สวัสดีค่ะคุณ หนุ่ม กร~natadee
ขอบคุณมากค่ะ คนไทยเราได้เปรียบนะคะ เพราะมีวัฒนธรรมของการทักทายและไหว้อยู่แล้ว
ขอบคุณค่ะ
(^___^)
ปัญหาอุปสรรคในการทำงานในปัจจุบันนี้ มีสาเหตุจากหลายปัจจัย และปัจจัยสำคัญมักจะเป็นปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับ “คน” ดังที่มักได้ยินว่า “งานไม่เท่าไหร่ แต่เหนื่อยใจกับคนต่างหาก”
เรื่องของการ “เหนื่อยใจกับคน” นี้ หากพิจารณาลงไปอีกก็จะพบว่าปัญหาหลัก ไม่ใช่การที่มีคนทำงานไม่เก่ง ไม่มีประสิทธิภาพ แต่มักจะเกิดจากการมี “อัตตาตัวตน” ของคนทำงานเสียมากกว่า
ในองค์กรหรือหน่วยงาน เมื่อบุคลากรไม่มีสมรรถนะในงาน ก็พัฒนาได้ด้วยการให้ความรู้ เพิ่มทักษะการทำงานด้วยวิธีการต่าง ๆ แต่คนที่มีความสามารถ เก่ง แต่ทำงานและเข้ากับเพื่อนร่วมงานไม่ได้ คงต้องยอมรับว่าส่วนหนึ่งน่าจะมีผลมาจากการมี “อัตตาตัวตนสูง”นี่เอง
การมีอัตตาตัวตน (Ego) สูง ทำให้คนนั้นทำงานเป็นทีม (Team Work) ไม่เป็น ยากต่อการยอมรับความคิดเห็น แนวคิดใหม่ ๆ มีความคิดไม่กลมกลืนกับเพื่อนร่วมงาน และไม่สามารถทำงานให้บรรลุเป้าหมายขององค์กร/หน่วยงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้น การมีอัตตาตัวตนที่สูงเกินไป จะเป็นอุปสรรคต่อการทำงานและการพัฒนาศักยภาพของคน จึงควรจะหาวิธีการลดละให้อัตตาตัวตนนี้...น้อยลงหรือหมดไป
ในฐานะที่เป็นนิสิตนักการศึกษานอกระบบ จึงคิดว่า แนวคิดนีโอฮิวแมนนิส มีวิธีการลดอัตตาอย่างง่าย ๆ และเป็นรูปธรรม .... ลองพิจารณาดูนะคะ
วิธีการลดอัตตา (Ego) ของตัวเอง ตามแนวนีโอฮิวแมนนิส
1. ยิ้ม ทักทาย สวัสดี ไหว้ผู้อื่นอย่างสุภาพอ่อนน้อมถ่อมตนอยู่เสมอ ยิ่งเรายิ้ม ทักทาย และไหว้ สวัสดีผู้อื่นก่อน โดยเฉพาะผู้ที่มีอาวุโสน้อยกว่าเรา มีตำแหน่งทางสังคมต่ำกว่าเรา จะเป็นการลดอัตตาที่ดีที่สุดและเร็วที่สุด
2. นั่งหรือนอนในที่ ๆ ทีคนจำนวนมากเดินเหยียบย่ำไปมาอยู่เสมอ เช่น นั่งกับพื้นแทนที่จะนั่งบนเก้าอี้ นอนกับพื้นแทนที่จะนอนบนเตียง
3. ทำลาร์ลิตา มาร์มิการ์ (การออกกำลังกายของโยคะศาสตร์) ด้วยการร้องเพลงมันตรา(บาบานัม เควาลัม) เสียงดัง ๆ การชูมือในท่ายอมแพ้ หรือพนมมือพร้อมกับการร้องเพลงมันตรา (บาบานัม เควาลัม แปลว่า ความรัก ความเมตตาที่ยิ่งใหญ่มีอยู่ทุกหนทุกแห่ง) จะช่วยให้จิตใจเราอ่อนน้อม สงบ เยือกเย็น มีสมาธิยิ่งขึ้น
4. ฝึกสติด้วยการเต้นเกาชิกิ (การออกกำลังกายของโยคะศาสตร์) อย่างถูกต้อง (แขนตึง ชิดใบหูสองข้างตลอดเวลา) อย่างน้อยวันละ 5-10 นาที เพื่อ นอกจากนี้การเต้นเกาชิกิอย่างถูกต้องจะเป็นการฝึกมหาสติที่สมบูรณ์ตามหลักโยคะศาสตร์ เมื่อเรามีสติสูงขึ้น เราจะให้อภัยให้ตัวเองและผู้อื่นได้ง่ายขึ้น และยังทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้อย่างประสบความสำเร็จอย่างง่ายดายด้วย
5. ฝึกการให้เกียรติแก่ผู้อื่น โดยไม่เลือกชั้น วรรณะ ฐานะ ตำแหน่งหน้าที่การงาน และผู้ที่คนในสังคมไม่ให้เกียรติ
6. ฝึกอดอาหาร (Fasting) หนึ่งวัน (24 ชั่วโมง) อย่างน้อย 2 สัปดาห์ต่อครั้ง นอกจากจะมีผลดีต่อการขับสารพิษต่าง ๆ ออกจากร่างกายแล้ว การอดอาหารจะเป็นช่วงที่เราไม่ได้รับพลังงานจากอาหารเหมือนวันอื่น ๆ ศักยภาพทางร่างกายจะลดลง และทำให้อัตตาตัวตนของเราพลอยลดลงไปด้วย
มีความสุขกับวันสุดสัปดาห์ที่จะมาถึงนี้นะคะ
(^__^)
หมายเหตุ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม ได้จากบันทึก แนวคิดนีโอฮิวแมนนิส
รายละเอียดการเต้นเกาชิกิ ที่ http://variety.mcot.net/V3515
ส่วนการทำ ลาร์ลิตา มาร์มิการ์ หาภาพลิงก์ยังไม่ได้ค่ะ
ยังไม่สามารถทำข้อ 3 4 5 ได้ครับ มาเรียนรู้ก่อนนะครับ สบายดีไหมครับ
สวัสดีค่ะอ.ขจิต ฝอยทอง
อย่างน้อยก็ทำได้ตั้ง 3 ข้อแล้วนี่คะ....
แสดงว่าอ.ขจิต ไม่เป็นคนที่มีอัตตาสูงค่ะ ทำแค่ 3 ข้อก็น่าจะพอแล้ว
คนไม่มีรากสบายดีค่ะ
(^___^)
สวัสดีครับอาจารย์ ขอเริ่มต้นที่ข้อหนึ่ง..ด้วยคนครับ
สวัสดีค่ะคุณ หนุ่ม กร~natadee
ขอบคุณมากค่ะ คนไทยเราได้เปรียบนะคะ เพราะมีวัฒนธรรมของการทักทายและไหว้อยู่แล้ว
ขอบคุณค่ะ
(^___^)
บันทึกนี้ดีมากครับ
ผมมีปัญหาเรื่องนี้เยอะมากครับ
ผมเรียนรู้เรื่องอัตตาของตนัวเองมาเมื่อไม่นานมานี้
อัตตาที่ทำให้ผมทุกข์อกทุกข์ใจกับตัวเอง กับผู้คน สังคมและโลกคือ
อัตตาที่เรียกว่าอุดมการณ์
เราอยากจะเปลี่ยนแปลงโลกทั้งโลก ภายใต้อุดมการณ์ที่เรายึดถือ
ไม่เป็นไปตามที่เราต้องการ ก็ทุกข์ อึดอัด คับข้องใจ
การตัดสินใจหันหลังให้กับบางสิ่งบางอย่าง
เช่น ลาออกจากงาน ด้วยเหตุผลว่า นายและเพื่อนร่วมงานฉลาดน้อยและไม่มีอุดมการณ์ เป็นต้น
คงไม่ต้องสารภาพว่า ยังละไม่ได้
แต่ก็รู้ตัวเป็นพัก ๆ ครับ แต่การละมิใช่เรื่องง่าย
...
บันทึกนี้ให้สติดีมากครับ
ไม่ทราบว่า "คนไม่มีราก"
เรียนรุ่นเดียวกันกับพระดำรง หรือไม่ครับ
ผมกับพระดำรงรู้จักกันครับ
สวัสดีค่ะ
มาศึกษาการลดอัตตาตามแนวนีโอฮิวแมนนิสค่ะ
ได้ความคิดดีๆกลับไปค่ะ ขอบคุณ
สวัสดีค่ะพี่โหล
คิดถึงมาก ๆ ค่ะ
ได้อ่านเรื่องการลดตัวตน อัตตาแล้ว ดีจังค่ะ
อ.ตั๋งแจกให้เหมือนกันค่ะ
อ้อมยังทำไม่ค่อยได้ค่ะ โดยเฉพาะที่ข้อ3 กัย 6 ค่ะ
เมื่อไหร่พี่โหลเข้ามาอ้อมจะพาพี่โหลไปเลี้ยงไอศครีมนะคะ
:)
ภาพนี้กอเคยนำมาใส่บันทึกแล้ว
ยังคงประทับอยู่ในความคิดของกออยู่เลยค่ะพี่คนไม่มีราก
เป็นคนอัตตาเยอะโดยจะรู้ตัวก็ต่อเมื่อมีสติค่ะ
ค่อยฝึกอยู่ค่ะ หวังว่าจะดีขึ้นเรื่อยๆ
ขอบคุณที่ถ่ายทอด แต่คงทำได้บางข้อค่ะ
สวัสดี ครับ คุณคนไม่มีราก วันนี้มากับคุณหมออัจฉรา
ถือแจกันพร้อมดอกไม้ของคุณหมอมาเยี่ยม ครับ
และนี่ของคุณครู อรวรรณ ที่ฝากผมถือมาด้วย ครับ
ช่วงนี้พยายามเอาใจเขามาใส่ใจเราค่ะ
เจริญพร โยมคนไม่มีราก
ลดอัตตา(ตัวตน) สำหรับคนไทยแล้วคงยากเพราะว่า
เป็นคนไทยทำอะไรได้ตามใจคือไทยแท้(รักอิสระเสรี)
เป็นคนไทยความไม่มีระบบและความไม่มีแผน(อะไรก็ได้ ไม่เป็นไร)
เจริญพร
ข้อที่ 1 กับข้อที่ 5 คิดว่าทำได้..(แน่นอน)
แต่ข้อที่เหลือ..อิอิ..คงยากนะคะโดยเฉพาะข้อสุดท้าย
คงต้องถือศิลอดเหมือนป๊ะเบกระมั่งคะ
ขอบคุณข้อมูลดีดีนะคะ...
สวัสดีค่ะคุณหนานเกียรติ
อ่านแล้วอมยิ้มเลย ปัญหาเดียวกันค่ะ
พวกอัตตาใหญ่โต แต่ยังดีที่หลบใน ไม่ค่อยแสดงออกให้ใครเห็นโฉ่งฉ่างนัก ยามเผลอ ๆ จึงจะเยี่ยมหน้าออกมาให้คนเห็นค่ะ
ความจริงปัญหาเรื่องอัตตาตัวตนนี้ มีวิธีที่ท่านได้บอกไว้มากมายว่าควรแก้อย่างไร แต่คนไม่มีรากเห็นว่าตามแนวนีโอฮิวแมนนิสนี้มีความเป็นรูปธรรม นำมาปฏิบัติได้เลยค่ะ
และดังที่คุณหนานเกียรติว่าจริงด้วยค่ะ...การจะลดละตัวตนนี้ได้ ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เลย
คนไม่มีรากรู้จักท่านดำรงค่ะ หากเป็นท่านที่อยู่เชียงใหม่ (จำวัดที่ท่านอยู่ไม่ได้) ท่านเป็นรุ่นพี่ ค่ะ แต่ได้เรียนด้วยกันบางวิชาค่ะ ตอนท่านนำเสนอหัวข้อวิทยานิพนธ์ก็ยังได้เข้าฟังด้วยค่ะ
ขอบคุณค่ะ
(^___^)
สวัสดีค่ะคุณ ณัฐรดา
ขอบคุณค่ะที่มาเยี่ยมเยือน
ความจริงตามแนวทางของพระพุทธศาสนา ก็มีหลักการข้อปฏิบัติเพื่อการลดละตัวตนอัตตาอยู่มากเช่นกันใช่ไหมคะ
(^___^)
สวัสดีค่ะน้องสุดสายป่าน
พี่จำได้ค่ะ และตั้งใจนำมาโพสต์ไว้อีกครั้ง...เพราะติดตาติดใจกับภาพนี้มาก ๆ ดูแล้ว...ตัวตนที่ใหญ่โตลดลงบ้างค่ะ
ขอบคุณจ้ะ
(^___^)
สวัสดีค่ะอ.พ.ญ. อัจฉรา เชาวะวณิช
ดีใจที่อาจารย์มาเยี่ยมค่ะ เพราะคนไม่มีรากแอบตามคุณแสงแห่งความดีไปอ่านบันทึกของอาจารย์เป็นประจำค่ะ โดยเฉพาะบันทึกที่เกี่ยวกับประสบการณ์การปฏิบัติธรรม แอบอ่านเจอว่าคุณแสงแห่งความดีหน้าตาคล้ายลูกชายอาจารย์ด้วยค่ะ
ส่วนตัวคนไม่มีรากคิดว่า คนที่รู้ตัวว่าเรายังมีอัตตาตัวตน นั้น มักจะไม่ค่อยมีปัญหาค่ะ แต่คนที่ไม่รู้ตัวว่ามีอัตตานั้นน่าจะมีปัญหามากกว่า
ขอบคุณค่ะ
(^___^)
สวัสดีค่ะคุณครูอรวรรณ
อ่านแล้วอมยิ้ม....
เห็นด้วยค่ะ ...โดยมากแล้ว I am ok. แต่ You are not ok
เป็นเช่นนั้นจริง ๆ ค่ะ ปัญหาเรื่องคนกับคนจึงเป็นปัญหาอมตะนิรันดร์กาลค่ะ
ขอบคุณค่ะ
(^___^)
สวัสดีค่ะคุณ แสงแห่งความดี
ขอบคุณค่ะ ใจดีจัง มาเยี่ยมแล้วยังอุตส่าห์รับอาสาถือดอกไม้สวย ๆ มาด้วย...ตั้งสองช่อชียว
คงไม่ทำให้คนไม่มีรากมีอัตตาเพิ่มขึ้นนะคะ ได้ดอกไม้แทนก้อนหิน...55555....
มีความสุขกับวันหยุดนะคะ
(^___^)
สวัสดีค่ะคุณ naree suwan
ขอบคุณข้อคิดที่นำมาฝากค่ะ ...การเอาใจเขามาใส่ใจเรานี่ ช่วยได้อย่างมากในการทำให้ตัวตนของเราเล็กลงนะคะ
(^___^)
นมัสการท่านพระปลัดค่ะ
อ่านแล้วคิดตามอย่าไตร่ตรองค่ะ....ที่ท่านกล่าวว่า...
ลดอัตตา(ตัวตน) สำหรับคนไทยแล้วคงยากเพราะว่า เป็นคนไทยทำอะไรได้ตามใจคือไทยแท้(รักอิสระเสรี) เป็นคนไทยความไม่มีระบบและความไม่มีแผน(อะไรก็ได้ ไม่เป็นไร)
อาจจะมีส่วนค่ะ เพราะคนไทยแท้มักจะรักอิสระเสรี และยังมีความอ่อนน้อมถ่อมตนโดยนิสัย ... ซึ่งอาจเป็นหลุมพรางของ...อ้ตตาตัวตน ค่ะ เพราะ...ไม่เคยรู้ตัวว่าตัวเองมีอัตตาอย่างแรง...
สาธุค่ะ
(^___^)
สวัสดีค่ะคุณadd
กระซิบว่าคนไม่มีรากทำได้ทุกข้อ...แต่อัตตาตัวตน ก็ยังคงตัวโตคับจิตใจเลยค่ะ
ต้องพยายามให้มากขึ้นค่ะ
ขอบคุณค่ะ
(^___^)
สวัสดีค่ะ เรื่องอัตตานี่เป็นเรื่องใหญ่และสำคัญที่คนมักมองข้ามนะคะ ด้วยไม่เข้าใจว่ามีแล้วมันก่อให้เกิดปัญหาอะไรบ้าง ยิ่งคนสมัยใหม่ที่เก่งมากๆจะยิ่งมีอัตตาสูงมาก หากเราเข้าใจเรื่องอัตตาจริงๆแก้ที่ตัวเองจะมีความสุขมาก เพราะไปแก้ ไปลดอัตตาของคนอื่นไม่ได้แน่ๆ
พี่ได้ใช้การเจริญสติในแนวทางสติปัฏฐานสี่ ในการขัดเกลาตนเองค่ะ ทำให้เห็นและเข้าใจการมีอัตตาของตนเองและผู้อื่น ทำให้เวลามีปัญหาใดๆจะรีบกลับมามองที่ตนเอง จัดการกับความรู้สึก อารมณ์ของตนเองก่อนเลยค่ะ ทำได้บ้าง ไม่ได้บ้าง แต่ก็ดีกว่าเมื่อก่อนเยอะค่ะ คิดแล้วตัวเองก็ได้สร้างทุกข์ให้ตนเองและผู้อื่นมาเยอะจากอัตตานี่แหละค่ะ
สวัสดีค่ะ
เพิ่งมีโอกาสมาทักทายครั้งแรก
ชอบบันทึกนี้ค่ะ
การลดอัตตา คงจะทำได้ 3 ข้อค่ะ
ข้อ6ทำยากค่ะ
อยากให้หลายๆคนได้มาอ่านมากเลยครับ
สวัสดีค่ะพี่ คุณนายดอกเตอร์
ขอบคุณประสบการณ์ที่พี่นำมาแบ่งปันให้ได้รับรู้ค่ะ
พี่ได้ใช้การเจริญสติในแนวทางสติปัฏฐานสี่ ในการขัดเกลาตนเองค่ะ ทำให้เห็นและเข้าใจการมีอัตตาของตนเองและผู้อื่น ทำให้เวลามีปัญหาใดๆจะรีบกลับมามองที่ตนเอง จัดการกับความรู้สึก อารมณ์ของตนเองก่อนเลยค่ะ
คนไม่มีรากเพิ่งจะมาปฏิบัติเรื่องการดูจิตค่ะ แค่เริ่มก็ได้รับความสุขสงบขึ้นอย่างมากมาย คุยกับพี่ ๆ ที่ปฏิบัติธรรมแล้ว พี่บอกว่า...ต้องฝึกไปเรื่อย ๆ จะมีบทเรียนมาให้เราได้ฝึกอยู่เสมอ...
ขอบคุณใบไม้งดงามค่ะ
(^___^)
สวัสดีค่ะคุณนาง...มณีวรรณ
ดีใจและยินดีต้อนรับ เพื่อนร่วมวิชาชีพค่ะ
คนไม่มีรากเคยเป็นพยาบาลมาก่อนค่ะ รู้สึกชื่นชมพยาบาลทุกคนที่ทำงานอย่างเสียสละและเปี่ยมเมตตา
สำหรับคนที่ยังไม่ได้อยู่ในแวดวงของชาวนีโอฮิวแมนนิสแล้ว การทำในบางข้อนับว่ายากค่ะ เช่นในข้อการออกกำลังกายด้วย ลาลิต้า มาร์มิก้า และเต้นเกาชิกิ ค่ะ
ส่วนการ Fasting นั้น คนไม่มีรากฝึกจากการเริ่มถืออุโบสถศีลหรือศีลแปดค่ะ งดอาหารเย็นได้ แล้วต่อมาก็อดเพิ่มขึ้น ซึ่งศาสตร์ของการอดล้างพิษก็จะมีหลายระดับค่ะ ตั้งแต่
- อดด้วยการกินผลไม้เท่านั้น อาจเป็นผลไม้ 1-2 ชนิดหรือชนิดเดียวตลอดทั้งวัน
- อดด้วยการดื่มแต่น้ำผลไม้เท่านั้นทั้งวัน
- อดด้วยการดื่มแต่น้ำเปล่าเท่านั้นทั้งวัน
- อดโดยงดน้ำและอาหารทั้งวัน
ส่วนตัวทำได้ถึงระดับดื่มน้ำผลไม้ทั้งวันค่ะ กำลังฝึกต่อไปค่ะ ผลดีมีมากจริง ๆ ค่ะ
ขอบคุณค่ะที่มาทักทายกัน
(^___^)
ขอบคุณพี่ชาย ชยพร แอคะรัจน์
ดีใจที่พี่ชอบค่ะ
น้องคิดว่าพี่ชายได้ทำการลดอัตตาอยู่แล้ว โดยอาจไม่ได้ใช้วิธีที่น้องนำมาเสนอค่ะ
มีความสุขมาก ๆ นะคะ
(^___^)
สวัสดีครับคนไม่มีราก
น่าสนใจมากเลยครับ
ส่วนใหญ่แล้วการทำงานระบบทีมล้มเหลว เพราะการยึดติดความเป็นตัวตนนี่แหละครับ
และผมว่าการเมื่อไรที่เราให้เกียรติแก่ผู้อื่น โดยไม่เลือกชั้น วรรณะ ฐานะ ตำแหน่งหน้าที่การงาน และผู้ที่คนในสังคมไม่ให้เกียรติ เราย่อมได้รับเกียรติกลับคืนมาเช่นเดียวกัน
สวัสดีค่ะคุณ บินหลาดง
ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ
บางครั้งวัฒนธรรมการมีอาวุโสของเรา ซึ่งจะว่าเป็นจุดเด่นจุดแข็งที่ทำให้สังคมมีความอ่อนน้อม ไม่ก้าวร้าว ก็มีผลเสียทำให้เกิดการให้เกียรติเฉพาะคนที่มีฐานะตำแหน่งการงานสูงเท่านั้น
และข้อสังเกตส่วนตัวที่เห็น มักจะพบว่าคนที่มีตำแหน่งหรืออาวุโสจริง ๆ แล้ว ท่านเหล่านั้นมักจะวางตัวอย่างธรรมดาสามัญที่สุด ไม่อวดตัว ไม่ดูถูกคนเลย ส่วนคนที่เอะอะมะเทิ่ง เสียงดังข่มขู่ มักจะไม่ค่อย "ใหญ่" จริง จึงต้องสร้างเสียงดัง วางท่าข่มคนอื่นค่ะ
ขอบคุณที่แวะมาทักทายค่ะ
(^___^)
เห็นภาพนี้แล้วอย่ากินข้าวเหลือนะคะ..
ชาวญี่ปุ่นจะมีวัฒนธรรม Hansei ครับ
ถ้าใครทำผิดให้หันหน้าเข้าหากำแพง ยกมือขึ้นสัมผัสกำแพง
เอ่ยคำขอโทษ
ไม่ใช่เพื่อประจาน แต่เพื่อให้สำนึกผิด และ ช่วยลดอัตตาได้ด้วยครับผม...
สวัสดีค่ะคุณอ้อยเล็ก
ภาพนี้คนไม่มีรากจะพริ้นท์ออกไปแปะที่โต๊ะอาหารของเด็ก ๆ ที่บ้านค่ะ เพราะไม่ค่อยยอมทานข้าวกัน...
ขอบคุณค่ะ
(^___^)
สวัสดีค่ะ
พี่เอง คงคล่องสำหรับข้อ 1-3-5-6 นอกนั้น อาจไม่ค่อยคุ้นเท่าไร อิๆๆๆ
จริงๆ ทุกอย่างก็อยู่ที่ ใจ มากที่สุด คือการฝึกใจ
ทางพุทธ ที่พี่มีประสบการณ์มาหลายครั้ง คือ การออกธุดงค์ค่ะ เป็นการ เผากิเลส จริงๆ ไม่ได้ออกป่าที่ไหน ได้แต่ไปที่วัดน่ะค่ะ ก็ดีเหมือนกัน ทำให้เราติดดินมากขึ้น และถ่อมตัวเองมากขึ้นมากค่ะ
สวัสดีค่ะคุณPhornphon
คนไม่มีรากมีเพื่อนชาวญี่ปุ่นจำนวนหนึ่ง เป็นกลุ่มอาสาสมัครรับฟังปัญหาทางโทรศัพท์ป้องกันการฆ่าต้วตายค่ะ
เพื่อนเคยเล่าให้ฟังเรื่อง "วัฒนธรรมการ Hansei " ค่ะ
ความจริงแต่ก่อน ฟังแล้วจะคิดว่า...วัฒนธรรมเขาแปลก ๆ แต่มาคิด ๆ ดู น่าจะสอดคล้องกับหลักการที่ว่า คิด พูด และทำต้องให้สอดคล้องและไปด้วยกัน จึงจะส่งผลถึงระดับจิตใต้สำนึกค่ะ
ขอบคุณนะคะที่ทำให้ระลึกถึงตรงนี้ได้
(^___^)
สวัสดีค่ะพี่Sasinand
ขอบคุณที่พี่นำประสบการณ์มาแบ่งปันค่ะ
ความจริงแล้ว การลดละอัตตามานะ มีในทุกคำสอนทุกศาสนาเลยนะคะ ยิ่งพระพุทธศาสนาแล้ว ยิ่งเน้นการลดละตัวตน อธิบายด้วยกฏพระไตรลักษณ์ นี่เองค่ะ
ขอบคุณพี่ค่ะ
(^___^)
มาติดตามลดอัตตาด้วยคนครับ อดข้าวสัปดาห์ละ 2 วันเลยนะครับ จะไปไหวหรือเปล่านี่ ปกติเคยอดปีละครับ เมื่อครบรอบวันเกิดครับ ก็พอไปได้ครับ แต่หลายเรื่องก็ทำอยู่แล้วละ การนั่งการนอนการทักทาย มาทายชื่อต้นไม้ที่ฝากให้ด้วย ขอทายว่าต้นงา หรือไม่ก็ต้นงวงช้าง(วัชพืชชนิดหนึ่ง)นี่มองไม่เห็นใบนะครับ ถ้าใบชัดน่าจะบอกได้ดีกว่านี้
ขอบคุณมากครับที่ไปเยี่ยมชม
สวัสดีครับ ผมเองก็ชอบบ่นเหมือนกันครับ ว่า
งานไม่เท่าไหร่ แต่เหนื่อยใจกับคนต่างหาก
ส่วนเรื่องการลดอัตตา กับหลายๆคน ผมก็ยอมลดอัตตาลงมาได้ครับ
แต่กับบางคนนี่ "เต็มกลืน" ครับ
สวัสดีค่ะอ.ประถม
เก่งจังค่ะ ทายชื่อต้นที่นำไปฝากถูกค่ะ ...
หญ้างวงช้าง ค่ะ
ส่วนการอดเพื่อล้างพิษ นั้น อาจทำตามที่เราสามารถทำได้ค่ะ
อาจเป็นเดือนละครั้ง 2 เดือนครั้ง...สุดแต่ความตั้งใจ ความสะดวกค่ะ
ขอบคุณค่ะ
(^___^)
สวัสดีค่ะท่านsmall man
อ่านคอมเม้นท์แล้วยิ้มเลยค่ะ...
ส่วนเรื่องการลดอัตตา กับหลายๆคน ผมก็ยอมลดอัตตาลงมาได้ครับ แต่กับบางคนนี่ "เต็มกลืน" ครับ
ขอบคุณค่ะ
(^___^)
open mind can grow
ขอบคุณค่ะ
เฮ่อ ข้อ 3 4 6 นี่ ยากอ่ะ
ไม่เป็นไร ฉันไม่ค่อยมีอัตตาอยู่แล้วล่ะ ไม่งั้น...
คงทนเพื่อนที่แสนจะโก๊ะอย่างเธอไม่ได้หรอก จริงมะ
โอ๋ ๆ ๆ ๆๆ ล้อเล่นน่า
ยังไงก็รักปูนิ่มเหมือนเดิมน่า
โอ้โห...ต้อง
วันนี้ว่างมากหรือจ้ะ มาเยี่ยมเพื่อนทุกบันทึกเลย
ว่าง ๆ จะสอนเต้นเกาชิกิ และ ลาร์มิการ์ มาร์มิต้าร์จ้ะ
(^___^)
มีสิ่งดีๆ มากมายเลยนะคะ ขอบคุณที่แบ่งปันความรู้และกำลังใจมาให้คะ
ได้ แนวคิดดีค่ะ
ผมใช้วิธี ขับรถหรือเดินไปหาสิ่งที่มีขนาดใหญ่ๆ เช่นไปเที่ยว ทะเล ภูเขา น้ำตกสูงๆ แหงนมองฟ้า มองห้าง โรงแรมต่างๆที่สูงเสียดฟ้า หรือเข้าไปในอัฒจรรย์สนามกีฬา ยืนข้างเรือเดินสมุทร หรือ การมองลงมาจากเครื่องบิน มองถนน มองรถคันจิ๋วๆ ที่วิ่งไปมา จะรู้สึกว่าตัวเราก็ตัวเล็กๆนิดเดียว ไม่ได้ใหญ่โตอะไรเรย
ขอบคุณค่ะคุณ nakin
สวัสดีค่ะคุณ KMTEAMDCA Airport
ขอบคุณที่มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้
ส่วนตัวเป็นบ่อยและไม่ค่อยรู้ตัว แต่ชอบเดินๆๆๆ เรีียกว่า "เดินดูใจ" ก็จะทุเลาไปได้บ้าง
อีกกรณีหนึ่งที่ชอบทำคล้ายๆ กันคือ "การเดินทาง" ไปยังสถานที่ต่างๆ ซึ่งมักจะชอบไปภูเขา น้ำตก สวนสาธารณะซึ่งมีต้นไม้มากๆ ทำนองเมื่อสัมผัสกับธรรมชาติแล้วจะเห็นว่าเราเป็นเพียงเสี้ยวส่วนที่เล็กนิดเดียวของธรรมชาติวค่ะ :)