อีกสักร้อยปี มหาวิทยาลัยท้องถิ่นจะมีคุณภาพเทียบเท่ามหาวิทยาลัยปิดอื่น ๆ


มหาวิทยาลัยท้องถิ่นมีอายุอานามเลย ๘๐ ปี ก่อตั้งมานาน หากแต่คุณภาพในทุก ๆ ด้านกลับตามหลังมหาวิทยาลัยปิดของรัฐอื่น ๆ อีกหลายป่าโข่ (ป่าโข่ คือ ป่าหญ้าที่คนเข้าไม่ถึง หรือไม่มีทางเข้า) เป็นเวลาหลายสิบปี

"คุณภาพของคน" เป็นประเด็นสำคัญประเด็นหลักที่ทำให้มหาวิทยาลัยเดินหน้าไปอย่างเชื่องช้า หรือแทบไม่กระดิกไปไหน

คนที่อาสาเข้ามาเป็นผู้บริหาร ก็อาจจะเก่งบ้าง อ่อนบ้าง ตามคุณภาพ แต่หลายครั้งพบว่า เข้ามาด้วยกิเลสตัณหา ความอยากได้ อยากมี เช่น อยากมีชื่อเสียง อยากมีเงินทอง อยากมีความก้าวหน้า สารพัดที่ทำให้ตัวเองสบายกว่าที่เป็นอยู่ แต่ภาพรวม ผู้บริหารของมหาวิทยาลัยท้องถิ่นมีคนโกงมากกว่าคนดี ทำให้หัวสมองของมหาวิทยาลัยเหมือนมีมะเร็งร้ายคอยแทะอยู่ตลอดเวลาของการทำงาน

เมื่อหัวสมองมีปัญหา มะเร็งร้ายก็ลามไปสู่สารบบทั้งหมดของมหาวิทยาลัย มีการใช้เส้น ระบบอุปถัมภ์โยงใยไปทั่ว เพื่อเป็นการเปิดทางให้กับพรรคพวกของตัวเองทุกรูปแบบ

สภามหาวิทยาลัยผู้มีการเชิญผู้ทรงคุณวุฒิเข้ามาตัดสินใจและบริหารมหาวิทยาลัย ก็มักจะกลายเป็นคนมีผลประโยชน์ร่วมกับผู้บริหารเอง

ภาพของระบบการบริหารงานทุกระบบ จึงดูคลุมเครือ และหม่นหมองอย่างยิ่ง

 

พนักงานระบบปฎิบัติการ ก็คุณภาพการทำงานต่ำกว่ามหาวิทยาลัยปิดอื่น ๆ หลายคนเข้ามาโดยระบบอุปถัมภ์ เด็กคนโน้นบ้าง เด็กคนนี้บ้าง ทำงานก็ทำได้แค่นั้น ทำงานอย่างไม่มีเป้าหมายรวมของมหาวิทยาลัยเป็นหลัก แต่เป้าหมายคือ ทำงานให้สบายดีที่สุด ง่ายที่สุด ภาพรวมเป็นอย่างไร ไม่สนใจ

พนักงานสายวิชาการ หรือ อาจารย์ผู้สอนที่เข้ามาอยู่ ก็มักเป็นลูกท่านหลานเธอ ลูกอาจารย์ภายใน สอบเข้าอย่างไรก็ได้ หรือไม่รับเป็นอาจารย์ตั้งปริญญาตรี พอเข้ามาได้หน่อย ก็ขอทุนมหาวิทยาลัยจากหน้าที่ของพ่อหรือแม่ตัวเอง ไปเรียนต่อ โท หรือ เอก เดินอยู่ในมหาวิทยาลัย เริด เชิด หยิ่ง คิดว่า ตัวเองเก่งกว่าใครในโลก น่าสังเวชในอากัปกิริยาของคนที่เป็นครูเช่นนี้จริง ไม่รู้ตัวเองว่า กำลังอยู่ในกะลา

 

ในระยะปี พ.ศ.๒๕๕๑ - ๒๕๕๔ เป็นปีแห่งการเกษียณอายุของอาจารย์เก่าแก่ที่เก่งมาก ๆ ของมหาวิทยาลัย ท่านอาจารย์เหล่านี้เข้ามาจากการสอบบรรจุจากส่วนกลาง แล้วเลือกมาลงที่นี่ เมื่อ ๓๐ - ๔๐ ปีก่อน อาจารย์แต่ละท่านล้วนแต่เป็นเสาหลักทางวิชาการให้กับมหาวิทยาลัยทั้งสิ้น

สมัยก่อนคนที่เป็นอาจารย์ที่นี่ได้ มักจะมีประวัติว่า เป็นนักเรียนทุนอันดับ ๑ ๒ หรือ ๓ ของจังหวัดมาก่อนทั้งสิ้น เรียกว่า คนเก่งจริง

ท่านเหล่านี้จะหายไปเป็นจำนวนมากในระยะ ๔ ปีต่อไปนี้ เช่น ปีนี้ คณะฯ ผมเกษียณอายุถึง ๖ คน เรียกว่าเยอะ เพราะเสาหลักทั้งนั้น

แล้วการทำงานต่อรุ่นกันก็ค่อนข้างห่างมาก ๆ เช่น อาจารย์ที่เกษียณ อายุ ๖๐ ปี ในขณะที่คนรุ่นต่อมา อายุ ๔๐ - ๕๐ ปี ระยะห่างถึง ๑๐ ปี ทำให้การสอนงานต่อ ๆ กันมา มันขาดตอน

รุ่นต่อมาก็อายุ ๓๙ ปี ลงมาจนถึงอาจารย์ที่เพิ่งจบใหม่ ๆ รุ่นใหม่ ๆ ยังไม่ค่อยถูกสอนให้รู้จักการเป็นผู้นำของคณะเลย หากถึงเวลา ก็จะทำงานกันไม่เป็น บริหารไม่ได้ คณะฯ จะถอยหลังเข้าคลอง มหาวิทยาลัยก็ไม่ต้องพูดถึง เพราะยิ่งกว่าปัจจุบันนี้อีก

ดังนั้น เหตุจากการต่อรุ่นกันห่างมาก จึงมีคนที่อายุ ๔๐ กว่า ๆ เริ่มเล่นเกมการเมือง โดยการปูตัวเองเพื่อให้ตัวเองได้มีโอกาสเป็นคณบดีในอนาคต โดยการสร้างอิทธิพล รับอาจารย์ใหม่ที่ตัวเองเลือกให้เป็นพวกของตัวเอง กลั่นแกล้งคนที่คิดว่าจะเป็นศัตรูทางการเมืองกันในอนาคต สร้างภาพลักษณ์ของตัวเองต่อมหาวิทยาลัยว่า ดี ว่า เก่ง

จากระยะห่างนั้น ทำให้คนที่มีโอกาสขึ้นสู่ตำแหน่งผู้บริหารคณะฯ มีไม่เกิน ๓ กลุ่ม ที่เหลือจะเป็นเด็ก ๆ เกือบทั้งหมด เป็นเรื่องที่น่าหนักใจในอนาคตที่คณะฯ เราโชคไม่ดีที่มีคนไม่ดีอยู่เยอะ

 

ท่านอาจจะจินตนาการว่า ที่มาของอาจารย์แต่ละคนนั้น มาจากการสอบเพียงอย่างเดียว แต่ในความเป็นจริง ยังมีข้าราชการครูจาก สพท. หรือเขตพื้นที่การศึกษา ได้โอนมาจากหน่วยงานของกระทรวงศึกษาฯ ที่ยุบมาเมื่อ ๔ - ๕ ปีที่แล้ว ซึ่งนี่คือ "ปัญหาใหม่" ที่น่าปวดหัวอีก

เนื่องจากข้าราชการครูที่โอนมาเหล่านี้ เคยเป็นศึกษานิเทศก์ ผู้ช่วย ผอ.เขตฯ แม้กระทั่งเจ้าหน้าที่วิเคราะห์ฯ ก็โอนมาเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยท้องถิ่นกันหมด แต่วัฒนธรรมองค์กรที่ต่างกันมาก ทำให้วิธีการคิดของคนเหล่านี้ มักจะสร้างปัญหาในการทำงานอยู่ตลอดเวลา แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า คนเหล่านี้ไม่มีความสามารถ แต่คนมีความสามารถเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยได้นั้น มีน้อย โอนมา ๒๐ คน เป็นอาจารย์ระดับอุดมศึกษาที่ดีได้ไปถึง ๕ คน

มาอยู่ก็ใช้สิทธิ์ทุกอย่างที่ตัวเองทำได้ เช่น มาทำงานไม่ถึง ๒ ปี ก็ขอทุนเรียนต่อทันที หรือรีบเขียนหนังสือ ทำตำแหน่งวิชาการทันที ทั้ง ๆ ที่ตามเกณฑ์ของ สกอ. ต้องสอนระดับอุดมศึกษา อย่างน้อย ๕ ปี ตอนนี้ที่คณะเลยมี ผศ.ดร. กันเยอะแยะ แต่คุณภาพไม่เป็นที่ยอมรับในด้านวิชาการใด  ๆ เลย น่าละอายใจแทน

คุณภาพยังไม่พัฒนา แต่อยากได้ อยากมี

 

นอกจากคนที่มีความทะเยอทะยานสูง พยายามเล่นการเมืองภายใน ก็ยังมีคนที่โอนมาสร้างปัญหาอีก ที่เหลือเป็นอาจารย์เด็ก ๆ ตัวดำ ๆ ที่นิสัยจะเสียตามคนเหล่านี้ บางคนเลือกข้าง บางคนเลือกเงิน บางคนนิ่งเฉย

อาจารย์มหาวิทยาลัยย่อมต้องมีสิทธิ์มีเสียงเป็นคนตัวเอง แต่ระบบปิดลักษณะนี้ ทำให้หลายคนไม่กล้าแสดงความคิดเห็นใด ๆ ทำให้การประชุม สัมมนาครั้งใด ก็ไร้ความคิดสร้างสรรค์ใหม่ ๆ เพื่อให้คณะและมหาวิทยาลัยมันไม่เจริญเทียบชั้นคนอื่น ๆ

 

อีกนาน อีกนานนับร้อยปี กว่ามหาวิทยาลัยท้องถิ่นจะมีคุณภาพเหมือนมหาวิทยาลัยอื่น ๆ เขาบ้าง

 

แต่ผมไม่นั่งนับนิ้วมือนิ้วเท้าให้ถึงวันนั้นแน่ ๆ ล่ะ มีสิ่งใดที่ผมสามารถทำประโยชน์ได้ ผมจะเลือกทำโดยไม่สนใจ พวกที่มือไม่พาย เอาเท้าราน้ำ ที่ชื่อว่า "อาจารย์มหาวิทยาลัย" เป็นแน่

บุญรักษา ทุกท่าน ;)

 

ป.ล. ขออภัย..หากความเป็นจริงเป็นเรื่องเจ็บปวด แต่ความเป็นจริงยังคงมีอยู่จริง อาชีพที่เอ่ยอ้างมานั้น ไม่ได้หมายรวมถึงบุคคลทั้งหมดในกลุ่มนั้น ๆ นะครับ ยังมีคนดีแฝงตัวอยู่ทุกที่ เพียงแต่เขาอาจกำลังรอโอกาสทำสิ่งที่ดีก็ได้นะครับ ผมหวังเช่นนั้น

หมายเลขบันทึก: 293050เขียนเมื่อ 31 สิงหาคม 2009 17:44 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 ธันวาคม 2012 13:38 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (42)

เห็นด้วยครับ เห็นด้วยอย่างยิ่ง

อาจารย์หลายคนเก่งมาก แทนทีี่จะพัฒนางานวิชาการกลับเดินไปสู่เส้นทางบริหาร ในที่สุดก็บริหารได้ไม่ดีนัก (เสียนักวิชาการที่เก่งได้นักบริหารที่ไม่เก่งมาแทน)

เดี๋ยวนี้คนรุ่นใหม่ที่เก่ง ๆ ก็ไม่สนใจเป็นอาจารย์ เพราะหลายสาเหตุ

โดยเฉพาะเรื่องน้ำเน่าในรั้ว...

ไม่ได้เป็นอาจารย์หรอกครับ แต่เมียเป็น ฟังบ่นแทบทุกวัน

สวัสดีค่ะ พี่อาจารย์Wasawat

ตามมาอ่าน เตรียมความพร้อมค่ะ

ตอนนี้ทำได้แต่ no comment ..

รอเวลากลับคืน หึหึหึ

สบายดีมั้ยคะ

สวัสดีค่ะท่าน อ. Wasawat Deemarn

  • ชัดมากค่ะ ..
  • ทำให้คิดถึงการบริหารงานของอบต.  บางแห่ง
  • ข้าราชการ + นักการเมือง + อำนาจ + ผลประโยชน์....
  • อาจารย์สบายดีนะคะ
  • ขอให้มีความสุขทุกวันค่ะ
  • ขอบคุณค่ะ...^_^

สวัสดีครับ อาจารย์

@ เห็นภาพชัดเจนมาก

@ เผย(น่าน)แพร่ เรื่องจริงผ่าน G2K

@ ขอเป็นกำลังใจต่อไปครับ

  • หากไม่มีแบบอย่างที่ดีอย่างท่านอาจารย์ Wasawat สังคมเราคงไม่น่าอยู่ค่ะ...ศิลาชื่นชอบผู้กล้าในการวิพาษณ์สังคมให้ยกระดับขึ้นมาจากสิ่งที่เป็นอยู่  สังคมไทยมีคนเกรงใจมากกว่าการวิจารณ์ในสิ่งที่ถูกที่ควรและเหมาะสม  ขอเน้นว่าเหมาะสมด้วยค่ะ  เพราะบางทีถูกต้องแต่ไม่สมควร (ปนกฎหมายนิด ๆ ค่ะ)
  • พ้นรุ่นเรา รอรุ่นหลาน ไม่ทราบว่าจะพัฒนาถึงขั้นไหน 
  • ขอยืมเนื้อหาในเพลงดิอินเซ้นท์ที่ท่านอาจารย์แนะนำมาใช้นะคะ ตราบเท่าที่มีลมหายใจ  เราก็มีความหวัง
  • แวะมาทักทาย ก่อนไปออกกำลังกายค่ะ เพื่อสุขภาพอย่าลืมออกกำลังกายกันนะคะ  จะได้เม้นท์จนแก่จนเฒ่า และเฝ้าดูการเจริญเติบโตวงการอุมศึกษาของไทยเรากันค่ะ   ไชโย...

สวัสดีครับ ท่าน หนานเกียรติ ;)

เห็นเช่นท่านคิดครับ

มหาวิทยาลัยกำลังเสีย "นักวิชาการที่เก่ง" แต่ได้ "นักบริหารที่เลว" มาแทน

แน่นอนว่า คนในมหาวิทยาลัยที่เป็น "กบ" กำลังเฝ้ารอ "นกกระสา" ที่เพียบพร้อมทั้งความเป็นนักวิชาการและนักบริหารที่เก่งไปพร้อมกัน

มหาวิทยาลัยได้ผู้บริหารเช่นนี้ การปรับระบบเพื่อเดินไปข้างหน้า ดูจะสว่างมากกว่ามหาวิทยาลัยอื่น

แต่ตอนนี้เป็นเพียงแค่ "ฝัน" เพราะยังมองไม่เห็นเลย นอกจากการตระกรุมตระกรามแค่ผลประโยชน์ตนเท่านั้น คนที่อยากเป็น

ขอบคุณมากครับ ;)

สวัสดีครับ น้อง หัวใจติดปีก ที่รักของใครหนอ ;)

จงกลับมาด้วยความเชื่อมั่นในการความดีเพื่อลูกศิษย์และความก้าวหน้าของมหาวิทยาลัยนะครับ

สู้ สู้ ครับ :)

สวัสดีครับ คุณพยาบาล สีตะวัน ;)

"ความชัดเจน" เกิดจากการสั่งสมประสบการณ์มายาวนานหลายปีครับ ... แต่ที่แน่ ๆ การพูดตรงประเด็นและเป็นความจริงที่สุด ย่อมกระทบคนหลาย ๆ คนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพียงแต่เขาจะยอมรับความจริงนี้ หรือ หนี หรือ โทษคนอื่น โทษระบบ เท่านั้นเอง หรือไม่ก็โทษคนเขียนว่า เขียนทำไมอีก

สบายตามอัตภาพที่ทำได้ครับ

ขอบคุณนะครับ ;)

สังคมน่าเบื่อค่ะ

แต่โลกยังน่าอยู่กว่า  แม้จะไม่มีการพัฒนาทางวัตถุ

 

ชอบท้องฟ้าเช้าๆแบบนี้จังค่ะ

สวัสดีตอนดึก ๆ ขอรับ

  • อ่านแล้วได้ความรู้เพิ่มเติม เห็นด้วย และเห็นใจยิ่งครับ
  • อาจจะถึงเวลาที่เราจะสร้างโลกสวยด้วยมือเรา คือ เราต้องอาสาเข้าไปแก้ปัญหา ไม่ใช่หันหลังให้ปัญหาแล้วกระมังขอรับ
  • ผมเอง ก็พัฒนาจิต พัฒนาใจ เพื่อสร้างความพร้อมให้กับตนเอง ให้มีความมั่นคง เมื่ออาสาขึ้นไปแก้ปัญหาแล้วเราจะไม่เป็นเช่นดั่งเขา
  • เป็นกำลังใจให้ขอรับ

สวัสดีครับ คุณ ไทบ้านผำ ;)

"เรื่องจริงที่ไม่ยอมรับ" จะมีคนมีลักษณะนี้โจมตีและโยนความผิดให้ตลอดเวลาครับ คนพวกนี้เป็นพวกปลวก พวกมอดที่คอยทำลายองค์กรให้ล่มจม แต่ตัวเองเจริญและร่ำรวยขึ้น โดยใช้วิธี "มือใครยาว สาวได้สาวเอา" ดั่งตัวอย่างที่ผมเล่าให้ฟังไว้ครับ นั่นน่ะ เรื่องจริง เลยล่ะ

ความดีไม่มีขาย อยากได้ต้องทำเอง

หรือว่า

ความรวยไม่มีขาย อยากได้ต้องโกงเอง ;)

ขอบคุณครับ ;)

สวัสดีครับ ท่านอาจารย์ศิลา Sila Phu-Chaya ;)

อาจารย์ครับ ผมมีประสบการณ์การทำงานในระดับอุดมศึกษามาหลายที่ แล้วผมก็เข้ามาเห็นระบบของมหาวิทยาลัยท้องถิ่น ... การคิดวิเคราะห์และเปรียบเทียบสิ่งที่ดี และสิ่งที่ไม่ดีจึงเกิดขึ้น เก็บสะสมมาเรื่อย ๆ นั่งเฝ้าดูพฤติกรรมของคนที่เห็นแก่ตัวเองมากมาย มีการใช้อำนาจเพื่อให้ได้มาซึ่งผลประโยชน์

บางคนสอนหนังสือดีมาก ๆ แต่พอเป็นผู้บริหารก็เลวได้ใจเลย ไม่รู้ว่า ธาตุแท้ หรือว่า ระบบมันพาไป

บางคนสอนหนังสือยังไม่ทันดี แต่เห็นว่าเป็นผู้บริหารแล้วเงินมันดี ก็อยากเป็นกับเค้าบ้าง แบบนี้เลวยกกำลังสอง

สถาบันอุดมศึกษาต้องเน้นถึงความแข็งแกร่งทางวิชาการเป็นอย่างมาก ซึ่งจะมาซึ่งผลประโยชน์ของลูกศิษย์ที่เข้ามาเรียนและจบออกไปจากสถาบัน

สังคมภายนอกจะทราบเลยว่า ใครจบจากสถาบันของเราไป วิชาและทักษะกล้าแข็งแค่ไหน

แต่ปัจจุบัน ไม่มีครับ ส่วนน้อยแข็งแกร่งด้วยตัวเขาเอง

ก็ผู้บริหารมีแต่เรื่องตัวเองมากกว่าส่วนรวม จะไปเอาอะไรกับคุณภาพการศึกษา ใช่ไหมครับ

คนเรามีลมหายใจอยู่ไม่กี่ปี การนิ่งเฉยของหลาย ๆ คน ถ้าเขาเรียกว่า การทำความดี ล่ะก้อ ผมคนหนึ่งล่ะ "ไม่เชื่อ"  น่าจะเรียกว่า "การเพิกเฉย" มากกว่า การเพิกเฉยต่อการทำชั่ว คือ มีส่วนร่วมในการทำชั่วด้วย เหมือนรับของโจร ใช่ไหมครับ ท่านอาจารย์ศิลา ทนายประจำตระกูลของผม ;)

หากคนที่รู้จักผม จะทราบว่า บันทึกนี้ไม่ได้เขียนเพื่อโจมตี แต่เป็นการสะท้อนให้ท่านเหล่านั้นได้เห็นถึงพฤติกรรมที่คิดเอง เออเอง ว่าดี ว่าเหมาะสม ในความคิดของตัวเองเท่านั้นครับ

ขอบคุณครับอาจารย์นพลักษณ์ ๙ ;)

หลังฝนตก ฟ้าย่อมใสเสมอ หรือ "นายเหงือก" จะบอกว่า "ความดีสวยงามเสมอ"

สวัสดีครับ คุณ ครูเอ ยามดึก ๆ นี้ ;)

ภาพยามเช้าที่บ้านหรือครับ สวยจัง

มีความสุขทุก ๆ วันนะครับ ;)

สวัสดีครับ ท่านอาจารย์ เด็กข้างบ้าน ;)

การเพิกเฉย หรือ หันหลังให้ปัญหา ทั้ง ๆ ที่ปัญหามาเคาะถึงประตูบ้าน คือ การทำบาป รับของโจร ครับ

ผมเองก็มีท่องปณิธานตัวเองอยู่เสมอครับว่า หากถึงตาเราต้องทำงานเช่นนั้นบ้าง เราจะไม่ยอมเหมือนเขา ระบบใดที่ไม่ดี ไม่ต้องเอามาใช้ ระบบใดดี แต่ยังไม่มี เราต้องเริ่มต้น

ขอบคุณอาจารย์มากครับ ;)

สวัสดีค่ะ อาจารย์....^^

แวะมาทักทายนอนดึกจังเลยค่ะ....:)

สวัสดีครับ คุณก้อย ♡*.:。 KiTTyJuMP゚・♡゚゚・~ ;)

ผมก็ว่า ผมนอนดึกใช้ได้เลยครับ นี่ถ้าเพื่อนผมรู้น่ะ สงสัยผมโดนต่อว่าอีกแล้วล่ะครับ เพราะการนอนดึกอาจจะทำให้วงจรชีวิตของเราเปลี่ยนไปในทางที่ไม่ดีครับ

ขอบคุณมากนะครับ ;)

อาจารย์คะ

บน"ความเจ็บปวด" เรามักจะต้องหาสิ่งทดแทนเสมอ

และสิ่งนั้นมักจะเป็นสิ่งที่ต้องทำให้ดีขึ้น เพื่อให้ความเจ็บปวดนั้นหาย หรือบรรเทาเบาบางไป

พี่คิดเช่นนั้นนะคะ

.....

ระบบการศึกษาของประเทศ "ถูกคอรับชั่นตั้งแต่นโยบาย"

การที่คนระดับรองลงมาจะต่อสู่เพื่อให้ได้สิ่งใดมานั้น บางครั้งความไม่เข้มแข็ง ก็ทำให้หลงไปในทิศทางที่ "เขา" เหล่านั้นวางไว้

หลาย ๆ ครั้ง หลาย ๆ คน ก็ "หลงเข้าไปตกอยู่ในหลุมดำ" นั้น ๆ

และหลายคนก็หลงจนหาทางออกไม่ได้ จะด้วยเหตุที่ไม่อยากออก หรือว่าเห็นแสงสีในความเป็นสีดำ ก็ไม่อาจจะคาดเดา

......

"เรา" (พี่คิดว่าเรา) ในฐานะคนที่ไม่ยอมตกอยู่ในหลุมดำ ก็ย่อมต้องหาวิธีการที่จะเรียนรู้ที่จะอยู่รอด บนเส้นทางแห่งความเจ็บปวดนั้น 

เพราะ "ถ้า" ไม่มีคนอย่าง "เรา" แล้วผลผลิตที่ออกจากพื้นที่ที่ต้องหล่อหลอมคนอีกกี่พัน กี่หมื่น กี่แสนคน ที่จะออกไปเป็นพลัง ต่อสู้กับโลกภายนอก "จะเป็นอย่างไร"

......

เรามาร่วมกัน "สร้างความดี" เพื่อให้คนอีกหลาย ๆ คนที่เป็นคนดีเห็น และเพื่อจะได้ "ทำดีร่วมกัน"

การยกย่องคนดี เป็นสิ่งที่ควรทำในขณะนี้ เพื่อสร้างคนดีเพิ่มขึ้น ๆ ๆ ๆ แม้จะเป็นเพียงดีเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่เป็นความงามที่น่าชื่นชม เราก็ไม่ควรละเว้น

ใช่ไหมคะ

มีกำลังใจมามอบคนแด่"คนดี"ค่ะ

 

สวัสดีครับ คุณพี่ น้าอึ่งอ๊อบ คนสวย แซ่เฮ ;)

บุคคลที่เลือกทำความดีได้นั้น ต้องเป็นบุคคลที่มีกำลังใจที่แข็งแกร่งมากทีเดียวนะครับ มีจุดยืนและอุดมการณ์ที่ไม่ได้ทำเพื่อตัวเองเพียงถ่ายเดียว แต่เลือกทำเพื่อให้ส่วนรวมมีความเจริญไปในทางที่ดีงาม

การสนับสนุนคนดี ผมเลือกพึงทำเช่นนั้นเช่นกันครับ น้าอึ่งอ๊อบ คนสวย แซ่เฮ ;)...

การค้นหาเพื่อนร่วมอุดมการณ์ในการทำความดี มีอยู่ตลอดเวลา แต่เชื่อไหมครับว่า "คนดีที่ไม่ยอมแพ้ต่อการกระทำของคนไม่ดี" นั้น ลดลง ลดลงจนเสมือนว่า "ความดีมันทำยาก ความไม่ดีมันทำง่าย"

หรือมีคนที่เคยดีก็มีนะครับ แต่เลือกเส้นทางเดินของตัวเองไปในทางที่ไม่ดี เหมือนกับความไม่ดีมันแทรกซึมเข้าไปจนเคยชินและเคยตัว บางทีก็เคยคาดหวังไว้เหมือนกันว่า เขาอาจจะหลุดออกมาได้ หรือเราต้องยื่นมือดึงเขาออกมา แต่ถ้าเขาไม่ออก เขาก็ต้องยอมรับสิ่งไม่ดีที่เขาทำ รอบาป รอกรรม มากระทบ เหมือนต้องรู้ตัวด้วยตัวของตัวเอง เมื่อถึงเวลานั้น ก็สายเกินเยียวยาแล้วครับ

ขอบคุณกำลังใจที่นำมามอบให้ "คนดี"

อ๋อครับ คุณ ครูเอ ;) ... คนไปเกาะช้างจะตัวเท่าเกาะไหมครับ :)

เห็นด้วยครับ

เด็กที่แกร่งส่วนใหญ่แกร่งด้วยตัวเองมิใช่จากระบบ

พระพุทธเจ้าบอกว่า

ความดี คนดีทำง่าย คนชั่วทำยาก

ความชั่ว คนดี่ทำยาก คนชั่วทำง่าย

ผมมองเข้าไปในระบบการศึกษาบ้านเรา

ความชั่วเต็มไปหมด ชั่งน้ำหนักแล้วมากกว่าความดี

ผมจะสรุปได้ไหมครับว่า ในนั้นมีคนชั่วมากกว่าคนดี

ฮ่วย...พูดเรื่องนี้ กลุ้ม....

  • เพิ่งทำงานช้างเสร็จค่ะ แวะมาร่ำลา  ฝากไว้ก่อนนะคะ มีเรื่องอยากคุยมากเลยเกี่ยวกับสิ่งที่ท่านอาจารย์ตอบเม้นท์ด้วยความเข้าใจและเห็นใจอย่างยิ่ง  แต่ตอนนี้ หมดแรง ...
  • ขอหลบไปชาร์ตแบตฯ และพลิกตำราตอบก่อน โดยเฉพาะเรื่องรับของโจร...น่าจะปรับใช้ฐานความผิดเฉียด ๆ ไปหน่อยค่ะ  
  • แล้วพบกันใหม่นะคะ
  • รักษาตัวดี ๆ นะคะ อากาศแปรปรวน

สวัสดีค่ะ พี่อาจารย์ Wasawat Deemarn

อ่านบันทึกนี้ของพี่อาจารย์แล้ว นึกถึงเพลงพระราชนิพนธ์ ความฝันอันสูงสุด ขึ้นมาทันทีเลยค่ะ 

การได้รู้เห็นภาพทางลบ..ที่ขัดแย้งต่อความคิดในใจ.. ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้เกิดความทุกข์ และทำให้ต้องมีความอดทน ต้องใช้พลังในการสะสมกำลังใจมากขึ้นกว่าเดิมด้วย..  น้องนีนานันท์ ขอเป็นกำลังใจให้พี่อาจารย์นะคะ..   

 

งั้นผมขอให้กำลังใจคนดีละกันครับ...ขอให้คนดีมีกำลังใจทำดีต่อไปครับ

 

 

ขออนุญาตอย่างนี้แล้วกันครับ ท่าน หนานเกียรติ ;)...

เฉพาะมหาวิทยาลัยท้องถิ่นที่ผมอยู่นี้

มีคนที่ทำดีน้อย คนทำไม่ดีปานกลาง ส่วนคนเพิกเฉยต่อคนชั่วมากที่สุด

ขอบคุณมากครับที่เราได้แลกเปลี่ยนกัน ;)

ท่านอาจารย์นพลักษณ์ ๙ Sila Phu-Chaya ดูเหมือนจะ "อารมณ์แปรปรวน" มากกว่า "อากาศแปรปรวน" นะครับ

ผมเองก็หาประเด็นมาคิด เวลาคุยกับอาจารย์คนเดียวนี่แหละ อิ อิ ... กลัวอาจารย์ว่า เดี๋ยวตอบสั้นเกินไปครับ

รออาจารย์พลิกตำราครับ ;)

ขอบคุณครับ น้อง นีนานันท์ ;)... สำหรับกำลังใจที่มอบให้

ให้กำลังใจ "คนทำดี" ครับ คุณเอก จตุพร วิศิษฏ์โชติอังกูร ;)

ขอบคุณครับ

เจ้าของ Concept แวะมาเน้นย้ำครับ อิ อิ

มนุษย์เกิดมามีให้เลือกว่า "ทำดี" หรือ "ทำชั่ว" ดี ในแต่ละสถานการณ์

ทำชั่วง่าย แต่ทุกข์ใจไปตลอดชีวิต

ทำดียากกว่า แต่ความสุขก็จะอยู่ติดตัวเราไปตลอดชีวิตเช่นกัน

"ความดีสวยงามเสมอ" ครับ

  • สงสัยกำลังใกล้วัยทองมังคะ อากาศแปรปรวนและใจยังปรวนแปรอีก แต่เชื่อไหมคะ เวลาที่ใจไม่นิ่ง จะไม่เขียนบันทึกเด็ดขาด เป็นจรรยาบรรณประจำตัวค่ะ แวะมาอ่านบันทึกนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
  • ต้องเรียนตามตรงว่าเป็นความจริงที่เจ็บปวด และมีอยู่ทุกวงการค่ะ
  • ศิลาเพิ่งกลับจากต่างจังหวัด ไปเยี่ยมคนที่เคยรู้จักมาสิบกว่าปี เขาเป็นอดีต อบต. เมาหัวราน้ำ นอนบนแคร่...เพราะหมดอาลัยตายอยากกับการโกงและเล่นพรรคพวกเอาเงินพัฒนาหมู่บ้านไปทำอะไร ๆ ก็รู้ ๆ กันอยู่
  • สิ่งที่เรารู้ผ่านสื่อ ผ่านหู ไม่เท่าผ่านตา...เวลาเห็นความจริง ความไม่ดี จากสายตาของเรามันทำให้หัวใจแห้งเหี่ยวมาก
  • เข้าใจท่านอาจารย์ทุกถ้อยคำที่เขียนค่ะ
  • ขอบพระคุณมากนะคะ ที่ชมว่าภาพโรงเรียนที่ทุ่งกุลาสวยงาม การมองเห็นความเสื่อมโทรมมีคุณค่าและสวยงามนั้น ไม่ธรรมดาเลยค่ะ มันเป็นงานศิลปะบนคราบน้ำตา (ว่าไปนั้น) ที่บาดใจผู้พบเห็น ในขณะเดียวกันก็มีความงามตรงที่เป็นเรื่องจริงอย่างเหลือเชื่อ
  • สุดท้าย ไม่ลืมที่จะมาตอบสำหรับคำกล่าวที่ว่า  "การเพิกเฉย" มากกว่า การเพิกเฉยต่อการทำชั่ว คือ มีส่วนร่วมในการทำชั่วด้วย เหมือนรับของโจร ใช่ไหมครับ" 
  • ศิลาขอตอบกลาง ๆ ไล่ตามประเด็นว่า ในกรณีที่ว่าการเพิกเฉยเป็นความผิดไหม ตามหลักกฎหมาย  ต้องมองว่าผู้ที่เพิกเฉยมีหน้าที่หรือเปล่า เขามีเจตนาไหม หากมีหน้าที่แล้วไม่ทำหน้าที่  ก็ผิดเพราะละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ 
  • ส่วนที่จะกล่าวว่ามีส่วนร่วมในการทำชั่วหรือไม่ ต้องมองว่าผลของการกระทำชั่วเกิดขึ้นก่อให้เกิดความเสียหายหรือไม่ 
  • กรณีนี้ ข้อเท็จจริงไม่เพียงพอที่จะมองว่าเป็นการรับของโจรนะคะ เพราะศิลาเชื่อว่ายังไม่มีการรับของที่เขาขโมยมา
  • พอแค่นี้ก่อนดีกว่าค่ะ เกรงว่าท่านอาจารย์ใช้สายตามาก เดี๋ยวจะต้องเปลี่ยนแว่นอีก
  • รักษาตัวด้วยนะคะ ต้องเหนื่อยอีกเยอะเลย เห็นการทำงานแล้วเหนื่อยแทน

มานั่งรับฟังคำตอบของอาจารย์นพลักษณ์ ๙ ด้วยตาที่พร่า อิ อิ ... ;)

เพิ่งเคลียร์งานของภาคเรียนที่ 1 / 2552 เสร็จครับ

เข้าใจในข้อกฎหมายในเรื่องของ "เจตนา" และ "ผล" เป็นที่ตั้งครับ

เอ ไปเปลี่ยนแว่นใหม่ในปีหน้าดีก๋า 555

ขอบคุณมากครับอาจารย์ที่มอบเวลาอันมีให้ในบันทึกนี้

อาจารย์อย่าลืมชมโฆษณา Que Sera, Sera นะครับ ... คุณแม่ลำดับที่ 4 หน้าเหมือนอาจารย์เปี๊ยบเลย วัดจากภาพถ่ายที่เห็นในบันทึกครับ 555

เหมือนจริงหรือเปล่าหนอ หรือว่า อาจารย์ไปเล่นโฆษณาให้ฟรี ๆ ;)

 วันนี้ได้เห็นดอกทองกวาวด้วยค่ะ .. คิดถึง เฌองดอยมากมาย

อ่านเรื่องอาจารย์น้ำเสียในบันทึกนี้ น่ากลัวมากๆ เลยค่ะ ...

ไปรับรู้เรื่องราวดีๆ ของอาจารย์น้ำดี จากจดหมายเปิดผนึกดีกว่าค่ะ

ปล. ขอบคุณฝีมือ การจับภาพ จากท่านพี่ขาหญ่ายย ค่ะ

 

ขอบคุณมากครับ คุณ poo ที่แวะมาพรวนบันทึกให้ผมอีกครา ;)

เรื่องจริงที่ใคร ๆ ก็ไม่กล้าจะบอก เพราะอับอายและรักษาภาพลักษณ์ของน้ำเสีย

สวัสดีค่ะอาจารย์

ขออนุญาตติดตามบันทึกของอาจารย์และสมัครเป็นลูกศิษย์นะคะ

(ความจริงแอบอ่านบันทึกของอาจารย์มาหลายบันทึกแล้วค่ะ ^^)

บันทึกของอาจารย์ให้แนวคิด ความรู้อะไรดีๆเยอะค่ะ หนูชอบมาก

***************************************

อ่านในบันทึกนี้แล้ว สะเทือนใจจังค่ะ

เป็นความจริงที่เจ็บปวด และคนในทุกวงการรู้ดี ว่ามีสิ่งนี้เกิดขึ้น แต่ไม่พูดถึง

กฤษณะมูรติกล่าวว่า :

"เราเป็นเช่นไร สังคมเป็นเช่นนั้น"

ตอนนี้อาจารย์คงกำลังสู้กับทุกอย่างเพื่อให้การศึกษามีคุณภาพ

และหนูเชื่อว่าหากอาจารย์สู้อย่างสุดพลังแล้ว สิ่งที่อาจารย์หวังต้องเกิดขึ้นแน่ค่ะ

บุญรักษาเช่นกันนะคะ

:)

สวัสดีครับ น้อง [P'E] ;)

น้อง [P'E] คงเป็นรุ่นน้องไม่ต่ำกว่า 10 ปีแน่นอนครับ (รหัสอะไรเอ่ย)

ได้เข้าอ่านประวัติของน้องเป็นเบื้องต้น ทำให้เชื่อว่า ประเทศเราคงมีบุคลากรทางการศึกษาที่ดีอีกคนเข้าสู่ระบบที่ย่ำแย่แล้วครับ

ความมุ่งมั่นที่ดีของน้องคงจะสร้างภูมิคุ้มกันอุดมการณ์ให้น้องได้ในอนาคตอย่างแน่นอน

คนเดียวคงไม่ไหว แต่เราสามารถจะจับมือกันไว้เพื่อสู้ร่วมกันได้ครับ ถึงแม้จะอยู่คนละที่ก็ตาม

ขอบคุณมากครับ น้อง [P'E] ;)

อิอิ

ขอบคุณสำหรับกำลังใจนะคะคุณพี่

บอกใคร ใครก็หาว่าหนูบ้าอุดมการณ์ เอาเป็นว่า หนูเก็บอุดมการณ์ไว้ในใจดีกว่า

การกระทำสำคัญกว่าคำพูด จริงไหคะ มุ่งหน้าทำฝันให้เป็นจริงก่อนแล้วค่อยพูดก็คงไม่สายมั้งคะ ^^

หนูรหัส 48 ค่ะ กำลังจะจบในเทอมนี้แล้วค่ะ

(หาไปเป็นเดือนเพราะว่าทำ Project ค่ะ เทอมสุดท้าย หลักสูตรดันให้เรียนตั้ง 7 ตัว แหน่ะค่ะ...แน่นดีท่านมาว่างั้นค่ะ)

ก็กำลังคิดว่าจะต่อ ป.โท สาขาวิจัย ค่ะ (ในรอบแรกหนูลง โท เทคโนแขนงคออมศึกษา หนูว่าจะสอบใหม่ค่ะ)

อยากให้ช่วยแนะนำหนูหน่อยค่ะว่า แต่ละสาขา หากเรียนไปแล้ว ผลที่ออกมาจะเป็นอย่างไรบ้างคะ

(เรื่องความยากง่าย หนูไม่เกี่ยงค่ะ ยิ่งยาก ยิ่งท้าทายดีค่ะ)

ขอบคุณมากครับ คุณน้อง Orasa ที่แวะมาเยือน ;)

การเรียนโท เป็นการพัฒนาความรู้เชิงวิชาการของตนเองให้เป็นระบบมากขึ้น

แต่การเรียนตรี เป็นการเรียนเพื่อนำไปใช้ในเชิงปฏิบัติการ เชิงวิชาชีพ

ดังนั้น การเลือกจะเรียนโทสาขาใดก็ตาม ขึ้นอยู่กับว่า เราสามารถจะพัฒนาการในสาขานั้นได้มากน้อยแค่ไหน

แต่ไม่สนับสนุนการเรียนที่เป็น "ค่านิยม" ว่า ป.ตรี มันไม่พอ ครับ ต้อง ป.โท ป.เอก

มีข้อหนึ่งก็คือ จบ ป.โท ไม่ว่าจะศักยภาพมากน้อยแค่ไหน แต่ก็หางานทำยากมากกว่า ป.ตรี แน่นอน

หรือจบโท แต่ต้องยอมลดวุฒิเหลือตรี อะไรแบบนี้ครับ ;)

ถามอาจารย์ที่ภาควิชาเราเองดีสุด ว่าไหม ;)

เรียนอ.เสือ

การรักษาภาพลักษณ์ของน้ำเสีย...มีทุกวงการ

นั่นเป็นความเข้าใจผิด ที่เข้าใจถูกของคนกลุ่มหนึ่ง

เมื่อไม่กล้าสื่อ แล้วเมื่อไหร่สังคมจะเปลี่ยนแปลง

ประโยคข้างบนนี้จำเขามาพูดเพราะเห็นด้วย

ขอบคุณอ.เสือที่สื่อออกมาให้รู้กันบ้างว่า

อะไรควร อะไรควร   อิ อิ

แล้วก็มาชวนไปเที่ยวฮอดกันนะคะ

เนี่ยลูกศิษย์ใครก็ไม่รู้ เธอๆทั้งหลายช่างน่ารักจริงๆ

พี่เลยกดซะ 3-4 รูป

แหม หน้าตาคุ้น ๆ นะครับ อิ อิ

ขอบคุณครับ คุณ krutoiting ;)

"คนดีที่ยังแฝงตัวอยู่" คงมีโอกาสที่เขาจะได้ ลืมตา อ้าปาก พัฒนาสถาบัน/องค์กรที่เขาอยู่นะครับ อาจารย์ ^^

เรามาช่วยอธิษฐานและฝันกันนะครับ ท่านอาจารย์ตี๋ ครูgisชนบท ;)...

หากความฝันเป็นจริง คนดีจะขับเคลื่อนระบบและสังคมให้เจริญงอกงามมากขึ้น

หากความฝันไม่เป็นจริง ก็ต้องฝันกันอีกทีว่า จริงสักทีเถอะ อะไรแบบนี้ครับ 555

ขอบคุณครับอาจารย์ ;)...

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท