที่นั่นใช่ไหมครับ
  • ข้าวที่ต่างประเทศไม่เหมือนข้าวไทยเลยนะครับ
  • กินกี่ครั้งก็ไม่อร่อย
  • รออ่านอีกครับ
  • เพิ่งเห็นผลไม้ชัดๆๆ
  • ผมไม่ได้มาวๆๆๆๆ

สวัสดีครับ อ.ขจิต

รถสีขาวคือปอนเตี๊ยกที่เราเช่าขับ

ท้องฟ้าใกล้ค่ำสวยมากๆ ขนาดไม่ได้ลงจอดถ่าย(รูป) อิอิ ถ่ายจากในรถ

ข้าวที่นั่นเม็ดเล็กๆ ไม่ใช่แบบข้าวหอมมะลิ ถ้าเอาข้าวหอมมะลิมาขายน่าจะดีกว่า..

ผลไม้นี่เป็นลูกแคร๊บแอปเปิ้ล ครับ เห็นรูปทรงมันเหมือนแอปเปิ้ลลูกจิ๋วครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท