กว่าจะมาถึงซึ่งวันนี้..ตอบคำถาม World Café


             วันนี้มีเวลาว่างเลยมานั่งตอบคำถาม World Café   ไม่รู้ว่าจะเชยไปหรือเปล่านะเนี่ย   

คำถามที่ 1 :  จากประสบการณ์ตรงของแต่ละคน มีความรู้อะไรที่เป็นแรงบัลดาลใจ ที่ทำให้ท่านได้ทุ่มเท กำลังกาย กำลังใจ อย่างเต็มที่ที่สุด เพื่อให้ได้มาซึ่งความรู้นั้นๆ เพราะอะไร มีความหมายอย่างไร และลงท้ายได้ทำอะไรไปบ้างในการที่จะได้ความรู้มา ?

        เนื่องจากเป็นครูสอนด้านเศรษฐศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏ   แล้วนักศึกษาส่วนใหญ่บอกว่าไม่ชอบวิชานี้เลย  บรรดาครูเศรษฐศาสตร์แต่ละแห่งก็ล้วนแต่บ่นกันว่า "ใครๆก็ไม่รัก"  จะจ้างใครทำ powerpoint ก็ยากเย็นเนื่องจากมีกราฟเยอะ  จ้างคนที่เก่งคอมพิวเตอร์เขาก็ไม่รู้ทฤษฎีเศรษฐศาสตร์ทำให้ทำกราฟมาผิดๆ   จะหา download  powerpoint เหมือนวิชาอื่นๆ ก็ไม่มี  จึงทำให้เกิดความมุมานะขึ้นมา 

         ไปสมัครเรียนออนไลน์กับมหาวิทยาลัยไซเบอร์ควักเงินส่วนตัวเรียน  แล้ววันหนึ่งก็มีเพื่อนๆในนั้นแนะนำ gotoknow ให้   สมัยก่อนก็ใช้วิธีสอบถามจากเพื่อนๆในนี้ว่าทำอย่างไร  เพราะ low  tech มากๆ  จากนั้นก็หัดทำกราฟใส่ powerpoint เอง  นำไปลองสอนดูว่านักศึกษาเข้าใจหรือไม่  ปรับปรุงเรื่อยๆจนแตกหน่อไปได้หลายบล็อกใน เว็บไซต์learners  รวม 5 บล็อก แล้วแจก powerpoint วิชาเศรษฐศาสตร์ฟรี ไม่ต้องเสียเวลานั่งทำ  จากนั้นก็แลกเปลี่ยนเรียนรู้กับเพื่อนๆเพื่อนำไปปรับปรุงงานต่างๆ

 http://learners.in.th/blog/economics

 http://learners.in.th/blog/banking

 http://learners.in.th/blog/environment1

 http://learners.in.th/blog/intereconomics

 http://learners.in.th/blog/sufficiency-economy

                สรุปว่าทั้งหมดที่ทำไปก็เพราะต้องการให้ทุกคนรักเศรษฐศาสตร์และมองเศรษฐศาสตร์เป็นเรื่องง่ายสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้  ใครก็ตามที่เข้ามาอ่านบันทึกของเรา  เขาไม่ต้องไปเริ่มนับหนึ่งเหมือนเรา  ครูเศรษฐศาสตร์ก็สามารถมาโหลดแล้วนำไปปรับให้เหมาะกับตัวเองได้  ไม่ว่ากันเลยทั้งหมดนี้คือประโยชน์ของการแลกเปลี่ยนเรียนรู้จริงๆ

         

คำถามที่ 2 : จากประสบการณ์ตรงของแต่ละคน คิดว่าในองค์กรของตนเองเพื่อให้บรรลุวิสัยทัศน์และพันธกิจ ควรจะมีจะมีเครื่องมือ หรือวิธีแสวงหา รวบรวมองค์ความรู้ การบริหารจัดการความรู้ ให้พรรณาทั้งที่ควรจะมี(ถ้ายังไม่มี) อยากจะมี ใฝ่ฝันว่าถ้ามีแล้วจะสุดยอด หรือที่มีแล้วจะให้มีการใช้อย่างไร ?

         ก่อนหน้านี้ได้ทำการอบรม KM และการใช้งาน gotoknow ให้กับบุคลากรในมหาวิทยาลัยและอาจารย์ในคณะวิทยาการจัดการ     แต่พอเปลี่ยนแปลงผู้บริหารระดับสูง  ความสนใจเรื่องการขับเคลื่อน KM ก็หายไป 

         ต่อมาได้มาเป็นรองผู้อำนวยการฝ่ายบริการวิชาการของสถาบันวิจัยและพัฒนา  มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม  ซึ่งถือว่าเป็นองค์กรที่เป็นหัวใจของมหาวิทยาลัยก็ว่าได้    เพราะเน้นการบริการวิชาการและวิจัยให้ทุกหน่วยงานทั้งภายในและภายนอก  ทางสถาบันฯจะมีการประชุมทั้งผู้บริหารและเจ้าหน้าที่เดือนละหนึ่งครั้งเพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้กัน (เรียกว่า KM  meeting)  ทุกคนสามารถเปิดใจพูดคุยกันได้ทุกเรื่อง  ทำให้ทราบถึงปัญหาและอุปสรรคในการทำงาน  ทุกคนได้มีส่วนร่วมคิดและพัฒนาองค์กรไปด้วยกัน

         ทางองค์กรได้วางแผนตั้งศูนย์บริการวิชาการ   คลีนิควิจัย  พัฒนาเว็บไซต์ทำฐานข้อมูลเพื่อการค้นคว้า        แต่ในระหว่างนี้ทางผู้เขียนก็แนะนำให้ฝ่ายประชาสัมพันธ์ของสถาบันฯสมัครใช้งาน g2k    เพื่อประชาสัมพันธ์งานของสถาบัน     ตลอดจนได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้กับหน่วยงานภายนอก  และจัดเก็บองค์ความรู้ของตนเองและของเพื่อนๆในองค์กรที่ไม่สะดวกในการเข้ามาใช้งาน

          คำถามที่ 3 : จากที่ได้สนทนามาทั้งหมด คิดว่าถ้ากลับไปบ้าน ไปทำงาน จะทำอะไรเป็นสิ่งแรก ในอาทิตย์นี้หรือสองอาทิตย์นี้ เพื่อให้องค์กร หน่วยงานของตน เกิดวัฒนธรรมการเรียนรู้ หรือการใช้เครื่องมือ หรือมีการบริหารความรู้ที่ดี อย่างที่เราฝันไว้ในรอบสอง

          ฝันต่อเนื่องจากข้อสองจะจัดตั้ง ชมรมนักวิจัยรุ่นเยาว์  โดยจะให้นักศึกษารุ่นพี่เศรษฐศาสตร์(ที่จบไปแล้ว)ที่เชี่ยวชาญด้านการประเมินโครงการ  การทำวิจัยซึ่งมาช่วยงานผู้เขียน  ขณะนี้ผู้เขียนรับงานประเมินต่างๆจากหน่วยงานภายนอก  ก็ได้มอบหมายให้เด็กเหล่านี้ได้ทำและนำเสนองานต่อระดับท่านรองผู้ว่าฯ  โดยผู้เขียนก็รู้ว่าเสี่ยงพอสมควร   แต่ก็อยากฝึกพวกเขาแล้วให้พวกเขามาถ่ายทอดความรู้ให้กับน้องๆ    โดยฝันไว้ว่าจะมีการถ่ายทอดกันไปแบบพี่สอนน้อง 

          นอกจากนี้สามารถมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ที่  คลีนิควิจัย   ซึ่งที่นี่จะเชิญนักวิจัยอาวุโสที่เกษียณไปแล้วหรือนักวิจัยที่มากประสบการณ์มาร่วมแลกเปลี่ยนกับอาจารย์ในมหาวิทยาลัยและนักศึกษา  สำหรับนักศึกษาที่ผ่านการเทรนด์จากเราไป   ทางผู้เขียนก็จะป้อนงานประเมินต่างๆของหน่วยงานในท้องถิ่นเช่น  อบต.  เทศบาล   พัฒนาสังคม  ตลอดจนป้อนงานให้กับนักวิจัยที่ต้องการผู้ช่วยทำวิจัย 

           เมื่อนักศึกษาจบไปแล้วเขาสามารถเขียนใส่ใน resume เป็นประสบการณ์ในการทำงานได้ด้วย  เพราะสำหรับผู้เขียนแล้วเมื่อเราเป็นครูไม่ใช่เป็นเฉพาะในห้องเรียน  แต่เราเป็นครูตลอดเวลา  ตลอดชีวิต ไม่เลือกว่าจะต้องเป็นเฉพาะในมหาวิทยาลัยของตนเอง  การให้ความรู้  ให้ประสบการณ์กับพวกเขา จะเป็นสมบัติติดตัวพวกเขาไปให้สามารถอยู่รอดในสังคมได้   ขอเป็นจุดเล็กๆที่มีโอกาสช่วยเหลือสังคมบ้างก็ภูมิใจแล้ว

            ทั้งหมดนี้ไม่ทราบว่าเขียนมากไปหรือเปล่า  แต่คิดว่าทุกครั้งที่ตั้งเป้าหมายไว้ก็จะทำได้ค่ะ   คิดไว้เสมอว่า..ฝันนั้นจะเป็นจริงเสมอค่ะ  มาร่วมกิจกรรมช้าไปหน่อยค่ะ  แต่คิดว่าอยู่gotoknow มาก็หลายปีไม่ร่วมตอบได้ยังไงกัน

หมายเลขบันทึก: 280101เขียนเมื่อ 25 กรกฎาคม 2009 17:11 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 08:12 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (9)

พี่แก้วมาให้กำลังใจ ทุกอย่างทำได้เสมอ ถ้าเราอยากทำค่ะ

ขอบคุณมากค่ะพี่แก้วสำหรับกำลังใจ หว้าเป็นประเภทอยากทำอะไรที่มันยากๆเสมอค่ะและพอทำได้เราก็มานั่งภาคภูมิใจ

ดีมากๆ เลยค่ะ

ขอเป็นกำลังใจในการทำความดีเพื่อสังคมอีกแรงนะคะ ^^

ขอบคุณค่ะคุณ dr ammy... เราเป็นเพียงจุดเล็กๆค่ะ แต่ถ้าเราช่วยกันก็จะเป็นพลังที่มหาศาลทีเดียวนะคะ แบบว่ายังมีแรงอยู่ค่ะ คนไม่มีครอบครัวก็อย่างนี้แหล่ะค่ะ ว่างมาก อิอิ...

สวัสดีค่ะอาจารย์ลูกหว้า

แวะมาเป็นกำลังใจให้อาจารย์ค่ะ

อาร์มเชื่อว่าถ้าหากเราลงมือทำตามความฝันที่ฝันไว้

ฝันนั้นจะเป็นจริงเสมอดังที่อาจารย์ว่าไว้ค่ะ

^_^

มาแสดงความยินดีที่ได้รับรางวัล ขอให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้นค่ะ

อาจารย์ ต้องทำได้อย่างที่ตั้งใจไว้แน่นอน พี่รับรอง รู้จักอาจารย์ที่ดกทูโน มาตั้งแต่แรกเลยนะคะ

ขอบคุณมากค่ะพี่นงนาทและพี่ศศินันท์(พี่สาวในดวงใจ)

มีกำลังใจอีกเยอะเลยค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท