"คุณค่าภาษาไทยนั้นใหญ่หลวง"

ศน.อ้วน

วัชราภรณ์ วัตรสุข

"คุณค่าภาษาไทยนั้นใหญ่หลวง"

ภาษาไทยเป็นศักดิ์ศรีของชาติ

“คุณค่าภาษาไทยนั้นใหญ่หลวง”

แด่..คนไทยทุกคน

เนื่องในวันภาษาไทยแห่งชาติ ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๕๒

คุณค่าภาษาไทย..

ที่มาของวันนี้..เมื่อวันที่ ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๐๕ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงร่วมอภิปรายในการประชุมทางวิชาการ ของ ชุมนุมภาษาไทย คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทรงเปิดการอภิปรายในหัวข้อ “ปัญหาการใช้คำไทย” ทรงดำเนินการอภิปรายและทรงสรุปการอภิปรายด้วยพระองค์เองอย่างยอดเยี่ยม ที่แสดงถึงพระปรีชาสามารถและความ สนพระราชหฤทัยและความห่วงใยในภาษาไทย เป็นที่ประทับใจผู้เข้าร่วมการประชุมในครั้งนั้นเป็นอย่างยิ่ง นับเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวในประวัติศาสตร์ของวงการภาษาไทย ที่ได้รับพระราชทานพระมหากรุณาธิคุณดังกล่าว และในโอกาสต่อๆมาพระองค์ยังได้ทรงแสดงความสนพระราชหฤทัยและความห่วงใยในภาษาไทยอีกหลายโอกาส พระองค์ได้ทรงย้ำให้ประชาชนชาวไทยตระหนักถึงความสำคัญของภาษาไทยและพระราชทานแนวความคิดในการอนุรักษ์ภาษาไทยในโอกาสต่างๆอยู่เสมอ ทรงมีพระปรีชาญาณและพระอัจฉริยภาพในการใช้ภาษาไทย ทรงรอบรู้ปราดเปรื่องถึงรากศัพท์ของคำไทย คือ ภาษาบาลีและสันสกฤต พระองค์ทรงมีพระอุตสาหะวิริยะแปลและเรียบเรียงวรรณกรรมภาษาต่างประเทศเป็นภาษาไทยที่สมบูรณ์ด้วยลักษณะวรรณศิลป์ มีเนื้อหาสาระที่มีคุณค่าเป็นคติในการเสียสละเพื่อส่วนรวม และเป็นแบบอย่างแก่ประชาชนในการใช้ภาษาไทย ดังจะเห็นได้จากพระราชนิพนธ์แปล เรื่อง นายอินทร์ผู้ปิดทองหลังพระ ติโต พระราชนิพนธ์แปลบทความเรื่องสั้นๆ หลายบท และพระราชนิพนธ์ เรื่อง พระมหาชนก เป็นต้น

พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว..ที่บ่งบอก “คุณค่าภาษาไทย”

"เรามีโชคดีที่มีภาษาของตนเองแต่โบราณกาล จึงสมควรอย่างยิ่งที่จะรักษาไว้ ปัญหาเฉพาะในด้านรักษาภาษาก็มีหลายประการ อย่างหนึ่งต้องรักษาให้บริสุทธิ์ในทางออกเสียง คือให้ออกเสียงให้ถูกต้องชัดเจน อีกอย่างหนึ่งต้องรักษาให้บริสุทธิ์ในวิธีใช้ หมายความว่าวิธีใช้คำมาประกอบประโยค นับเป็นปัญหาที่สำคัญ ปัญหาที่สามคือความร่ำรวยในคำของภาษาไทย ซึ่งพวกเรานึกว่าไม่ร่ำรวยพอ จึงต้องมีการบัญญัติศัพท์ใหม่มาใช้... สำหรับคำใหม่ที่ตั้งขึ้นมีความจำเป็นในทางวิชาการไม่น้อย แต่บางคำที่ง่ายๆ ก็ควรจะมี ควรจะใช้คำเก่าๆ ที่เรามีอยู่แล้ว ไม่ควรจะมาตั้งศัพท์ใหม่ให้ยุ่งยาก..."

พระองค์ดังจะล่วงรู้ว่า..คนไทยยังใช้คำที่มีอยู่น้อยทั้งการพูดและเขียน

ขาดการเก็บออมคำไว้ใน “คลังใจ”

จากทั่วทิศมุ่งสู่โรงแรมจอมเทียน โดย..สพฐ. กระทรวงศึกษาธิการ

นัดพบผู้รับผิดชอบการพัฒนาคุณภาพภาษาไทย ระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน

จาก ๑๘๕ เขตพื้นที่ ๗๖ จังหวัด..ทั่วไทย ในช่วงวันภาษาไทยแห่งชาติ

ระหว่างวันที่ ๒๖-๒๙ กรกฎาคม ๒๕๕๒

ได้รับทราบข้อมูลมากมาย..ถึงเรื่องราวของ “ภาษาไทยภาษาชาติ”

ที่คนไทยด้วยกันจะต้องพึงตระหนักแล้วว่า..เป็นสัญญาณอันตราย

เท่าที่จดไว้..แล้วอยากบอกต่อเพื่อนๆผู้รักภาษาไทยภาษาชาติค่ะ

๑.นักศึกษาในมหาวิทยาลัย (ของวิทยากร) ที่เรียนวิชาเอกภาษาไทย มีนักเรียนจากเขมรเวียดนามและจีนเรียนมากกว่านักเรียนไทย คืออะไร..

๒.การเข้าเรียนตรงต่อเวลา นักศึกษาไทยเข้าห้องช้าที่สุดในหมู่มวลคนในห้อง ที่รวมนานาชาติ (แม้จะไม่ใช่ภาษาไทย แต่เป็นนิสัยคนไทยที่ควรแก้ไข) รู้สึกอย่างไร..

๓.นามบัตรของคนเขมร ระบุหมายเลขโทรศัพท์เป็นตัวเลขไทย (วิทยากรวางบนเครื่องฉาย) นามบัตรของคนไทย บอกหมายเลขโทรศัพท์เป็นเลขอารบิค ควรคิดว่าคืออะไร..

๔.การแต่งกายของผู้หญิง(ระดับผู้นำ)ของแต่ละชาติ ในโซนเอเซียจากสื่อต่างๆในการประชุมระดับนานาชาติ ผู้หญิงลาวนุ่งผ้าถุงแม้ไม่กรอมเท้า แต่ก็คลุมเข่า ผู้หญิงพม่านุ่งผ้าซิ่นกรอมเท้า ผู้หญิงอินโดนีเซีย มาเลเซีย เวียดนามต่างนุ่งผ้าถุงผ้าซิ่นยาวๆกรอมเท้าเป็นชุดประจำชาติ แม้คนอินเดียก็ตามก็จะแต่งชุดประจำชาติเป็นหลัก ประเทศเขมรดูจะแต่งคล้ายชุดไทยเรือนต้น แต่ผู้หญิงไทยกลับนุ่งสูทสีดำเรียบร้อย (แม้ไม่ใช่ภาษาไทย แต่ความเป็นไทยที่เคยมีมาช้านานหายไปไหน...)

๕.การแสดงกิริยาอันงดงามของหญิงไทยที่โดดเด่น..ที่กำลังจะถูกต่างชาติแย่งชิงไป คือ “การไหว้” เดี๋ยวนี้ผู้หญิงชาวพม่าก็ดี แม่ญิงลาวก็ดี สาวเขมรก็ดี ต่างไหว้สวยกันทั้งนั้นแล้ว แล้วแม่หญิงไทยล่ะ..

๖.เด็กไทยยุคนี้ใช้ภาษาไทยปนฝรั่ง ทั้งพูดและเขียน แถมมีพื้นที่ให้แสดงออกอย่างอิสระเสรี..

๗.ผู้ทำงานเกี่ยวข้องกับภาษาไทย เช่น สื่อต่างๆ ใช้ภาษาไทยอย่างไม่ถูกต้องเพิ่มมากขึ้น

๘.ที่สำคัญจำนวนเด็กที่ยังอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ยังคงมีจำนวนมากอยู่ทั่วประเทศ

๙.ผลสัมฤทธิ์การเรียนภาษาไทยของนักเรียนยังอยู่ในเกณฑ์ไม่น่าพอใจ

๑๐.ผลสัมฤทธิ์คณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์อยู่ในเกณฑ์ต่ำ สาเหตุเพราะนักเรียนตีความ แปลความภาษาไทยไม่ได้(มีผลวิจัยออกมาว่าหากเป็นคณิตศาสตร์ที่คิดคำนวณเฉพาะตัวเลข เด็กจะทำได้ แต่เมื่อรวมบริบทของโจทย์ปัญหาแล้วเด็กจะทำไม่ได้ เพราะมีปัญหาเรื่องภาษาไทย..)

๑๑.มีป้ายหน้าห้องแนะแนว/ห้องอาจารย์ที่ปรึกษา “กรุณาแต่งกายให้เรียบร้อยและพูดจาให้สุภาพเรียบร้อยทุกครั้ง เมื่อเข้าพบอาจารย์ที่ปรึกษา” เกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงต้องติดป้ายประกาศนี้...

“ชวั้นนนนน..-รั๊วก-เชอ-ผระ-เทช-ไทย”

ฯลฯ

.............................................

เป็นความในใจที่อยากฝากเพื่อนๆ ที่กรุณาแวะเวียนมาเยี่ยมบ้านภาษาไทย

พร้อมฝากบทกวีที่แสนงดงามของปรมาจารย์ด้านภาษาไทย...แด่ทุกท่าน

เนื่องในวันภาษาไทยแห่งชาติ ประจำปี ๒๕๕๒

ในโลกนี้มีอะไรเป็นไทยแท้

ในโลกนี้มีอะไรเป็นไทยแท้ ของไทยแน่นั้นหรือคือภาษา

ทั้งคนมีคนจนแต่ต้นมา ใช้ภาษาไทยทั่วทุกตัวคน

เด็กตะโกนกึกก้องร้องเรียกแม่ เริ่มใช้คำไทยแท้มาแต่ต้น

ไม่มีต่างภาษามาปะปน ทุกทุกคนก็สุขสบายใจ

แม่อยากให้ลูกรักได้พักผ่อน ก็ไกวเปลให้นอนจนหลับใหล

สำเนียงกล่อมร่ายร้องทำนองไทย ติดหูแต่สมัยโบราณมา

พอโตขึ้นส่งเจ้าเข้าโรงเรียน ได้เริ่มอ่านเริ่มเขียนเรียนภาษา

ภาษาไทยนั้นได้พัฒนา เป็นภาษาขีดเขียนให้เรียนกัน

บ้างชอบอ่านถ้อยคำทำนองเสนาะ ภาษาไทยไพเราะไม่แปรผัน

มีเสียงวรรณยุกต์ทุกทุกชั้น ขับร้องกันได้ง่ายคล้ายดนตรี

ฉะนั้นหรือจะไม่ให้รักเจ้า ภาษาไทยของเรามีศักดิ์ศรี

เกิดเป็นไทยคนหนึ่งเราจึงมี ของดีดีชื่อว่า “ภาษาไทย”

ฉันรักประเทศไทย

ฉันรักภาษาไทย

...เราเป็นคนไทย พูดจาภาษาไทย

อาศัยบนแผ่นดินไทย แต่งกายแบบไทย

เราเป็นคนไทย ทั้งกายและทั้งใจ

เราต้องรักเมืองไทย บ้านเกิดเมืองนอนของเรา...

เราจะช่วยกันรักษาและดูแลภาษาไทยภาษาชาติของเรา

ภาษาไทยเรานี้มีทำนอง มีสัมผัสคล้องจองน่าศึกษา

พยัญชนะของไทยนับนานา เสียงสูงต่ำนั้นหนาน่าสนใจ

สระคือเสียงแท้ไม่แปรผัน วรรณยุกต์เสียงดนตรีนั้นเสียงสดใส

เพลงกล่อมเด็กเด็กฟังแล้วชื่นใจ นอนหลับใหลเริงรื่นชื่นอุรา

เพลงร้องเล่นของเด็กเล็กเล็กนั้น เสียงสัมผัสคล้องจองกันแสนหรรษา

ปฏิภาณของคนไทยสุดพรรณนา เราควรรู้ทั่วกันว่ามีของดี

วรรณคดีของไทยยิ่งใหญ่นัก ควรรู้จักวิเคราะห์อย่างถ้วนถี่

ทั้งโคลง กลอน กาพย์ ฉันท์บรรดามี ท่วงทำนองที่มีเร้าอารมณ์

เพลงฉ่อย เพลงเรือ เพลงเกี่ยวข้าว หนุ่มเกี้ยวสาวเป็นทำนองที่เหมาะสม

ต่างฝ่ายใช้ถ้อยคำคารมคม น่าชื่นชมไหวพริบของคนไทย

ท่วงทำนองเหล่านี้ควรสืบสาน แก่ลูกหลานเยาวชนทุกสมัย

รู้คุณค่าท่วงทำนองพิลาศพิไล ฝึกฝนสืบทอดไว้ให้ยืนนาน

บทประพันธ์ ศาสตราจารย์สุจริต เพียรชอบ

ศักดิ์สิทธิ์แห่งภาษา เป็นปัญญาอันเยี่ยมยล

ปรุงคนให้เป็นคน ให้เข้าใจต่อใจกัน

เป็นอารยธรรม อันสั่งสมและสร้างสรรค์

เป็นภูมิปัญญาบรรพ บุรุษดำรงทรง

ภาษาจักพาสาร มาจดจารประจงลง

จักรวาลพึงพิศวง ด้วยอำนาจแห่งภาษา

เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์

(ท่านอาจารย์เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ได้ฝากไว้ว่า คนที่จะผลักดันทำให้ทิศทางของภาษาไทยเคลื่อนไป มีอยู่ ๔ กลุ่ม คือ (๑) เด็ก วัยรุ่น นักเรียน เยาวชน (๒) เพลง ซึ่งปัจจุบัน นับเป็นครูคนที่สองแล้ว (๓) สื่อมวลชน และ (๔) ครู อาจารย์ภาษาไทย สถาบันการศึกษา)

ภาษาไทยเป็นศักดิ์ศรีของชาติ

นับเป็นความภาคภูมิใจของคนไทยทุกคน

ที่เรามีภาษาพูดและภาษาเขียนที่เป็นของเรา

เป็นเอกลักษณ์ประจำอยู่คู่ชาติไทย

ภาษาไทย…เป็นศักดิ์ศรีของชาติ

ประกาศความเป็นไทยอันใหญ่ยิ่ง

ไทยจะเป็นไทยได้แท้จริง

ไทยชายหญิงต้องรู้ค่า “ภาษาไทย”

ภาษาไทยใช้แสดงความเป็นชาติ

อย่าประมาทลืมตัวมัวหลงใหล

ภาษาไทยยืนนานสืบกาลไกล

ชาติเราจึงยิ่งใหญ่ถึงปัจจุบัน

ตราบที่ภาษาไทยไม่สูญหาย

ชาติไทยไม่ตายอยู่คงมั่น

เตือนตนเตือนใจไว้ทุกวัน

ร่วมมือกันสืบคุณค่า “ภาษาไทย”

บทประพันธ์ คุณหญิงกุลทรัพย์ เกษแม่นกิจ

เขียนใน GotoKnow โดย ศน.อ้วน
ใน บ้านภาษาไทย

คำสำคัญ (Tags): #ภาษาไทย#วันภาษาไทยแห่งชาติ#๒๙ กรกฎาคม

หมายเลขบันทึก: 281409เขียนเมื่อ 30 กรกฎาคม 2009 00:03 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 21:10 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่าน