ต่อ...ชีวิตพอเพียง: บ้านพ่อ (ตอนที่ 2) และ (ตอนที่ 3)
|
||
ต้นแค นานหลายปีแล้ว มีดอกตลอดทั้งปี ฝักอ่อน ๆ ลวกจิ้มรสชาติมันอร่อย |
ดอกแค เห็นชัด ๆ หากแกงส้มกับกุ้งหัวมัน ของคู่กัน |
ต้นยอหน้าบ้าน มีใบอ่อน ๆ กินสด ใคร ๆ ก็เด็ดไปกิน มีเยอะมาก |
|
||
ข่า กอนี้อยู่ข้างถนนเข้าบ้าน |
อ้อย ไว้ใช้เวลาต้มนำเคยข้าวยำ สับ ทุบ ใส่ไปด้วย จะหอม |
ชะพลู ใช้กินกับเมี่ยง หรือยำต่าง ๆ หากจะใช้แกงกัลปลาไหลหรือหอยโข่ง นี่จะคู่กัน |
|
||
มะละกอ หรือ ลอกอ ต้นเด็ก ๆ ทดแทนต้นที่กำลังหมดอายุ |
พริก หรือ ดีปลี ต้นเด็ก ๆ ทดแทนต้นที่กำลังหมดอายุ |
มะยม ถ่ายไว้ก่อนที่จะเอาไปต้มกะทิไก่ |
พี่ชายขอบ
ใบยอ นี่ทราบว่ามีประโยชน์ดี(vit A สูง) แต่ผมไม่ทราบว่ากินดิบได้ด้วย
กินยังไงครับ หมายถึง ...
เลือกใบยังไง ขนาดใด กินเป็นผักเหนาะ หรืออย่างไร
ใบมียางมั้ย...
คุณจตุพร
เลือกที่ใบขนาด เพหลาด หรือ เพสลาด
ไม่แก่หรืออ่อนเกินไป
สำหรับสรรพคุณรู้แต่เพียงว่าช่วยเจริญอาหาร
หากเบื่อข้าว ได้ผลนักแล
จึงไม่แนะนำสำหรับสุภาพสตรีที่กำลังลดน้ำหนัก...อย่าลืม อย่าเผลอ
เชียว
อาจารย์ขจิต และ พี่ชายขอบ ครับ
ขอบคุณครับ สำหรับรายละเอียด คำว่า "เพสลาด" นี่เป็นภาษาใต้ หรืออย่างไรครับ หมายถึง "ไม่แก่ ไม่อ่อน" กำลังพอดีใช่มั้ยครับ
แล้วขนาดพี่ชายขอบนี่ จะเรียก "เพสลาด" ได้มั้ย ??? (แซว)
คุณ "ชายขอบ"
เอ!!! เพิ่งรู้ว่าอ้อยใส่ในน้ำเคยได้ด้วย ที่สงขลาเขาใส่ "ไคร" ทุบ ๆ แล้วใส่ สงสัยต้องกลับไปบอกแม่แล้ว ส่วนคนยะลา อ.นาประดู่ เขาเรียกมะละกอว่า "กล้วยหลา" ส่วนคนสงขลาก็ "ลอกอ"
โทษทีค่ะ!!! อ.นาประดู่ อยู่จังหวัดปัตตานี ลืมทุกทีเลยค่ะ
คุณขจิต รู้ไหมครับว่าทำไมชาวบ้านถึงใช้ใบยอทำห่อหมก...คำถามง่าย
ๆ ที่จะได้เห็นกระบวนการทางปัญญา ลองถามชาวบ้านด้วยคำถามแบบนี้ซิ
สิ่งที่ไม่เคยนึกคิดจะได้ออกมา คิดว่า คุณจตุพร
จะถนัดสำหรับคำถามแบบนี้ สำหรับเรื่อง "เพสลาด" เป็นภาษากลางครับ
ส่วน "เพหลาด" เป็นภาษาใต้ อย่างผมนี่เป็นเพหลาดครับ
คือยังไม่แก่ไม่อ่อน แต่เริ่มเคี้ยวยาก (เป็นชาน) เอาล๊ะสำหรับ
คุณ Vij ปกติจะใช้อ้อยแดงครับ
ซึ่งมีสรรพคุณเป็นยาด้วย หากแต่ใช้อ้อยนี้ก็ได้ เมื่อใช้อ้อยแล้ว
จะไม่เห็นเขาใส่ตะใคร้นะครับ ได้ความรู้ใหม่ว่าคน "นาโด" หรือ
"นาประดู่" เขาเรียกมะละกอว่า "กล้วยหลา" งง ๆ
ว่ามันจะคล้ายกล้วยตรงไหน แต่ก็ขอบคุณครับที่นำมา ลปรร.กัน
ขอบพระคุณอีกครั้งสำหรับบันทึกดีๆ "ชีวิตพอเพียง : บ้านพ่อ" ทั้ง 3 ตอน นี่คือทุนที่สำคัญของบ้านเรานะครับ
ผมก็เก็บภาพในส่วนที่ผมได้เรียนรู้และปฏิบัติเพื่อชีวิตที่พอเพียงเช่นกัน แต่ยังไม่ได้เขียน เป็นชีวิตจริงที่กำลังนำมาผลิตซ้ำที่กำแพงเพชร วันนี้ได้ความรู้และแนวทางเพิ่มขึ้นอีกมาก วันข้างหน้าจะบันทึกมา ลปรร.นะครับ
คุณสิงห์ป่าสัก
ผมอยากเห็นการนำเสนอที่คุณกล่าวไว้เป็นอย่างมาก ด้วยมองเห็นว่า
หากใครมาอ่านเจอแล้วคิดปลูกตะใคร้ไว้กินเอง ปลูกข่าไว้แกง
โดยไม่นึกที่จะซื้อมากนัก ผมว่าประเทศไทยจะพัฒนาไปอย่างสมดุลจริง ๆ
ในอนาคต
วันนี้ผมแกงเลียงแบบสมมติว่าเราหลงป่า
แล้วตำน้ำพริกป่า 2 อย่าง พ่อทานข้าวอร่อยมาก ถามผมว่าผักอะไรบ้าง
ผมลองนับไปพลาง ตักดูไปพลาง ทานข้าวกันไปด้วย ได้ผักทั้งหมด 18 ชนิด
ตั้งแต่ผักหวาน ตำลึง ดอกแค ฝักอ่อนแค ยอดข่อยอ่อน ยอดกะเพรา ผักบุ้ง
...ยอดดีปลี(พริก)
เพิ่งกลับจากชัยนาท ตอนเย็นแวะทานข้าวที่ร้านในปั๊ม Shellเพราะหิวมาก เจอน้ำพริกปลาทู + ผักชุดใหญ่ มีทั้งมะเขือ-ชะอม ชุบไข่ ดอกแค ฯลฯ มาอ่านบันทึกนี้เลยหิวต่ออีก
ที่หลังบ้าน รอบบ้านคนชนบทอีกไม่น้อย รกร้างว่างเปล่า น่าเสียดาย เขาตั้งหน้าตั้งตาแต่จะซื้อ และซื้อ ได้ของแถมคือสารพิษมาอีกเพียบ .. เฮ้อ ! เหนื่อยหัวใจ
อาจารย์ Handy
การใช้พื้นที่อันเล็กน้อย ก่อให้เกิดประโยชน์ ไม่สิ้นเปลือง และปลอดสารพิษ ควรส่งเสริมให้เกิดขึ้นนะครับในปัจจุบัน
ผมรักพ่อจะปฏิบัติตามพ่อ
หนูจะปฏิบัติตามเเนวพระราชดำรัส
ผมไม่อยากให้พ่อเหนื่อย
อยากกินมะยมจังค่ะ
เคยเข้ามายังจำได้ และคิดถึงจ้าน
เห็นภาพแล้วน่าไปอยู่ด้วยจัง
อยากมีที่เป็นของตัวเองซักกะติ๊ด แล้วใช้ชีวิตพอเพียงกับลูกๆ
เฮ้อ! เมื่อไหร่สามีจะเข้าใจคำว่าชีวิตพอเพียงจริงๆซะที
ตอนนี้กำลังพยายามเพาะต้นไม้ที่มีประโยชน์และจัดสวน สวนครัวอยู่
อยู่บ้านหลวงจะทำอะไรได้ซักเท่าไหร่เดี๋ยวก็โดนไล่ที่อีกแล้ว เฮ้อ !
ข้าราชการจนจน ไม่รู้จะทำอย่างไรได้ ของก็แพงน้ำมันก็แพง ลูกๆก็ต้องไปโรงเรียน
หนีเข้าป่าไปเลยดีไม๊เนี่ย
ชั่วชีวิตนี้อย่างไรแล้วก็จะกลับไปพัฒนาบ้านเกิดให้ถืงงที่สุด
จาก หนุมใบจาก ลูกชาวสวนเเท้ๆ
"...คุณธรรมที่ทุกคนควรจะศึกษาและน้อมนำมาปฏิบัติ มีอยู่สี่ประการ ประการแรก คือการรักษาสัจ ความจริงใจต่อตัวเอง ที่จะประพฤติปฏิบัติแต่สิ่งที่เป็นประโยชน์และเป็นธรรม ประการที่สอง คือการรู้จักข่มใจตนเอง ฝึกใจตนเองให้ประพฤติอยู่ในความสัจ ความดีนั้น ประการที่สาม คือการอดทน อดกลั้น และอดออม ที่จะไม่ประพฤติล่วงความสัจสุจริต ไม่ว่าจะด้วยเหตุประการใด ประการที่สี่ คือการรู้จักละวางความชั่ว ความทุจริต และรู้จักสละประโยชน์ส่วนน้อยของตนเพื่อประโยชน์ส่วนใหญ่ของบ้านเมือง คุณธรรมสี่ประการนี้ ถ้าแต่ละคนพยายามปลูกฝังและบำรุงให้เจริญงอกงามขึ้นโดยทั่วกันแล้ว จะช่วยให้ประเทศชาติบังเกิดความสุข ความร่มเย็น และมีโอกาสที่จะปรับปรุงพัฒนาให้มั่นคงก้าวหน้าต่อไปได้ดังประสงค์..."พระราชดำรัส ในพระราชพิธีบวงสรวงสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราชเจ้า วันที่ 5 เมษายน พุทธศักราช 2525
ที่บ้านก็ปลูกไว้หลายอย่างนะคะ เช่น ข่า ตะไคร้ พริก กะเพรา ชะพลู มะยม มะม่วง ลำใย ฯ ปลูกเต็มที่เลย ตอนนั้นย้ายบ้านใหม่ ไปซื้อข่าแค่หัวเดียวเล็ก ๆ แม่ค้าบอก 6 บาท อึ้งเลยค่ะ หลังจากนั้นปลูกเลยค่ะ สรุปตอนนี้กินไม่ทัน 555+