ศาสดา (ซ.ล.)


ท่านนบีมูฮัมหมัด 

 

การเกิด

                 ท่านศาสดามุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม เกิดที่นครมักกะฮฺ ประเทศซาอุดิอารเบีย ซึ่งเป็นประเทศที่ตั้งอยู่แถบตะวันออกกลาง เกิดเมื่อเวลาเช้าตรู่ของ วันที่ 12 เดือน ร่อบีอุ้ลเอาวัล ปีช้าง ซึ่งตรงกับวันที่ 22 เมษายน ค.ศ.571 หรือ พ.ศ.1114 เมื่อท่านอับดุลมุฏฏอลิบ ผู้เป็นปู่ได้ทราบข่าวการเกิด จึงได้รีบไปเยี่ยมและได้ตั้งชื่อให้หลานชายว่า มุฮัมหมัด ผู้ได้รับการสรรเสริญ

 

เชื้อสาย

                บิดาของท่านชื่อ อับดุลลอฮฺ เป็นบุตรของอับดุลมุฏฏอลิบ บุตรของฮาชิม บุตรของอับดุลมะนาฟ บุตรของกุศ็อย บุตรของกิลาบ มารดาของท่านชื่อ อะมีนะฮฺ บุตรของวะฮับ บุตรของอับดุลมะนาฟ บุตรของชุรอฮฺ บุตรของกิลาบ บิดาและมารดาของท่านศาสดามุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม เป็นต้นตระกูลเดียวกัน หรือเผ่าเดียวกัน คือเผ่ากุเรช บิดาของท่านเสียชีวิตในขณะท่านอยู่ในครรภ์มารดา และต่อมามารดาของท่านก็เสียชีวิตอีก ในขณะที่ท่านมีอายุได้ 6 ปี ท่านศาสดาจึงได้ไปอยู่กับปู่ชื่อ อับดุลมุฏฏอลิบ

                 เมื่อยังเป็นเด็กท่านเคยทำงานโดยมีอาชีพรับจ้างเลี้ยงแกะ และได้เคยติดตามลุงไปค้าขายยังประเทศซีเรีย 2 ครั้ง ครั้งแรกไปเมื่ออายุ 12 ปี ครั้งที่ 2 ไปเมื่ออายุ 25 ปี ในขณะที่ท่านมีอายุ 25 ปีนั้น ท่านไปทำงานอยู่กับท่านหญิงค่อดีญะฮฺ ซึ่งเป็นเจ้าของกิจการค้าในนครมักกะฮฺด้วยความซื่อสัตย์สุจริต มีไมตรีและมิตรภาพ ประกอบกับมีประสบการณ์ในเรื่องการค้าขายเมื่อสมัยที่ยังอยู่กับลุง จึงทำให้กิจการค้าของท่านหญิงค่อดีญะหฺได้เจริญรุ่งเรืองเป็นลำดับ

                แม่นมของศาสดา เมื่อท่านศาสดาเกิดได้ 2-3 วัน ท่านได้รับการเลี้ยงดูจากสุวัยบะฮ์ ซึ่งเป็นแม่นมคนแรก สำหรับแม่นมคนที่ 2 คือ ฮาลีมะฮ์ อัซซะอ์ดียะฮ์ ซึ่งเป็นแม่นมโดยถาวร

                วัยเติบโตของท่านศาสดา ท่านศาสดามุฮัมมัดเป็นบุคคลที่เพียบพร้อมไปด้วยความประเสริฐหลายด้าน เช่นความสัจจะ ความซื่อสัตย์ ท่านได้รับสมญานาม อัซซอดิก ผู้มีวาจาสัจจะ และ อัลอะมีน ผู้ที่มีความซื่อสัตย์

               การตายของบิดา อับดุลลอฮ์ บิดาของท่านศาสดาสิ้นชีวิต ขณะที่ท่านศาสดาอยู่ในครรภ์มารดา 2 เดือน

               การตายของมารดา อามีนะฮ์ มารดาของท่านศาสดาสิ้นชีวิต ขณะที่ท่านศาสดาอายุ 6 ปี

               การตายของปู่ อับดุลมุตตอลิบ ปู่ของท่านศาสดาสิ้นชีวิต ขณะที่ท่านศาสดาอายุ 8 ปี

 

               อาศัยอยู่กับลุง อบูตอลิบ ลุงของท่านศาสดาเลี้ยงดูท่านศาสดาด้วยความรักและเอ็นดู ท่านศาสดาเป็นเด็กฉลาด มีความประพฤติดีและขยัน ท่านช่วยลุงเลี้ยงแพะ แกะ และช่วยลุงทำงานหลายอย่าง

 

การแต่งงานของท่านนบีมูฮำหมัด

           ท่านนบีได้แต่งงานกับท่านหญิง คอดิยะฮฺ บินติ คุวัยลิด และท่านนบีมีอายุ 25 ปี และนางมีอายู 40 ปี และมีบุตรกับนาง พวกเขาคือ ซัยหนับ , รุกอยยะฮฺ , อุมมุกัลโซม , ฟาตีมะฮฺ อับดุลลอฮฺ และกอเซ็ม ผู้คนทั้งหลายก็เรียกท่านร่อซูลว่า พ่อของกอเซ็มสืบไปยังลูกชายของท่านนั้นเอง

 

ความยุติธรรมของท่านร่อซูล

            พวกชาวกุเรชได้รวมตัวกัน เพื่อกลับมาบูรณะกะอฺบะฮฺใหม่ และในระหว่างที่บูรณะกัน ชาวกุเรชได้ขัดแย้งกันในเรื่องที่ใครจะเป็นผู้ที่วางหินดำ เพราะผู้ที่วางหินดำในกะอฺบะฮฺเป็นผู้ที่มีเกียรติ และการขัดแย้งเกือบจะกลายเป็นสงคราม

พวกเขาจึงกล่าวว่า : เราจะให้ผู้ที่เข้ามาหาพวกเราเป็นคนแรกตัดสิน

และท่านร่อซูลก็เข้ามา และพวกเขาก็เสนอเรื่องดังกล่าวแก่ท่านนบี

ท่านนบีกล่าวกับพวกเขาว่า : จงวางหินไว้บนผ้า และหัวหน้าเผ่าทุกๆคนจับปลายผ้า จนกระทั่งวางก้อนหินในกะอฺบะฮฺและพวกเขาก็ทำ หลังจากนั้นท่านร่อซูล  ก็วางหินดำไว้ในที่ของมัน ด้วยตัวของท่านเองในกะอฺบะฮฺ และดังกล่าวเป็นการเสร็จสิ้นการขัดแย้งและความชั่วร้าย

 

การลงมาของวะฮีย์

             หลังจากที่ท่านนบีอายุ 40 ปี ทำอิบาดะฮฺต่ออัลลอฮฺในถ้ำฮิรอฮฺ และท่านก็พิจารณาไตร่ตรองในการสร้างของอัลลอฮฺ และเมื่อญิบรีล อะลัยฮิสลาม ได้ลงมายังท่านร่อซูล ท่านนบีก็กลัว และ

ญิบรีลก็พูดกับท่านนบีว่า : จงอ่าน

ท่านนบีตอบว่า : ฉันอ่านไม่เป็น

ญิบรีลได้พูดกับท่านนบีว่า : จงอ่าน ด้วยกับพระนามของพระเจ้าของเจ้าผู้ทรงสร้างเจ้า 

และญิบรีลก็อ่านซูเราะฮฺ อัล-อะลักให้ท่านนบีฟัง และเป็นซูเราะฮฺแรกที่ลงมาจากกุรอาน และท่านร่อซูลก็กลับไปหาภรรยาของท่านด้วยความหวาดกลัว และ

พูดกับนางว่า : ห่มผ้าให้ฉันที

หลังจากนั้นท่านก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้หญิงคอดิยะห์ฟัง และนางก็นำเรื่องไปเล่าให้ลูกของลุงของนางฟังที่ชื่อ วะรอกะฮฺ อิบนิ เนาฟัล ที่เป็นผู้รู้ในอิลญีล และเขาก็กล่าวกับนางว่า จงไปบอกข่าวดี แท้จริงเขาคือนบีในสมัยนี้

 

การเชิญชวนต่ออิสลาม

            ท่านร่อซูลเริ่มการเชญชวนญาติใกล้ชิดของท่านและสหายของท่านไปยังอิสลาม ดังนั้นท่านหญิงคอดิยะฮฺก็ศรัทธา หลังจากนั้นก็ท่านอบูบักร และท่านอาลี บินอบีตอลิบ และท่านนบีก็รวบรวมศอฮาบะฮฺของท่านอย่างลับๆ ในบ้านของดารุลอัรกอมลูกของอบีอัรกอม เพื่อที่จะสอนเขาในเรื่องราวของศาสนา หลังจากนั้นพวกกุฟฟารก็ทำร้ายบรรดาผู้ที่ศรัทธา

 

พ่อค้าที่ซื่อสัตย์

           ขณะที่ท่านนบีอายุ 20 ปี ท่านทำการค้าขาย โด่งดังในเรื่องความสัจจริง และมีอมานะห์ ท่านหญิงคอดียะห์ได้ยินเรื่องดังกล่าว ดังนั้นนางจึงได้เสนอตัวต่อท่านนบีที่จะให้ท่านนบีเข้ามาในการค้าขายของนาง ท่านรอซูลตกลง และก็ออกไปกับคนรับใช้ที่สนิทของท่านหญิง ที่ชื่อมัยซาเราะห์ที่ทำงานกับท่านหญิงคอดียะห์ เมื่อท่านรอซูล กลับไปที่มักกะห์ ท่านได้กำไรจากการค้าขายมากมาย และในระหว่างทางกลับ ได้มีก้อนเมฆที่อยู่บนท้องฟ้า ได้ให้ร่มเงาแก่ท่านนบีมูฮัมหมัด ปกป้องท่านจากความร้อนของดวงอาทิตย์ มัยซาเราะห์จึงได้กลับไปหา และเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้กับท่านหญิงคอดียะห์ฟัง

 

ปีแห่งความเสียใจ

           ที่ถูกเรียกว่าปีของความเสียใจเพราะท่านนบีเสียใจอย่างมากมายต่อการเสียชีวิตของท่านหญิงคอดิยะฮฺและท่านอบูตอลิบซึ่งเป็นลุงของท่าน ท่านร่อซูล ก็ได้ไปยังเมืองฎออีฟหลังจากดังกล่าว เพื่อเชิญชวมชาวเมืองสู่อิสลาม แต่ว่าพวกเขาได้ทำร้ายท่านนบีและไม่ตอบรับการเชิญชวนของท่าน

 

อิสรอฮฺและเมี๊ยะอฺรอจ

           อัลลอฮฺต้องการที่จะลดความเศร้าของท่านนบี โดยให้ท่านนบีเดินทางในตอนกลางคืนจากมักกะฮฺไปยังบัยติลมักดีส และละหมาดในมัสยิด หลังจากนั้นก็ขึ้นไปยังฟากฟ้าที่สูงส่ง และอัลลอฮฺบัญญัติการละหมาดให้แก่ท่านนบี

 

การอพยพไปยังมะดีนะฮฺ

            ท่านร่อซูลได้อพยพไปยังมะดีนะฮฺ หลังจากที่ศอฮาบะฮฺของท่านได้อพยพไปแล้ว และศาสนาของอัลลอฮฺก็ได้แพร่หลายที่นั่น และท่านร่อซูลก็ได้เข้าทำสงครามกับมุชริกีนหลายสงคราม เพื่อปกป้องศาสนาของอัลลอฮฺ และอัลลอฮฺก็ได้ช่วยเหลือร่อซูลของพระองค์ และสนับสนุนท่านร่อซูลด้วยกับบรรดามาลาอิกะฮฺทำการต่อสู้พร้อมกับท่าน เพราะแท้จริงอัลลอฮฺได้สั่งใช้ที่จะให้ท่านเผยแพร่อิสลามในโลกนี้ เพราะแท้จริง อัลลอฮฺจะไม่รับศาสนาใดนอกจากท่านร่อซูล

 

 

การพิชิตมักกะฮฺ

            ท่านร่อซูล ได้กลับไปยังมักกะฮฺ เพื่อที่จะพิชิตมักกะฮฺในวันที่ 10 เดือนรอมาฎอนในปีที่ 8 ของการอพยพ และจำนวนทหารของท่านร่อซูลมี 10,000 คน และท่านนบีก็ละหมาดพร้อมกับศอฮาบะฮฺของท่าน ในกะอฺบะฮฺและความสัจจริงของอัลลอฮฺ สัญญาของอัลลอฮฺต่อร่อซูล ในการกลับเข้าไปในกะอฺบะฮฺอีกครั้งหนึ่ง และท่านร่อซูล ก็อภัยให้ชาวมักกะฮฺ เพราะแท้จริงท่านเป็นผู้ที่เมตตาและเป็นผู้ที่มีเกียรติ และท่านร่อซูล ก็ทำฮัจญ์อำลาในปัฮิจเราะฮฺที่ 10 และบรรดามุสลิมที่อยู่รอบๆท่าน ก็ร่วมประกอบพิธีฮัจญ์พร้อมกับท่าน

 

การเสียชีวิตของท่านร่อซูล

           ท่านร่อซูล เสียชีวิตในวันที่ 12 เดือนรอบิอุ้ลเอาว้าล จากปีที่ 11 ของการอพยพในเวลาสาย และถูกฝังในห้องใกล้ๆมัสยิดของท่านในมะดีนะฮฺ และหลังจากที่ ขยายมัสยิดนะบะวี กุโบรของท่านก็เข้าไปอยู่ในมัสยิด ข้าแต่อัลลอฮฺขอพระองค์ทรงนำนายของเรานบีมูฮำหมัด และความประเสริฐ และการส่งนบีมา ข้าแต่อัลลอฮฺโปรดทรงให้ที่พำนักที่ได้การสรรเสริญที่พระองค์ได้ทรงสัญญาไว้กับนบี และอัลลอฮฺได้สรรเสริญนบี และให้ความสันติสุข พระองค์ให้ความจำเริญแก่นบี และครอบครัวของท่าน และบรรดาศอฮาบะฮฺของท่าน และผู้ที่ติดตามท่านไปยังวันแห่งการตอบแทน

 

การเป็นศาสดา

ท่านศาสดามุฮัมหมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้รับวะฮฺยู (วะฮียฺ) = Revalation =  การดลใจหรือการรวบรัดดวงจิตโดยฉับพลัน จากพระผู้เป็นเจ้า ซึ่งเริ่มต้นด้วยคำว่า อิดเราะอฺ แปลว่า จงอ่าน

 

" จงอ่าน ด้วยพระนามของพระผู้อภิบาลของเจ้า ผู้ทรงสร้าง (สากลจักรวาล) ผู้ทรงสร้างมนุษย์จากก้อนเลือด จงอ่านเถิด และผู้อภิบาลของเจ้าทรงเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ยิ่ง " (96 : 1-3)

ท่านได้รับวะฮฺยูหรือการดลใจหรือการแต่งตั้งให้เป้นศาสดาจากพระผู้เป็นเจ้า ในเดือนร่อมาฎอน ณ

ถ้ำฮิรออฺ ซึ่งขณะนั้นท่านมีอายุได้ 40 ปี

การแต่งตั้งเป็นรอซู้ล ท่านศาสดามุฮัมมัดได้รับการแต่งตั้งเป็นรอซู้ลหลังจากวันที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นนบีได้ 6 เดือน ท่านได้รับการแต่งตั้งเป็นรอซู้ลในเดือนรอบีอุ้ลเอาวัล ตรงกับ ค.ศ. 610

 

การประกาศอิสลามอย่างลับๆ

 

พระผู้เป็นเจ้าทรงมีบัญชาให้ท่านศาสดามุฮัมหมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ประกาศอิสลามอย่างลับๆก่อน คือประกาศแก่ญาติผู้ใกล้ชิดเป็นประการแรก หญิงคนแรกที่นับถือศาสนาอิสลาม คือ ท่านหญิง

 

ค่อดีญะฮฺ  ภรรยาของท่าน  ชายหนุ่มคนแรกที่รับอิสลามคือ ท่านอบูบักร เยาวชนคนแรกที่รับอิสลาม คือท่านอลี ซึ่งมีอายุเพียง 8-10 ปี ทาสคนแรก คือ ท่านซัยดฺ ซึ่งเป็นบุตรของฮาริซะฮฺ และต่อมาได้รับกรปลดปล่อยให้เป็นอิสระ การประกาศอิสลามอย่างลับๆ ได้กระทำมาเป็นเวลา 3 ปี สาเหตุที่ประกาศอย่างลับๆ นี้เพราะบรรดามุสลิมยังมีกำลังน้อยอยู่

 

การประกาศอิสลามอย่างเปิดเผย

หลังจากที่ท่านศาสดามุฮัมหมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมได้ประกาศศาสนาอย่างลับๆ เป็นเวลา 3 ปี แล้วก็ได้รับบัญชาจากพระผู้เป็นเจ้าให้ประกาศอิสลามอย่างเปิดเผย ทั้งๆที่ในขณะนั้นมีผู้นับถืออิสลามยังไม่มากนัก ถือกำเนิดจากตระกูลกุร็อยส์ วงศ์ระกูลของท่านสืบเชื้อสายมาจากนบีอิสมาอีล บุตร นบีอิบรอฮีม (อ.ล.)

การเดินทางไปต่างแดน ท่านศาสดาเดินทางไปค้าขายกับลุงที่ซีเรีย ขณะที่ท่านมีอายุเพียง 12 ปี ใน ระหว่างทางท่านได้พบกับบาทหลวงชื่อ บะฮีรอ ซึ่งกล่าวถึงความเป็นศาสดาของท่านในอนาคต

 

                ร่วมสงครามฟุจญ้าร ครั้งที่ 1 และ 2 ท่านศาสดามุฮัมมัดเข้าร่วมทำสงครามระหว่างเผ่าในเมืองมักกะฮ์ขณะที่ท่านมีอายุ 15 ปี

ร่วมขบวนการฟื้นฟู ฮิลฟุล ฟุดุ้ล ท่านศาสดาเข้าร่วมองค์กรช่วยเหลือและสงเคราะห์ผู้ประสบภัย ซึ่งเป็นองค์กรของเยาวชน ในขณะที่ ท่านมีอายุ 16 ปี

การเดินทางไปค้าขาย ท่านศาสดาเดินทางไปค้าขายที่ซีเรียในฐานะพ่อค้า ท่านทำการค้าให้กับพระนางคอดีญะฮ์ ในขณะที่ท่านศาสดามีอายุ 23 - 24 ปี

การตัดสินชี้ขาดด้วยชาญฉลาด ท่านศาสดามุฮัมมัดทำการตัดสินชี้ขาดกรณีขัดแย้งเกี่ยวกับการยกหินดำไปวางไว้ที่เดิม การแก้ปัญหาของท่านได้สร้างความพึงพอใจให้กับทุกคน ทำให้ทุกคนยอมรับในความเฉลียวฉลาดของท่าน เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นขณะที่ท่านมีอายุ 35 ปี

 

การประทานวะฮีย์ครั้งแรก อัลลอฮ์ทรงประทานอัลกุรอาน ซูเราะฮ์ อัลอะลัก อายะฮ์ที่ 1 - 5 ในค่ำคืนวันศุกร์ที่ 17 เดือนรอมฎอนที่ถ้ำฮิรออ์เหตุการณ์ครั้งนี้แสดงถึง การได้รับแต่งตั้งเป็นนบีของท่านศาสดามุฮัมมัด ในขณะที่ท่านมีอายุ 40 ปี

การละหมาดฟะญัรและอัสรี่ อัลลอฮ์ทรงกำหนดให้ละหมาดฟะญัร เวลารุ่งอรุณ และอัสรี่ เวลาเย็นอย่างละ 2 ร็อกอะฮ์ นับตั้งแต่วันที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นศาสนทูต

ชาวกุร็อยส์ต่อต้านท่านศาสดา ปีที่ 3 - 5 ของการแต่งตั้งเป็นรอซู้ล ชาวกุร็อยส์ประชุมหารือ เพื่อขอร้องให้ลุงของท่านศาสดาอบูตอลิบช่วยบอกให้ศาสดาเลิกล้มการเผยแผ่ศาสนาอิสลาม แต่ท่านศาสดาปฏิเสธข้อเสนอ ท่านกล่าวว่า ขอสาบานต่ออัลลอฮ์ ฉันจะไม่ทิ้งงานเผยแผ่เป็นอันขาด จนกว่าอัลลอฮ์จะทรงให้ได้รับชัยชนะหรือไม่ฉันก็พินาศไป แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการเผยแผ่ของท่านศาสดา

ชาวกุร็อยส์ต่อต้านอย่างรุนแรง ปีที่ 5 - 7 ของการแต่งตั้งเป็นรอซู้ล ชาวกุร็อยส์เริ่มทำร้ายบรรดาศอฮาบะฮ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกที่เป็นทาส พวกอ่อนแอซึ่งไม่มีคนคอยช่วยเหลือ

การอพยพสู่อบิสสิเนีย เมื่อศาสดาเห็นบรรดาศอฮาบะฮ์ได้รับความทุกข์ทรมานและการทำทารุณ ท่านศาสดามุฮัมมัดสั่งให้ศอฮาบะฮ์อพยพไปอบิสสิเนีย - เอธิโอเปีย ในปีที่ 5 ของการแต่งตั้งเป็นรอซู้ล

บุคคลสำคัญรับอิสลาม ท่านฮัมซะฮ์ บุตร อับดุลมุตตอลิบ และอุมัร บุตรค็อตต็อบ เข้ารับอิสลามในปีที่ 5 ของการแต่งตั้งเป็นรอซู้ลต่อมาอัลลอฮ์ได้ให้อิสลามมีความเกรียงไกรด้วยการรับอิสลามของทั้งสอง

การคว่ำบาตรท่านศาสดา ชาวกุร็อยส์ต่อต้านและคว่ำบาตร ไม่คบหาสมาคมกับท่านศาสดา ตระกูลบนูฮาชิมและบรรดาผู้ศรัทธา ในปีที่ 7 - 10 ของการแต่งตั้งเป็นรอซู้ล

ปีแห่งความโศกเศร้า ปีที่ 10 ของการแต่งตั้งเป็นรอซู้ล ถือว่าเป็นปีแห่งความโศกเศร้า เนื่องจากพระนางคอดีญะฮ์ผู้เป็นภรรยาและ อบูตอลิบผู้เป็นลุงที่ได้ให้การอุปการะได้สิ้นชีวิต

การเผยแผ่ที่เมืองฎออิฟ ปีที่ 10 ของการแต่งตั้งเป็นรอซู้ล ท่านศาสดาเดินทางไปเผยแผ่ศาสนาที่เมืองฎออิฟ ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของเมืองมักกะฮ์ แต่ก็ได้รับการปฎิเสธ

การละหมาดฟัรดู อัลลอฮ์ทรงกำหนดการละหมาดฟัรดู 5 เวลาในขณะที่ท่านศาสดาเมี๊ยะรอจญ์

การเริ่มต้นของอิสลามที่มะดีนะฮ์ ปีที่ 11 ของการแต่งตั้งเป็นรอซู้ล ชาวมะดีนะฮ์ 6 คน เข้าพบท่านศาสดาเพื่อขอรับอิสลาม

สนธิสัญญาอัลอะกอบะฮ์ ครั้งที่ 1 ปีที่ 12 ของการแต่งตั้งเป็นรอซู้ล ชาวมะดีนะฮ์ 12 คน เข้าพบท่านศาสดาเพื่อทำสัญญาอัลอะกอบะฮ์ครั้งที่ 1 โดยให้สัตยาบันว่าจะเคารพภักดีอัลลอฮ์เพียงองค์เดียว

สนธิสัญญา อัลอะกอบะฮ์ ครั้งที่ 2 ปีที่ 13 ของการแต่งตั้งเป็นรอซู้ล ชาวมะดีนะฮ์ 75 คน เข้าพบท่านศาสดาเพื่อทำสัญญา อัลอะกอบะฮ์ ครั้งที่ 2 โดยให้สัตยาบันว่าพวกเขาจะสนับสนุนและช่วยเหลือท่าน ศาสดาพร้อมทั้งบรรดาศอฮาบะฮ์ที่อพยพไปอยู่ที่มะดีนะฮ์

ท่านศาสดาอพยพจากมักกะฮ์สู่มะดีนะฮ์ ท่านศาสดาอพยพจากมักกะฮ์โดยมีอบูบักรร่วมเดินทางไกลด้วย ระหว่างทางท่านได้สร้าง มัสญิดกุบาอ์ ซึ่งเป็นมัสญิดหลังแรกที่ถูกสร้างขึ้น ท่านศาสดาเข้าเมืองมะดีนะฮ์ในวันศุกร์ ท่านได้ทำการละหมาดวันศุกร์ร่วมกับพี่น้องมุสลิมที่นั่น ซึ่งถือว่าเป็นการละหมาดวันศุกร์ครั้งแรกของอิสลาม เมื่อถึงเมืองมะดีนะฮ์ ท่านศาสดาได้สร้างความรัก ความเป็นพี่น้องร่วมศรัทธาระหว่างชาวมุฮาญิรีน ผู้อพยพ กับชาวอันซ็อร ผู้ช่วยเหลือการอพยพของท่านศาสดามีความสำคัญมากในประวัติศาสตร์อิสลาม มุสลิมจึงถือเอาการอพยพของท่านศาสดามุฮัมมัดเป็นจุดเริ่มของศักราชอิสลาม ซึ่งเรียกว่า ฮิจญเราะฮ์ศักราช ( ฮ.ศ. ) ปีแห่งการอพยพของท่านศาสดามุฮัมมัด

หมายเลขบันทึก: 282944เขียนเมื่อ 4 สิงหาคม 2009 11:57 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 08:25 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)

อัสลามมูอาลัยกุม

เพิ่งรู้ว่าเปิดบล็อกด้วย ยังงัยก็ขออนุญาตดึงเข้าแพลนเน็ทของมหาวิทยาลัยอิสลามยะลานะครับ ในฐานะศิษย์เก่า

ตอนนี้แนะนำคนเขียนบล๊อกตามคำแนะนำครับ อิอิ และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งที่ได้กระตุ้นครับ อัลฮัมดุลิลละฮฺครับสุดท้ายเขาก็ทำได้ครับ

P

1. จารุวัจน์ شافعى
เมื่อ อ. 04 ส.ค. 2552 @ 14:11
ขอบคุณครับ
             ยินดีเป็นอย่างยิ่งครับที่ได้เป็นส่วนหนึ่ง
อาจารย์มีอะไรเสนอแนะ ติชม ให้คําแนะนําได้เต็มที่เลย
            

P

2. เสียงเล็กๆ
เมื่อ อ. 04 ส.ค. 2552 @ 15:26
ขอบคุณครับ
             ยังจะต้องกระตุ้นกันอีกนานบัง 

อยากทราบความหมายหรือที่มาของนามแฝง "สายเชือกวัว"

คงไม่ว่ากันนะคะ

P

5. ครูแป๊ว กัลยาณี
เมื่อ ศ. 14 ส.ค. 2552 @ 14:47
ได้ครับ
      ผมจะเขียนขึ้นบล็อกให้นะครับ คอยอ่านที่มาแล้วกันครับ
ขอบคุณครับ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท