การจัดการความรู้ 9 เทคนิควิธีสู่..ความสำเร็จในการบริหารสถานศึกษา(ตอนที่ 1)
ปัจจุบันสังคมโลกได้เปลี่ยนแปลงจากยุคอุตสาหกรรมที่มีปัจจัยสำคัญในการแข่งขันคือ “ทุน” เข้าสู่ยุคที่ปัจจัยสำคัญในการแข่งขันคือความรู้ (Knowledge)ที่องค์การและผู้คนจำเป็นจะต้องรู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลง สามารถที่จะนำประสบการณ์ความรู้ ที่มีอยู่หลากหลาย ทั้งในตัวตน ในองค์การ หรือในตำรา มาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดโดยใช้เครื่องมือการจัดการความรู้(KM : Knowledge Management)
สำหรับการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในครั้งนี้จะนำตัวอย่างแนวทางการจัดการความรู้ที่สถานศึกษาสามารถนำไปประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับสภาพและบริบทของตนเอง เป็นเทคนิคการจัดการความรู้ 9 วิธี ดังนี้
1.การจัดการศึกษาทั้งในระบบ นอกระบบและตามอัธยาศัย นอกจากการจัดการศึกษาในระบบแล้ว โรงเรียนต้องส่งเสริมให้นักเรียนได้รับการศึกษาตามอัธยาศัย โดยจัดให้มีโครงการ “ห้องเรียนในโลกกว้าง” โดยจัดตั้ง Internet ให้บริการครูและนักเรียน ได้ศึกษาค้นคว้าข่าวสาร ข้อมูล ความรู้ต่างๆอันจะเป็นประโยชน์ต่อผู้เรียน
2.การบริหารแบบมีส่วนร่วมและการกระจายอำนาจ
- ให้บุคลากรในโรงเรียนมีส่วนร่วมและมีการกระจายอำนาจการบริหารโดยการเลือกตั้งคณะกรรมการสภาครู คณะกรรมการสายชั้น คณะกรรมการฝ่าย
- จัดระบบการบริหารงานตามวงจรเดมมิ่ง เพื่อให้การประสานงาน ติดตาม ตรวจสอบ ปรับปรุงแก้ไขเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผล
- จัดประชุม สัมมนา ฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ นำไปศึกษาดูงาน นิเทศภายในให้คำปรึกษาและส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพของครูอย่างต่อเนื่อง
- สร้างเครือข่ายผู้ปกครอง ระดมความคิดเห็น คำแนะนำ ข้อเสนอแนะแนวทางที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาผู้เรียนและโรงเรียนโดยส่วนรวม
- ส่งเสริมให้คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานซึ่งประกอบด้วยผู้แทนครู ผู้แทนผู้ปกครอง ผู้แทนศิษย์เก่า และผู้ทรงคุณวุฒิ ได้มีบทบาท มีส่วนร่วมในการบริหารงานในโรงเรียน
- คณะครูได้มีการจัดตั้งกลุ่ม STAR (Small Team Activity Relationship)ซึ่งเป็นกลุ่มย่อยมีสมาชิกประมาณ 12-15 คน มีวัตถุประสงค์เพื่อร่วมมือกันแก้ปัญหาและพัฒนาผู้เรียนที่อยู่ในความรับผิดชอบในสายชั้นของตนเอง เช่นการแก้ปัญหานักเรียนที่อ่านไม่คล่องเขียนไม่คล่อง การฝึกระเบียบวินัยและมารยาท การไหว้ เป็นต้น
3.การพัฒนาบุคลากรและคณะกรรมการสถานศึกษา
- จัดให้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยการจัดประชุม สัมมนา ศึกษาดูงาน
- จัดให้มีการแลกเปลี่ยนครูและผู้บริหารกับสมาคมทางการศึกษากับหน่วยงานทางการศึกษาอื่น
- จัดให้มีการประชุมคณะกรรมการสถานศึกษาเพื่อเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจในด้านการศึกษาและขอความร่วมมือจากคณะกรรมการสถานศึกษาในการเป็นวิทยากรภูมิปัญญาชาวบ้านให้การอบรมความรู้ให้แก่นักเรียน
4.ส่งเสริมให้ครูจัดการเรียนรู้ตามแนวปฏิรูปการศึกษาโดยการ “ปรับวิธีเรียนเปลี่ยนวิธีสอน”
- จากเดิม ครูทำหน้าที่เป็นผู้สอน ปรับเปลี่ยนเป็น ผู้อำนวยการจัดการความรู้
- จากเดิม ที่สอนในห้องเรียน ปรับเปลี่ยนเป็น จัดกิจกรรมการเรียนรู้ในแหล่งเรียนรู้ทั้งในและนอกโรงเรียน
- จากเดิม ที่สอนเป็นรายวิชา ปรับเปลี่ยนเป็น บูรณาการหลากหลายกลุ่มสาระการเรียนรู้
- จากเดิม ที่เคยวัดผลประเมินผลจากการสอบ ปรับเปลี่ยนเป็นการวัดผลประเมินผลตามสภาพจริงและหลากหลายวิธีเพื่อค้นหาและพัฒนาศักยภาพของผู้เรียน
จะเห็นว่ากว่าจะปรับเปลี่ยนวัฒนธรรมองค์การเป็นองค์การแห่งการเรียนรู้ได้ผู้บริหารจะต้องอดทนและใช้เวลาพอสมควร ทั้งนี้โดยอาศัยวิธีการ “สร้างความเข้าใจ ให้ความสำคัญ และผลักดันคุณภาพ” อย่างต่อเนื่อง จึงจะบังเกิดผลดี
จัดให้มีการนำเสนอผลงานของครูและนักเรียนในเวที ศักยภาพนักเรียน( Child Show )และเวทีศักยภาพครู(Teachers Show) เพื่อเปิดโอกาสให้ทุกคนได้แสดงศักยภาพรวมทั้งแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกัน
5.พัฒนานวัตกรรมการจัดการเรียนรู้โดยใช้โมเดลจิระศาสตร์(JIRASART Teaching’s Model) ดังนี้
J มาจากคำว่า Joyfull to learning หมายถึง การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ช่วยให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ มีโอกาสสร้างความรู้ด้วยตนเอง ทำให้ผู้เรียนมีความรู้ความเข้าใจและเกิดการเรียนรู้ที่มีความหมายต่อตนเองและมีความสุขในการเรียน
I มาจากคำว่า Integrating Knowledge หมายถึง การนำความรู้จากการศึกษาค้นคว้าข้อมูลจากแหล่งความรู้ที่หลากหลายมาบูรณาการสร้างเป็นองค์ความรู้ใหม่
R มาจากคำว่า Reflecting observation หมายถึง การสะท้อนความรู้สึกนึกคิดจากการสังเกตออกมาเป็นคำพูดหรือการเขียนเพื่อสื่อสารให้ผู้อื่นรับรู้ เข้าใจ
A มาจากคำว่า Acting experimentation หมายถึงการลงมือปฏิบัติ/ทดลองตามกระบวนการทางวิทยาศาสตร์เพื่อให้ได้มาซึ่งความรู้
S มาจากคำว่า satisfaction หมายถึง ความภาคภูมิใจในผลงานและการยอมรับความรู้ความสามารถของตนเองและผู้อื่น
A มาจากคำว่า Achievement หมายถึง การมุ่งมั่นทำงานโดยใช้ความรู้ ความสามารถของตนเองและร่วมมือกับผู้อื่นดำเนินการจนสำเร็จ
R มาจากคำว่า Research & Development หมายถึง การค้นหาปัญหา ข้อบกพร่องของผลงานหรือการทำงานและหาทางปรับปรุงแก้ไขให้ดีขึ้น
T มาจากคำว่า Teamwork หมายถึง การรู้จักทำงานเป็นทีมร่วมกับบุคคลอื่น
ครูสามารถดำเนินการสอนตามโมเดลการสอนของจิระศาสตร์ได้ดังนี้
1.การให้ผู้เรียนเรียนรู้อย่างมีความสุข (Joyfull to learning )ขั้นนี้เป็นการใช้เกม เพลง หรือกิจกรรมประกอบบทเรียน ให้นักเรียนมีความกระตือรือร้นอยากเรียนและได้มีส่วนร่วมในการเรียนรู้จากประสบการณ์ตรง
2.ขั้นการบูรณาการความรู้(Integrating Knowledge)ขั้นนี้เป็นการทบทวนความรู้เดิมและการให้ความรู้ใหม่แก่นักเรียนโดยผู้เรียนต้องศึกษาและทำความเข้าใจกับข้อมูลความรู้ที่หามาได้
3.ขั้นสะท้อนความรู้สึกนึกคิด(Reflecting observayion)ขั้นนี้เป็นการสะท้อนความรู้สึกนึกคิดของผู้เรียนจากการสังเกตออกมาเป็นคำพูด หรือการเขียนเพื่อสื่อสารให้ผู้อื่นรับรู้ เข้าใจ
-ติดตามตอนที่ 2นะคะ-
สวัสดีครับ
มาอ่านแล้วได้ความรู้ครับ
ถ้าทุกท่านนำไปประยุกต์ใช้
คงเป็นความสำเร็จของลูก ๆ ในอนาคตครับ
จะมาติดตามอ่านตอนต่อไปครับ
มาเยี่ยมชม ได้ความรู้ดีค่ะ
เป็นขุมของความรู้เลยนะคะ
ขอบคุณมากค่ะ