เมื่อวันที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๕๒ ที่ผ่านมา หลังจากผมทำหน้าที่ลูก…ที่แสนจะน่ารัก (หลงตัวเอง) ทั้งที่น่ารักกับแม่ทุกวันแหละครับ แต่ทุกวันที่ ๑๒ สิงหาคม แม่จะรอการทำอะไรสักอย่างที่น่าประทับใจจากลูก ๆ แต่ไม่บอกนะครับว่าเรา(หมายถึงผมจะน้อง)ทำอะไรบ้างอย่างให้แม่.... เอาเป็นว่าผมเดินทางจากบ้านด้วยเวลากว่า ๘ ชั่วโมง ในวันที่ ๑๔ สิงหาคม ไปภูเก็ต เพื่อเตรียมตัวสำหรับการรับบทบาทเป็นผู้จัดกระบวนการเรียนรู้
ผมได้รับการประสานงานจากพี่เจี๊ยบ คณะทำงานเครือข่ายผู้ปกครองระดับชั้นม.๒โรงเรียนภูเก็ตวิทยาลัย ก่อนหน้านี้ผมรู้จักพี่เจี๊ยบในฐานะแกนนำเครือข่ายองค์กรชุมชนจังหวัดภูเก็ต เธอติดต่อให้ผมไปจัดกระบวนการเรียนรู้เรื่อง คุณธรรมกับการออม ให้ นักเรียนชั้น ม.๒ จำนวน ๔๕๐ คน ถือว่าเป็นโจทย์ใหญ่สำหรับผม เพราะเหตุว่า “นักเรียน ม.๒ .....จำนวน ๔๕๐” เด็ก...เยอะ ทำไงดีหว่า
ผมไม่ถนัดอยู่แล้วครับกับการบรรยาย จึงได้ออกแบบกระบวนการเรียนรู้ในหัวข้อ “คุณธรรมกับการออม” แบบผมไม่ต้องบรรยาย แต่เป็นการเรียนรู้ร่วมกันระหว่างผมและนักเรียน
ผมมีน้องวุฒิ บัณฑิตรัฐประสานศาสตร์ จากรั้วจันทร์เกษม หนุ่มตรัง แต่มาทำงานที่จังหวัดภูเก็ตภายใต้สังกัดมูลนิธิชุมชนไท เขาเป็นน้องที่เคยทำงานร่วมกันมาเป็นผู้ช่วย
เวลา ๙ เศษ วันที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๕๒หลังจากที่ท่าน รอง ผอ.สพท.ภูเก็ตเขต ๑ เปิดงานเสร็จแล้ว ผมเริ่มจัดกระบวนการเรียนรู้ดังนี้ครับ
ผมเริ่มจากการละลายพฤติกรรมด้วยการเคลื่อนไหวร่างกายแบบง่าย ๆ คือให้เข้ากลุ่มตามวันเกิด และการปรบมือกับเพื่อนข้าง ๆ ตามจำนวนที่ผมกำหนด จากนั้นให้น้องจับกลุ่ม ๆ ละ ๑๐ คน คละเพศ
เมื่อได้สมาชิกครบแล้ว ผมให้สถานการณ์ว่า ๑ กลุ่มหมายถึง ๑ ครอบครัว แล้วให้แบ่งบทบาทกันว่าใครจะมีบทบาทอะไรในครอบครัว ใครเป็นพ่อ แม่ ลูก ปู่ ย่า ตา ยาย หรือแล้วแต่นักเรียนจัดให้ครบองค์ประกอบของครอบครัว บางกลุ่มมีแม่เป็นผู้ชาย มีตาเป็นผู้หญิง
ต่อจากนั้น ผมให้น้อง ๆ ลองสร้างครอบครัวในจินตนาการดูครับว่า ต้องการให้ครอบครัวเป็นอย่างไร มีอะไรบ้าง ทั้งด้านวัตถุและด้านอื่น ๆ บางกลุ่มอยากมีบ้านแบบไมเคิล เจ๊กสัน บางกลุ่มอยากมีสระ ๘ สระ สถานการณ์นี้ผมต้องการให้น้อง ๆ ลองวางแผนว่าเป้าหมายของครอบครัวจะเป็นอย่างไร
สถานการณ์ต่อมา ผมใช้ แบบบันทึกบัญชีครัวเรือน ที่ ม.มหิดล โดยการสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) แจกให้น้อง ๆ (ผมใช้เป็นสื่อการเรียนรู้) ผมสมมติให้ครอบครัวมีรายได้ครัวเรือนละ ๔๐,๐๐๐ บาท ผมให้น้อง ๆ ใช้เงินจำนวนนี้ตามความเหมาะสมของครอบครัว แล้วลงบัญชีครัวเรือน ๑ เดือน
ต่อไปผมให้สถานการณ์เช่นเดียวกับสถานการณ์ก่อนหน้านี้ แต่เมื่อน้อง ๆ ลงบัญชีเสร็จแล้ว ผมมีสถานการณ์เพิ่มเติมครับว่า ต้องจ่าย
l จ่ายค่าปรับจราจร 1,000 บาท
l จ่ายค่ารักษาพยาบาลคนในครอบครัว 3,000 บาท
l จ่ายค่างานเลี้ยงรุ่น 2,000 บาท
ครอบครัวที่จ่ายเงินแบบไม่มีการออม ชนิดที่จ่ายครบทั้ง ๘๐,๐๐๐ บาท แล้วไม่มีเงินจ่ายตามเงื่อนไขจำอย่างไร ?.........................
อยากรู้ว่าเหตุการณ์ และกระบวนการเรียนรู้จะเป็นอย่างไร ติดตามโอกาสต่อไป รับรองว่าสนุกครับ.....
มาทักทายคนคอน
บ้านเิกิดเราเหมือนกัน
โชคดีค่ะ
สวัสดีครับ อ เฉลิมพล รู้มั้ยบู๊ธเล่าเรื่องได้สนุกมาก อ่านแล้วเห็นภาพ ประกอบกับพี่พอรู้จักคนที่กล่าวถึงในเรื่อง และประมาณวันที่ 13ส.ค ตอนที่มีการทาบทามวิทยากรพี่ก็อยูที่ที่สนง. น้องวุฒิด้วย ยังแซวกันอยู่เลย อ่านบันทึกนี้แล้วทำให้อยากติดตามตอนต่อไปจัง
พี่พัช ขอบคุณครับ ขอโอกาสเหมาะจะเล่าให้ฟังตอนที่ ๒
เข้ามาตามอ่านตอนที่ 2จ้า
สวัสดีครับ อาจารย์ เฉลิมพล มาชวนอาจารย์ ไปบ้านบังวอญ่า ไฟงบังนินทาอาจารย์ ไว (นินทาเพื่อคุณภาพครับ)