๓.ฮาอเมริกัน..เฮ


ผมอ่านการ์ดโทรศัพท์ของเก่าว่า ใช้ในแคลิฟอร์เนียเท่านั้นแล้วลืมนึกว่าซานฟรานซิสโกอยู่ในแคลิฟอร์เนียเลยทำให้พี่รุ่งโรจน์และผมเสียอีกคนละ ๕ เหรียญ ซื้อการ์ดมาอีก เชยซะไม่มี....ฮ่าๆ

 

๑๑ ตุลาคม ๒๕๔๗

เมื่อคืนนี้หลับไปถึงตีสี่ลุกขึ้นเข้าห้องน้ำแล้วนอนต่อตื่นแปดโมงเช้าพอดี ผมคิดว่าผมคงไม่งงกับเวลาอีกต่อไป เช้าตื่นขึ้นมาก็จัดการกับอาหารเข้าซึ่งก็มีไส้กรอก,แฮม,ขนมปัง เห็นผลไม้แปลกๆก็เลยจัดการซะ รู้สึกจะเป็นบลูเบอรี่กับราสเบอรี่ เปรี้ยวมั่งหวานมั่งไปตามเรื่่องอร่อยดี

วันนี้ว่างก็เลยไปที่โรงถ่ายยูนิเวอร์แซล จ่ายไป ๔๙.๗๕ เหรียญ ดูคุ้มมากเพราะเราไปถึงเขาเพิ่งเปิดคนยังไม่มากได้ดูการทำสเปเชี่ยลเอฟเฟคด้านต่างๆ นั่งรถชมโรงถ่ายก็สนุกมาก ดูหนังชเร็ค ๔ มิติ เวลาเจ้าลามันจามจะมีน้ำให้เราเปียกอีกด้วย เทอร์มิเนเตอร์ก็สนุก ,มัมมี่พอดูได้,จูราสสิคปาร์คก็คล้ายกับล่องแก่งในสวนสนุกบ้านเราไดโนเสาร์ทำดีกว่านิดหน่อย,แบคทูเดอะฟิวเจอร์ก็มัน ขาดเพียงอย่างเดียวคือวอเตอร์เวิร์ลมาไม่ทันเพราะดูแทบทุกอย่าง เอาะเหอะถึงจ่ายไปสองพันก็คุ้มค่า ความที่มันกว้างใหญ่ไพศาลเที่ยววันเดียวดูการละเล่นไม่ครบหรอกครับ เล่นเอาพี่รุ่งโรจน์ยืนหลับคาคิวเข้าชม การแสดงเทอร์มิเนเตอร์ ฮา....

 

ที่เล่าให้ฟังนี่เป็นการละเล่นของผู้ใหญ่เท่านั้นนะ ยังมีรายการของเด็กอีกเพียบ วันนี้เป็นวันแรกที่เที่ยวจนหมดแรง อากาศตอนเช้าเย็นนิดหน่อย อ้วน แนะนำให้เอาแจคเก็ตหรือเสื้อหนาวไปด้วยเพราะตอนเย็นมันจะหนาว ผมก็เอาสูทไปแต่พอเดินเล่นก่อนซื้อตั๋วคุยกับท่านรองปลัดกระทรวงแล้วท่านก็เดินเล่นด้วยสักไม่เกินครึ่งชั่วโมงท่านก็กลับไปทำกิจธุระของท่านต่อ เนื่องจากวันนี้เป็นวันโคลัมบัสเดย์ สถานที่ราชการจึงปิด แต่คริสต้องอยู่ ทำงานเนื่องจากวันอาทิตย์มีการจับกุมผู้ต้องหาต้องดำเนินการทางกฎหมายในวันจันทร์จึงต้องไปทำงาน แต่พอผมกลับจาก ยูนิเวอร์แซล ก็เจอคริสมานั่งทานข้าว กับคณะท่านกงสุลที่ร้านไทยนคร เจ้าของร้านชื่อพี่เล็ก (พนิดา)เป็นอดีตพยาบาล ผมปล่อยไก่ ตัวเบ้อเริ่มถามพี่เล็กว่าเป็นคนคอนหรือ พี่เล็กบอกว่าเป็นคนคอนแต่เป็นคอนพนม ฮา..

เรากลับมาถึงโรงแรมก็มานั่งคุยถึงภาระกิจที่จะต้องแยกไปบริการคนไทยวันพรุ่งนี้เนื่องมีปัญหาไม่เข้าใจกันแล้วมีการตีพิมพ์ข้อความในลักษณะเขิงข่มขู่ใส่ร้ายกันเรื่องจริงเป็นอย่างไรเราไม่รู้ก็คงชี้ข้อกฎหมายได้อย่างเดียว แต่ที่เราอยากจะเห็นคือ ความ สามัคคีของคนไทยที่นี่ต่างหาก จึงพยายามพูดอธิบายแบบประนีประนอมกัน

 

๑๒ ต.ค.๔๗

เราเตรียมเช็คเอ้าท์เพื่อไปบริการกฎหมาย แล้วเมื่อทางคณะกระทรวงต่างประเทศประชุมกับกงสุลเมกซิโกแล้ว ก็จะออกเดินทางไปซานฟรานซิสโกโดยรถยนต์ตู้เช่าขนาด ๑๕ ที่นั่ง

เราเดินทางมาถึงกงสุลเมกซิโก โดยพวกเราไม่รู้โปรแกรมเพราะเข้าใจว่าจะต้องไปพบกับคนไทยแล้วแยกคณะกัน จึงไม่ผูกเนคไท แต่เอาสูทไปก็เลยเอาตัวรอดโดยการติดกระดุมคอ อิอิ เขาเตรียมที่นั่งไว้ให้พวกเราด้วย มีชื่อวางไว้พร้อม นั่งฟังการแก้ ปัญหาของคนเมกซิกันที่มาอยู่ในแอลเอโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายซึ่งจะมีผลให้ไม่สามารถเอาเงินฝากแบงค์ ไม่มีสิทธิในการรักษาพยาบาลและปัญหา อื่นๆอีกมากมาย สถานกงสุลก็เลยแก้ปัญหาด้วยการทำบัตรให้คล้ายบัตรประชาชนมีข้อมูลวันเดือนปีเกิด ที่อยู่ ข้อมูลส่วนบุคคล แต่เขาก็ต้องระมัดระวังในการออกบัตรต้องมีการตรวจสอบว่าบัตรปลอมหรือไม่ ตรวจสอบที่ดำแหน่งใดบ้างซึ่งเป็นความลับแต่เขาเปิดเผยให้เราได้รับรู้แต่ไม่สามรถให้การ์ดตัวอย่างมาได้เพราะมีเลขรันนิ่งอยู่ เสร็จแล้วเราก็แยกกลุ่มไปคุยกับคนไทยที่สมาคมคนไทยในแอลเอ ทำให้เราได้รับรู้ข้อมูลบางอย่างที่เราไม่รู้ เราเห็นการเขียนด่ากันในหนังสือพิมพ์โดย ใช้ภาษาหยาบคาย เช่น แม่เป็นcurry (เขาเขียนด่าเป็นภาษาไทยครับ) อิอิ เรียกคนเป็นสารพัดสัตว์ ก็งงอยู่ว่าคนที่เขามาอยู่เมืองนอกเมืองนาทำไมใช้ภาษาด่าแบบนั้น หากจะด่ากันก็น่าจะด่าแบบผู้ดีแต่นี่เล่นด่าแบบชาวบ้านด่ากันในตลาด ด่าแบบไม่มีราคา เฮ้อ..นี่หรือคนไทยในต่างแดน

เราอยู่กันถึงบ่ายโมงกว่าคนขับรถของท่านกงสุลมาตามเพราะเราจะต้องขึ้นเครื่องไป ซานฟรานซิสโกกันต่อ หนังสือพิมพ์ลงช่าวพวกเราด้วย จากนั้นเราก็ไป สมทบ กับคณะที่ร้านอาหารเกาหลี อาหารมื้อนี้อร่อยมากจนผมพุงกางเลยทีเดียว เราขึ้นเครื่องคราวนี้ปรากฎว่าผม พี่รุ่งโรจน์และพี่สถิตย์ กงสุลแคลิฟอเนียถูกตรวจละเอียดปรากฎว่าที่บัตรมีอักษร SSSS เป็นการสุ่มตรวจ แต่ก็ไม่มีอะไร เราไปถึงสนามบินโดยมีภรรยาท่านนายกสมาคมไทยในคาลิฟอเนียตอนเหนือ ท่านก็พาไปทานอาหารที่ร้านอาหารจีน อร่อยแต่ขอบอก กับข้าวให้มาเยอะมาก จนผมแทบจะร้องไห้โฮเลยเชียวละเพราะทานไม่หมด อิอิ ทานอาหารเสร็จเขาก็พา เที่ยวชมเมือง ชมสะพานโกลเด้นเกต ชมแสงไฟที่อ่าวต่างๆสวยงามมาก แล้วเข้าที่พัก ผมอ่านการ์ดโทรศัพท์ของเก่าว่า ใช้ในแคลิฟอร์เนียเท่านั้นแล้วลืมนึกว่าซานฟรานซิสโกอยู่ในแคลิฟอร์เนียเลยทำให้พี่รุ่งโรจน์และผมเสียอีกคนละ ๕ เหรียญ ซื้อการ์ดมาอีก  เชยซะไม่มี....ฮ่าๆ

 

๑๓ ตุลาคม  ๒๕๔๗     

เช้าวันนี้ก็มีคุณพรพิไลกับคุณหนิงมาขับรถมาเราไปเที่ยว ใช่รถเก๋งสองคัน พี่สถิตย์ พี่รุ่งโรจน์ และผมไปกับคุณพรพิไล ส่วนท่านอธิบดี คุณจิ๊บ และคุณพิณเทพ ก็ไปกับคุณหนิง เรานัดกันไปขึ้นรถราง ในที่สุดก็คลาดกัน ผมโหนรถรางกับ พี่ณรงค์ศักดิ์และพี่สถิตย์ โดยคุณพรพิไลจะรอรับอยู่ที่ถนนลอมบาร์ค โหนรถรางกันจนเมื่อยมาถึงถนนที่ว่า ซึ่งใครมาไม่ถึึงถนนสายนี้ก็เหมือนกับไม่ถึงซานฟรานซิสโก ผมเรียกถนนลำบาก เพราะลงจากเขาก็จะเจอทางที่โค้งไปโค้ง มาจนใครที่รถเบรคไม่ดีก็ไม่ควรเสี่ยง จากนั้นก็ไปเพียร์ ๓๙ เป็นท่าเรือ  ถ่ายรูปกับมหาตมะคานธี มองเห็นคุกอัลคาทราสด้วย  

เดินดูของที่ระลึกก็ซื้อไม่ลง เราเดินไปดูร้านขายปูอลาสก้าเห็นคนแกะ กินกันตรงนั้นท่าทางอร่อยดี จากนั้นก็ไป หาคุณสมนึกที่ร้านก๋วยเตี๋ยวบางกอก เอาของที่คุณหนุ่ยฝากมาให้คุณสมนึก ปรากฎคุณสมนึกเลี้ยงอาหารพวกผม เสียอิ่มแปร้ จากนั้นคุณพรพิไลพาดูสะพาน โกลเด้นเกต

 แต่ก่อนจะถึงเราแวะชม พิพิธภัณฑ์แห่งหนึ่งสร้างใหญ่โตสไตล์โรมันอยู่ไม่ไกลจากสะพาน ถ่ายรูปกันเสร็จก็เดินทางไปสะพานอันเลื่องชื่อวันนี้โชคดีท้องฟ้าเปิดเห็นสะพานชัด 

จากนั้นก็ตามไปสมทบคณะท่านรองปลัดกระทวงกันที่ร้านอาหารของน้องสาวภรรยาท่านนายกสมาคมไทยแห่งแคลิฟอร์เนียตอนเหนือ ทานอาหารกันเสร็จเราก็เดินทางไปวัด มงคลรัตนารามเพื่อเปิดคลีนิคกฎหมายและกงสุลสัญจร ตอนเวลา ๑ ทุ่ม สนุกมากปัญหาข้อกฎหมายก็เยอะปัญหา ทางด้านกงสุลก็แยะ ทำเอาต้องเลิกหลังเวลาถึง ๑ ชั่วโมงแต่พวกเราก็เต็มใจ เสร็จงานก็ยังมีคนไทยเจ้าของร้านอาหาร พาไปเลี้ยงข้าวต้มที่ร้านอีก ที่ร้านเราได้ทราบว่าต้องจ่ายค่าตอบแทนให้คุณพรพิไล ๒๕๐ เหรียญ เพราะท่านนายกฯบอกไว้ พอคุณพรพิไล ส่งเราที่โรงแรมผมก็ส่งเงินให้ช่วยเป็นค่าน้ำมัน ๒๕๐ เหรียญ ปรากฎว่าคุณพรพิไล ไม่เอา

 

๑๔ ต.ค.๔๗

เช้าวันนี้ขณะรอรถผมบอกคุณพิณเทพ เรื่องเงินที่ให้คุณพรพิไล ท่านก็ร้องว่า อ้าวเหรอ ก็นายกฯเขาบอกยังงั้นนี่ เดี๋ยวให้กับท่านนายกฯก็แล้วกัน พอเจอท่านนายกฯก็บอกว่าให้คุณพรพิไลแล้วไม่เอา พร้อมทั้งส่งเงินให้ท่านนายกฯ ท่านก็รับใส่กระเป๋า เอ้า งง  ฮ่า....ตกลงเราก็เลยไม่รู้ว่ามันเป็นยังไง  พี่รุ่งโรจน์ เลยโทร.ไปหาคุณพรพิไล ขอบคุณและบอกว่าฝากค่าใช้จ่ายไว้กับนายกฯแล้ว ๒๕๐เหรียญ เธอก็ตอบว่า ค่ะ ก็เลยยิ่งงงหนักเข้าไปอีก ก็ให้แล้วทำไมไม่เอา ฮา.....(ยังมีต่อ...อีกเยอะ..)

หมายเลขบันทึก: 297341เขียนเมื่อ 14 กันยายน 2009 08:03 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 21:32 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (11)

สวัสดีครับ่านอัยการ แวะมาเยี่ยมบ้านใหม่ไว้ก่อนครับ ยังไม่หายงงครับ

สวัสดีครับ พี่บัณฑูร

ตามมาอ่านบันทึก ทริป สนุกๆครับ

จ่ายสองพัน หากคุ้มไม่คุ้ม ก็สัมผัสได้ด้วยตัวเองนะครับ สิ่งไม่เคยรู้เมื่อไปถึง เท่าไหร่ก็ยอมจ่ายนะครับ...

หากไปนอนกมีเพื่อนที่คอยดูเเล คงสบายใจ และไปไหนก็ไม่ต้องลำบากใจครับล คนไทยอย่างเราปัญหาอยู่ที่ "ภาษา" หากภาษาดีก็มีชัยกว่าครึ่ง

ผมก็ต้องฟิตภาษา โทเฟิล ผมยังไม่ผ่านเลยครับพี่ครับ ยังต้องบ่มอีกนานพอสมควร

พี่ทั้งสองสบายดีนะครับ ผมมีโอกาสผมจะไปเที่ยวภูเก็ตนะครับ

แอ้ม คนเมืองขนมหวาน

สวัสดีค่ะ คุณลุงอัยการ

มาตามไปเที่ยวอเมริกาต่อคะ สนุกดีได้ความรู้ด้วย

จะพยายามหาเวลาว่างตามไปเที่ยวต่อนะคะ อิอิ

แอ้ม เมืองขนมหวาน

ขอโทษนะคะ เริ่มมึนแล้วค่ะ ท่านนายกฯ คือใครคะ  แล้วคุณสมนึกนี่เป็นพี่หรือน้องของคุณสมชายคะ

ปล่าวก่อกวนนะ

สลามครับท่านวอญ่า

บ้านใหม่สวยสดใส อาจจะงงทางเข้าบ้านและบริเวณรอบบ้านนิดหน่อย อีกหน่อยพอชินแล้วเข้าออกได้บายๆครับ อิอิ

สวัสดีครับน้องเอก

จากที่ไปเมืองนอกมาสามสี่ครั้ง สรุปได้ว่าภาษาพอกระท่อนกระแท่นก็อยู่ได้ไม่อดตายแล้ว ฮ่าๆ เพราะพูดไม่ได้ก็ทำท่าได้ ฮา..

ถ้าไปสอบโทเฟลผมจะได้ถึงสองร้อยหรือเปล่าก็ไม่รู้ อิอิ

แต่ถ้าไปภูเก็ตจริงขอให้บอก พี่แอ๊ดบอกว่าจะพาเลี้ยงให้อิ่มแปร้เลย..

สวัสดีหนูแอ้ม

ต้องตามอ่านกันยาวนานเลยแหละ อิอิ

คุณศิริวรรณ

คุณสมนึกที่ผมไปหาที่ลอสแองเจลิส เป็นคนละคนกับคุณสมนึกที่เป็นพี่คุณสมชายที่อยู่พิพิธภัณฑ์เปลือกหอยภูเก็ต

ส่วนนายกฯชื่ออะไรลืมจดมา ถึงวันนี้เกือบ ๕ ปีแล้ว จำบ่ได้..อิอิ

สวัสดีค่ะ

  • ท่านอัยการเล่าได้สนุกดีค่ะ
  • การย้อนอดีต..นี่เป็นความสุขอีกแบบนะคะ
  • วันนี้พี่ขึ้นบันทึกใหม่  กลัวจะหาไม่เจอจึงนำลิงค์มาฝากค่ะ
  • http://gotoknow.org/blog/krukim/298027

ขอบคุณครับพี่คิม

ยินดีกับวันครบรอบ ๑ ปีการเขียนบันทึกที่นี่ครับ

ปูม้าตัวใหญ่มากๆๆ เรื่องให้เงินนี่งง งง จริงๆๆ สรุปว่าจะเอาหรือไม่เอา ฮ่าๆๆๆๆ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท