กัมปนาท อาชา แจ๊ค
ธภัทร ภิรมย์ ตู่
พรทิพย์ เวียงสมุทร แพรว
รัตน์ดาวรรณ นาศรีเคน กุ้ง
วลัญชพร ชัยพัฒน์ องุ่น
วัชญา หระมาตย์ วัช
สิริมา ศรีสุภาพ เอื้อง
อมร โททำ มร
อุษณีย์ อรรคแสง นวล
วัตถุประสงค์ของการวิจัยเพื่อทดสอบว่า จิตสำนึกในการปฏิบัติงานและการติดต่อสื่อสาร มีความสัมพันธ์และผลกระทบต่อประสิทธิภาพการทำงานเป็นทีม : กรณีศึกษาบุคลากรสังกัดสำนักงานอธิการบดี มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
ผลการวิจัยพบว่า
1) บุคลากรสังกัดสำนักงานอธิการบดีมีความคิดเห็นเกี่ยวกับจิตสำนึกในการปฏิบัติงานโดยรวมและเป็นรายด้าน ได้แก่ ด้านจิตสำนึกต่อหน้าที่ ด้านจิตสำนึกต่อส่วนรวม การติดต่อสื่อสารโดยรวมและรายด้าน ได้แก่ ด้านการติดต่อสื่อสารทางวาจา ด้านการติดต่อสื่อสารทางลายลักษณ์อักษร ด้านการติดต่อสื่อสารทางเทคโนโลยี และประสิทธิภาพการทำงานเป็นทีมโดยรวมและรายด้าน ได้แก่ ด้านสมาชิกในทีมมีความพึงพอใจในการทำงาน ด้านสมาชิกเกิดความเชื่อถือและไว้วางใจกัน ด้านการทำให้ความขัดแย้งลดน้อยลง ด้านการแก้ไขปัญหาอุปสรรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้านการรับรู้ในการทำงานร่วมกัน อยู่ในระดับมาก
2) บุคลากรสังกัดสำนักงานอธิการบดี ที่มีอายุ ระดับการปฏิบัติงานแตกต่างกัน มีความคิดเห็นเกี่ยวกับจิตสำนึกในการปฏิบัติงานแตกต่างกัน และที่สังกัดหน่วยงานแตกต่างกัน มีความคิดเห็นเกี่ยวกับประสิทธิภาพการทำงานเป็นทีมแตกต่างกัน
3) จิตสำนึกในการปฏิบัติงาน ด้านจิตสำนึกต่อส่วนรวม มีความสัมพันธ์และผลกระทบเชิงบวกกับประสิทธิภาพการทำงานเป็นทีมโดยรวมและเป็นรายด้านทุกด้าน ได้แก่ ด้านสมาชิกในทีมมีความพึงพอใจในการทำงาน ด้านสมาชิกเกิดความเชื่อถือและไว้วางใจ ด้านการทำให้ความขัดแย้งลดน้อยลง ด้านการแก้ไขปัญหาอุปสรรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ และด้านการรับรู้ในการทำงานร่วมกัน
4) การติดต่อสื่อสารทางลายลักษณ์อักษร มีความสัมพันธ์และผลกระทบเชิงบวกกับประสิทธิภาพการทำงานเป็นทีมโดยรวม และด้านสมาชิกในทีมมีความพึงพอใจในการทำงาน และ
5) การติดต่อสื่อสารทางเทคโนโลยี มีความสัมพันธ์และผลกระทบเชิงบวกกับประสิทธิภาพการทำงานเป็นทีมโดยรวม ด้านสมาชิกเกิดความเชื่อถือและไว้วางใจ ด้านการทำให้ความขัดแย้งลดน้อยลง ด้านการแก้ไขปัญหาอุปสรรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ และด้านการรับรู้ในการทำงานร่วมกัน
โดยสรุป จิตสำนึกในการปฏิบัติงาน และการติดต่อสื่อสาร มีความสัมพันธ์และผลกระทบเชิงบวกกับประสิทธิภาพการทำงานเป็นทีม ดังนั้น ผู้บริหารสำนักงานอธิการบดี มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ควรนำข้อสนเทศจากการวิจัยดังกล่าว ใช้เป็นแนวทางในการปรับปรุง กำหนดทิศทาง และนำไปพัฒนารูปแบบการทำงานเป็นทีมที่มีประสิทธิภาพ เพื่อส่งผลต่อความสำเร็จในการบริหารทรัพยากรบุคคลต่อไป
การได้มาซึ่งหัวข้อวิจัยของ นบก. 3 กลุ่ม 2 ในครั้งนี้
สมาชิกในกลุ่มวันนี้(24กค52) ได้ร่วมกันสังเคราะห์สมรรถนะ “การทำงานเป็นทีม” ทั้งนี้ ได้นำเวลา (Time) มาเป็นปัจจัยสำคัญในการทำงานเป็นทีม โดยกำหนดระยะรวมทั้งหมดที่จะทำกิจกรรมตามกรอบใหญ่ แล้วแยกเวลาในช่วงกิจกรรมแต่ละช่วง ประกอบด้วย ช่วงการร่วม(คิด)กันสังเคราะห์ปัจจัยที่ส่งผลให้การทำงานเป็นทีมมีประสิทธิภาพและนำไปสู่การปฏิบัติได้จริง ช่วงอภิปราย สรุปผล และนำไปสู่การสร้าง Model การทำงานเป็นทีมที่นำไปสู่การปฏิบัติได้ประสบความสำเร็จ ซึ่งสรุปเป็น Model การทำงานเป็นทีมที่นำไปสู่การปฏิบัติได้ประสบความสำเร็จ
จาก Model ดังกล่าว ที่ได้นี้ ฝ่ายเลขานุการ ขอเสนอแนะเข้าไปสู่วิชาการ (วิจัย) โดยเพื่อพิสูจน์ในอนาคตว่า “การมีจิตสำนึกที่ดี และการสื่อสารในทีมส่งผลต่อการทำงานเป็นทีมให้มีประสิทธิภาพหรือไม่ อย่างไร” ซึ่งได้หัวข้อวิจัยคือ
“ผลกระทบของจิตสำนึกและการติดต่อสื่อสารที่มีต่อประสิทธิภาพการทำงานเป็นทีม”
และหลังจากที่ทีมจับสลากได้หัวข้อ “การทำงานเป็นทีม” จึงได้ประชุมเพื่อพิจารณาอีกครั้ง ในวันที่ 29 กรกฎาคม 2552 ซึ่งสรุปหัวข้องานวิจัย คือ
“ผลกระทบของจิตสำนึกในการปฏิบัติงาน และการติดต่อสื่อสารที่มีต่อประสิทธิภาพการทำงานเป็นทีม : กรณีศึกษาบุคลากรสำนักงานอธิการบดี มหาวิทยาลัยมหาสารคาม”
ความมุ่งหมายของการวิจัย
1. เพื่อศึกษาจิตสำนึกในการปฏิบัติงาน การติดต่อสื่อสาร และประสิทธิภาพการทำงานเป็นทีมของบุคลากรสังกัดสำนักงานอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาสารคาม
2. เพื่อศึกษาความสัมพันธ์และผลกระทบของจิตสำนึกในการปฏิบัติงานกับประสิทธิภาพการทำงานเป็นทีมของบุคลากรสังกัดสำนักงานอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาสารคาม
3. เพื่อศึกษาความสัมพันธ์และผลกระทบของการติดต่อสื่อสารกับประสิทธิภาพการทำงานเป็นทีมของบุคลากรสังกัดสำนักงานอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาสารคาม
4. เพื่อเปรียบเทียบจิตสำนึกในการปฏิบัติงาน การติดต่อสื่อสาร และประสิทธิภาพการทำงานเป็นทีม ของบุคลากรสังกัดสำนักงานอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาสารคาม ที่มีสังกัดหน่วยงาน อายุ ระดับการศึกษา ระดับการปฏิบัติงาน และประสบการณ์การทำงานแตกต่างกัน
สรุปผลการวิจัย
1. บุคลากรสังกัดสำนักงานอธิการบดี ส่วนใหญ่เป็นบุคลากรจากกองคลังและพัสดุ อายุ 30-35 ปี สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี เป็นผู้ปฏิบัติงาน และมีประสบการณ์การทำงานในมหาวิทยาลัยมหาสารคาม 5 – 10 ปี
2. บุคลากรสังกัดสำนักงานอธิการบดี มีความคิดเห็นเกี่ยวกับจิตสำนึกในการปฏิบัติงานโดยรวมและรายด้าน ได้แก่ ด้านจิตสำนึกต่อหน้าที่ ด้านจิตสำนึกต่อส่วนรวม อยู่ในระดับมาก
การติดต่อสื่อสารโดยรวมและรายด้าน ได้แก่ ด้านการติดต่อสื่อสารทางวาจา ด้านการติดต่อสื่อสารทางลายลักษณ์อักษร ด้านการติดต่อสื่อสารทางเทคโนโลยี
อยู่ในระดับมาก และ
ประสิทธิภาพการทำงานเป็นทีมโดยรวมและเป็นรายด้าน ได้แก่ ด้านสมาชิกในทีมมีความพึงพอใจในการทำงาน ด้านสมาชิกเกิดความเชื่อถือและไว้วางใจกัน ด้านการทำให้ความขัดแย้งลดน้อยลง ด้านการแก้ไขปัญหาอุปสรรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้านการรับรู้ในการทำงานร่วมกัน อยู่ในระดับมาก
3. จิตสำนึกในการปฏิบัติงาน ด้านจิตสำนึกต่อส่วนรวม มีความสัมพันธ์และผลกระทบเชิงบวกกับประสิทธิภาพการทำงานเป็นทีมโดยรวม ด้านสมาชิกในทีมมีความพึงพอใจในการทำงาน ด้านสมาชิกเกิดความเชื่อถือและไว้วางใจ ด้านการทำให้ความขัดแย้งลดน้อยลง ด้านการแก้ไขปัญหาอุปสรรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ และด้านการรับรู้ในการทำงานร่วมกัน
4. การติดต่อสื่อสาร ด้านการติดต่อสื่อสารทางลายลักษณ์อักษร มีความสัมพันธ์และผลกระทบเชิงบวกกับประสิทธิภาพการทำงานเป็นทีมโดยรวม และด้านสมาชิกในทีมมีความพึงพอใจในการทำงาน
5. การติดต่อสื่อสาร ด้านการติดต่อสื่อสารทางเทคโนโลยี มีความสัมพันธ์และผลกระทบเชิงบวกกับประสิทธิภาพการทำงานเป็นทีมโดยรวม ด้านสมาชิกเกิดความเชื่อถือและไว้วางใจ ด้านการทำให้ความขัดแย้งลดน้อยลง ด้านการแก้ไขปัญหาอุปสรรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ และด้านการรับรู้ในการทำงานร่วมกัน
6. บุคลากรสังกัดสำนักงานอธิการบดี ที่มีสังกัดหน่วยงาน ระดับการศึกษา และประสบการณ์การทำงานต่างกัน มีความคิดเห็นเกี่ยวกับจิตสำนึกในการปฏิบัติงานโดยรวมและรายด้าน ได้แก่ ด้านจิตสำนึกต่อหน้าที่ และด้านจิตสำนึกต่อส่วนรวมไม่ต่างกัน
บุคลากรสังกัดสำนักงานอธิการบดี ที่มีอายุ 30-35 ปี 35-40 ปี และมากกว่า 40 ปี มีความคิดเห็นเกี่ยวกับจิตสำนึกในการปฏิบัติงานโดยรวม มากกว่า อายุน้อยกว่า 30 ปี แต่มีรายด้านทั้ง 2 ด้าน ได้แก่ ด้านจิตสำนึกต่อหน้าที่ และด้านจิตสำนึกต่อส่วนรวมไม่ต่างกัน
บุคลากรสังกัดสำนักงานอธิการบดี ที่มีระดับการปฏิบัติงานต่างกันมีความคิดเห็นเกี่ยวกับจิตสำนึกในการปฏิบัติงานโดยรวมไม่ต่างกัน ยกเว้นรายด้านต่างกัน โดยหัวหน้างาน มีความคิดเห็นเกี่ยวกับจิตสำนึกต่อส่วนรวม มากกว่า ผู้ปฏิบัติงาน
7. บุคลากรสังกัดสำนักงานอธิการบดี ที่มีสังกัดหน่วยงาน อายุ ระดับการศึกษา ระดับการปฏิบัติงาน และประสบการณ์ทำงานต่างกัน มีความคิดเห็นเกี่ยวกับการติดต่อสื่อสารโดยรวมและรายด้านทุกด้าน ได้แก่ ด้านการติดต่อสื่อสารทางวาจา ด้านการติดต่อสื่อสารทางลายลักษณ์อักษร และด้านการติดต่อสื่อสารทางเทคโนโลยี ไม่ต่างกัน
8. บุคลากรสังกัดสำนักงานอธิการบดี ที่มีอายุ ระดับการศึกษา ระดับ การปฏิบัติงาน และประสบการณ์ทำงานต่างกัน มีความคิดเห็นเกี่ยวกับประสิทธิภาพการทำงานเป็นทีมโดยรวมและรายด้านทุกด้าน ได้แก่ ด้านสมาชิกในทีมมีความ
พึงพอใจในการทำงาน ด้านสมาชิกเกิดความเชื่อถือและไว้วางใจกัน ด้านการทำให้ความขัดแย้งลดน้อยลง ด้านการแก้ไขปัญหาอุปสรรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ และด้านการรับรู้ในการทำงานร่วมกันไม่ต่างกัน
บุคลากรสังกัดสำนักงานอธิการบดี ที่สังกัดหน่วยงานต่างกัน มีความคิดเห็นเกี่ยวกับประสิทธิภาพการทำงานโดยรวมและรายด้านต่างกัน โดยบุคลากรสังกัดกองทะเบียนและประมวลผล และกองแผนงาน มีความคิดเห็นเกี่ยวกับประสิทธิภาพการทำงาน ด้านสมาชิกในทีมมีความพึงพอใจในการทำงาน ด้านการทำให้ความขัดแย้งลดน้อยลง มากกว่า กองคลังและพัสดุ กองกิจการนิสิต มีด้านสมาชิกเกิดความเชื่อถือและไว้วางใจกัน มากกว่า กองคลังและพัสดุ และมีด้านการแก้ไขปัญหาอุปสรรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ มากกว่า กองกิจการนิสิต
บุคคลกรกองส่งเสริมและพัฒนางานวิจัย มีความคิดเห็นเกี่ยวกับประสิทธิภาพการทำงานเป็นทีม ด้านสมาชิกเกิดความเชื่อถือและไว้วางใจกัน และด้านการแก้ไขปัญหาอุปสรรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ มากกว่า กองคลังและพัสดุ และด้านการแก้ไขปัญหาอุปสรรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ มากกว่า กองกิจการนิสิต
ต้องขอขอบคุณพี่แจ๊คอย่างมากที่ได้เผยแพร่ผลงานวิจัยที่ดีเยี่ยม ของ นบก.กลุ่ม2 และเชื่อมั่นว่างานวิจัยดังกล่าว สามารถเป็นแนวทางในการทำงานเป็นทีมต่อไป และเป็นแนวทางสำหรับผู้ที่จะสนใจศึกษาวิจัยต่อไป
G2 เยี่ยมมากค่ะ โดยเฉพาะหัวหน้าทีมที่พาทีมไปได้อย่างราบรื่น และประสบความสำเร็จ