อย่ายึดโดเมนเนม (domain name) ไว้ค้ากำไร


UsableLabs ทำระบบ Portal.in.th ด้วยเจตนาที่จะทำให้ "น้ำประปาดื่มได้" เพราะในอุตสาหกรรมรับทำเว็บไซต์ในประเทศไทยปัจจุบันนี้ถ้าเปรียบเสมือนน้ำประปาแล้ว ก็เปรียบเสมือนระบบน้ำที่อย่าว่าแต่ดื่ม แค่ล้างมือยังต้องคิดหน้าคิดหลัง

ถ้า "น้ำประปา" ซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกคนสามารถเปิดก๊อกที่บ้านสามารถดื่มได้ บริษัทที่ขายน้ำดื่มก็ต้องปรับตัวเรื่องคุณภาพและบริการให้น้ำดื่มนั้นดีกว่าน้ำประปา

นั่นคือความคาดหมายของการเปิดให้บริการ Portal.in.th ครับ

สิ่งที่เราคาดหวังนั้นไม่ใช่จะทำให้บริษัทเอกชนต้องล้มละลาย แต่เราต้องการให้บริษัทเอกชนปรับปรุงบริการของตัวเองให้ดีขึ้น อย่างน้อยสุดก็ต้องดีกว่า Portal.in.th ครับ

หนึ่งในบริการของ Portal.in.th คือบริการ "custom domain" หมายความว่าผู้ใช้สามารถใช้โดเมนเนม (domain name) ของตัวเองได้ในการทำ portal ของตัวเอง อาทิเช่น เว็บไซต์ของสมาคมรังสีรักษาและมะเร็งวิทยาแห่งประเทศไทย ที่ใช้โดเมนเนม http://thastro.org/ เป็นต้น

อย่างไรก็ตามองค์กรหนึ่งที่กำลังจะย้ายมาใช้บริการของ Portal.in.th กำลังประสบปัญหาที่โดเมนเนม "ถูกยึด"

หมายความว่าบริษัทเอกชนไม่ยอมปล่อยให้ชื่อนั้นได้กลับมาเป็นขององค์กรนั้น ตัวแทนของบริษัทนั้นพยายามอ้างโน่นอ้างนี่ว่าชื่อนั้นเป็นขององค์กรแล้ว แต่ในความเป็นจริงแล้ว "ไม่ใช่"

บันทึกนี้จึงขอมาให้ความรู้เกี่ยวกับโดเมนเนมกันครับ

วิธีการดูว่าใครเป็นเจ้าของชื่อนั้นสามารถดูได้จากที่ http://www.internic.net/whois.html ครับ

ลองค้นชื่อ thastro.org ดูนะครับ เราจะพบว่าระบบค้นหาของ InterNIC นะให้ผลลัพธ์มายาวเชียว แต่ที่จริงอ่านไม่ยากครับ

ชื่อสำคัญมีสามชุดครับ ได้แก่ Registrant, Admin, และ Tech

Registrant คือ "เจ้าของชื่อตามกฎหมาย" ส่วน Admin คือ "ชื่อผู้ดูแลจัดการโดเมนเนมนี้" ในขณะที่ Tech เป็น "ชื่อผู้ให้บริการทางเทคนิค"

อย่างสมาคมรังสีฯ นี่เราจะเห็นว่า Registrant เป็นของบุคคลภายในสมาคมแน่นอน ดูแล้ววางใจได้ว่าไม่มีปัญหาเรื่อง "ชื่อถูกยึด" ในอนาคต สำหรับโดเมนเนมขององค์กรนี้เป็นตัวอย่างที่ดีครับ

แต่องค์กรอื่นๆ ที่เราช่วยดูให้นั้นปรากฎว่าทั้ง Registrant, Admin, และ Tech เป็นของบริษัทนั้นหมดเลย

แถมเราติดต่อขอให้เปลี่ยนเป็นขององค์กรที่เป็นเจ้าของกลับไม่ยอมอีก พยายามให้เหตุผลข้างๆ คูๆ ว่า "ชี้ให้แล้ว" (หมายถึงทำให้โดเมนเนมนั้นชี้มายัง IP address ใหม่) ซึ่งไม่ได้มีความหมายในความเป็นเจ้าของ บริษัทนั้นยัง "ยึด" ความเป็นเจ้าของเหมือนเดิม

นี่คือหนึ่งในรูปแบบการทำธุรกิจที่ไม่ โปร่งใสของบริษัทเอกชนโดยอาศัยความไม่รู้ของผู้ซื้อบริการเป็นเครื่องมือในการหารายได้ เป็นหนึ่งในตัวอย่างของ Digital Divide ในโลกที่เต็มไปด้วยปัญหา Knowledge Divide

ปกติค่าต่ออายุโดเมนเนมราคาไม่เกินสามสี่ร้อยบาทต่อปี แต่บริษัทที่ "ยึด" โดเมนเนมนี้กลับคิดค่าบริการหลายพันบาทต่อปี

ค้ากำไรเกินควรโดยอาศัยความไม่รู้ของลูกค้า

แม้ลูกค้าจะรู้แล้ว บริษัทก็ยังจะดื้อรั้น ไม่ได้มีความละอายใจ

บริษัทธุรกิจเช่นนี้ไม่น่านับถืออย่างยิ่ง!!

ผมจึงขอเชิญชวนพี่น้องคนทำงานด้านเทคโนโลยีที่มีความรู้ช่วยกันสอดส่องดูแลโดเมนเนมขององค์กรต่างๆ ที่ไม่ได้มีคนทำงานด้านเทคโนโลยีให้ไม่ต้องตกเป็นเหยื่อขององค์กรธุรกิจที่มีรูปแบบการทำธุรกิจที่ฉวยโอกาสจากความไม่รู้ครับ

ผมเชื่อว่าบริษัทเหล่านี้อาศัยว่าหน่วยงานที่ไม่หวังผลกำไรต่างๆ ที่บริษัทมาหาผลประโยชน์อยู่นั้น เล็กเกินกว่าที่จะว่าจ้างทนายความฟ้องร้อง

หากคิดอย่างนี้ก็ยิ่งเป็นตัวสะท้อนถึงความมืดดำของจิตใจของเจ้าของบริษัทเหล่านี้

กฎหมายอาจจะยังไปไม่ถึงในวันนี้ แต่ "บาป" ไปถึงแล้วแน่นอนครับ

โดเมนเนมคือ "ป้ายชื่อ" ขององค์กรบนโลกออนไลน์ ถ้าถูกบริษัทใด "ยึด" ไปไม่ยอมคืนก็เปรียบเสมือนองค์กรนั้นถูกยึด "ป้าย" ไป แล้วป้ายออนไลน์นี้นับวันก็จะยิ่งสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ การยึด "ป้ายชื่อ" ของลูกค้าไว้คือเครื่องมือค้ำประกันว่าลูกค้าหนีไปไหนไม่ได้นั่นเอง ไม่ใช่รูปแบบการดำเนินธุรกิจที่ควรทำเลย

ช่วยกันบอกต่อและช่วยกันสังเกตคนละไม้คนละมือ เราต้องไม่ยอมให้บริษัทเอกชนมาใช้ลูกเล่นนี้ยึดโดเมนเนมของหน่วยงานที่ไม่หวังผลกำไรในประเทศไทยเป็นอันขาดครับ

คำสำคัญ (Tags): #dns#domain name#โดเมนเนม
หมายเลขบันทึก: 279302เขียนเมื่อ 23 กรกฎาคม 2009 10:36 น. ()แก้ไขเมื่อ 10 มีนาคม 2012 08:02 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (12)

เคยมีประสบการณ์ เรื่องโดเมนเนมค่ะ แต่เป็นประสบการณ์ที่ไม่ถูกเอาเปรียบ เพราะค่าต่ออายุโดเมนเนมราคาไม่เกิน 500.00 บาทต่อปี จริงๆแล้วไม่ถึง 500.00 แต่ที่เหลือ เป็นค่าจัดการของเขาค่ะ

แต่ส่วนใหญ่ เว็บทั่วไปอาจจะคิดค่าต่ออายุประมาณ 2,400.00/ปี   ตอนนี้ ไม่เสียอะไรเลยสักบาท เพราะใช้ของฟรีจากGoogleค่ะ ใช้มาได้ 2 ปีแล้ว
บริษัทเอกชน  เขายึดโดเมนเนมของลูกค้ามาตลอด แต่ถ้าจะใช้กับหน่วยงานที่ไม่ หวังผลกำไร ก็ไม่สมควรเลยนะคะ

สวัสดี ครับ อาจารย์

ตามคุณ sasinand มาอ่านด้วยคน ครับ

ขอบพระคุณ กับ บทบันทึก ดี ดี ที่ ทำให้เห็นว่า การแสวงหา กำไร คิด และทำได้ หลาย รูปแบบ....แต่เป็นการแสวงหา  ที่ขาดจิตสำนึกอย่างแท้จริง...ขอร่วมต่อต้าน ด้วย ครับ

 

 

เอกชนดีๆ มีจริยธรรมก็ยังมีอยู่นะคะ ^ ^ ที่บริษัทใช้นโยบายจดให้ลูกค้าเพื่ออำนวยความสะดวก แต่จะขอชื่อกับรายละเอียดที่ต้องการให้ใส่ในส่วน Registrant กับ Admin ส่วน Tech มักจะเป็นข้อมูลของทางบริษัทเราเอง เพราะดูแลเรื่อง technique ให้ ส่วนค่าบริการก็ตามจริงเท่าที่ต้องจ่าย แต่จะมีส่วน service charge แยกต่างหาก คือให้รู้ว่าเป็นค่าบริการ มักจะเสนอให้ลูกค้าจด 5 ปีไปเลย บางรายก็จด 10 ปี คือไม่ต้องมายุ่งยากต่อกันทุกปี มันเป็นเงินเล็กน้อยมากทีเดียว แล้วก็จะได้ไม่ต้องเสียค่า service หลายๆ รอบด้วย อย่างมูลนิธิที่ทำให้ก็จดไปสิบปีรวด แต่รายจ่ายทั้งหมดหาให้จากสปอนเซอร์ มูลนิธิไม่ต้องจ่ายสักบาทเดียว

ระบบการดูแลส่วนมากก็จะทำ backend ให้ทางลูกค้าจัดการข้อมูลได้เอง ถ้าจะมีการเพิ่มเติมหรือปรับปรุงขนานใหญ่ก็จะคิดกันเป็นรายครั้ง/ปี ถ้าไม่เปลี่ยนก็ไม่มีส่วนนี้ เรื่องพื้นที่ก็ให้เช่าตามขนาดที่จำเป็นต้องใช้ ใช้น้อยก็ไม่ต้องเสียแบบ pack ใหญ่ ดูกันตามจริงมากกว่า รายไหนใช้มากก็จะแจ้งไปว่าแนวโน้มมันเพิ่มขึ้นต้องขยายไซส์แล้ว ซึ่งหมายถึงต้องเสียค่าเช่าเพิ่ม ส่วนใหญ่ในตลาดจะคิดเหมาให้ลูกค้า ซึ่งเขาไม่รู้หรอกว่าต้องใช้แค่ไหน ....ทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับจริยธรรมในการทำธุรกิจค่ะ : ) A Light in the Dark อย่าพึ่งสิ้นหวังกับเอกชนนะค้า

ชื่นชมบันทึกนี้ที่ช่วยให้เราได้เปิดหูเปิดตากับเรื่องที่อาจจะไม่เคยรู้ ไม่เคยคิดมาก่อนค่ะ เลยได้ยิ้มๆกับความเห็นจากบริษัทเอกชนดีๆอย่างของน้องซาน Little Jazz ด้วยค่ะ คนทำธุรกิจด้านนี้แล้วชี้แจงได้โปร่งใสแบบนี้น่ายกให้เป็นตัวอย่างดีๆนะคะ จะได้ช่วยกันไล่น้ำเสียในวงการออกไป

คิดถึงบันทึก เพียง "คำโปรย" หลังปกหนังสือ "โลกพลิกโฉม : ความมั่งคั่งในนิยามใหม่"

โลก "หลังสังคมฐานความรู้" จะเป็นโลกที่สัมพันธภาพของผู้คนได้แผ่ขยายออกไปจาก "Many2Many" สู่ "Mind2Mind"

โลก "หลังสังคมฐานความรู้" จึงเป็นโลกที่เน้นในเรื่อง "กัลยาณมิตร" มิใช่เพียงแค่ "พันธมิตร"

เป็นโลกที่ปรับเปลี่ยนรูปแบบปฏิสัมพันธ์ของผู้คนจาก "ต่างคนต่างปิด" ไปสู่ "ต่างคนต่างเปิด"

เป็นโลกที่ก้าวเลยความคิดของ "การแข่งขัน" ไปสู่ "การร่วมสร้างสรรค์"

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง "การร่วมรังสรรค์ทางสังคม" ไม่ใช่ "การร่วมรังสรรค์ในเชิงพาณิชย์" เพียงอย่างเดียว

เป็นโลกที่ภูมิปัญญาได้พัฒนาก้าวล่วงปริมณฑลของ "ทรัพย์สินทางปัญญา" สู่ "ภูมิปัญญามหาชน"

โลก "หลังสังคมฐานความรู้" เป็นโลกที่เปลี่ยนวิถีชีวิตมนุษย์ จาก "การพึ่งพิง" ไปสู่สองโลกที่เสริมกันระหว่าง "ความเป็นอิสระ" และ "การพึ่งพาอาศัยกัน"

 

ผู้คนกำลังช่วยกันแก้ไขปรับปรุงข้อบกพร่องของระบบทุนนิยมในอดีต เพื่อนำพาไปสู่ระบบทุนนิยมที่ยั่งยืน เพื่อให้แต่ละสังคมนั้นสามารถรับมือและใช้ประโยชน์จากกระแสโลกาภิวัฒน์ได้อย่างเต็มที่ พร้อม ๆ กับกำลังเปลี่ยนผ่านตัวเองจาก "สังคมฐานความรู้" ไปสู่.. โลก "หลังสังคมฐานความรู้"

โลกเปลี่ยนไป ... แต่ใจคนไม่ได้พัฒนา

ธรรมสวัสดีโยมอาจารย์ธวัชชัย

หากินบนความไม่รู้เท่าทันของผู้อื่นนี่

เป็นบาปหนักซับซ้อนเพราะแทนที่จะได้ช่วย

กลับซ้ำเติม..แต่ก็อย่างว่าระบบคิดแบบทุนนิยมเสรี

เนี่ยส่วนใหญ่ไม่ค่อยสนใจในเรื่องบาปบุญคุณโทษใดๆ

คำนึงเพียงผลกำไรและความยิ่งใหญ่ขององค์กร

ธรรมรักษา

องค์กรธุรกิจโดยส่วนใหญ่ทำธุรกิจด้วยธรรมาภิบาลที่ดี แต่ในขณะเดียวกันก็มีอีกไม่น้อยที่มุ่งผลกำไรเพียงอย่างเดียวโดยอาศัยความไม่รู้ของลูกค้าเป็นเครื่องมือ เรื่องเหล่านี้คือเรื่องที่ต้องต่อสู้กันต่อไปครับ ขอบคุณทุกท่านสำหรับความคิดเห็นครับ

แล้วแบบนี้ละ ขอความเห็นด้วยครับ ว่าต้องทำอย่างไรต่อไป

Domain Name: KOHCHANGHOSPITAL.COM
   Registrar: ONLINENIC, INC.
   Whois Server: whois.onlinenic.com
   Referral URL: http://www.OnlineNIC.com
   Name Server: NS1.DNS-DIY.NET
   Name Server: NS2.DNS-DIY.NET
   Status: ok
   Updated Date: 06-mar-2009
   Creation Date: 16-nov-2008
   Expiration Date: 16-nov-2010

ถ้าอย่างนี้แสดงว่าเจ้าของชื่อโดเมนนี้ (Registrar) คือ ONLINENIC, INC ครับ

สำหรับโรงพยาบาลนั้นผมแนะนำว่าให้จดทะเบียนโดเมนใน .th ดีกว่าครับ เพราะไม่ใช่เป็น .com (company) ครับ ทาง UsableLabs ยินดีช่วยเหลือให้คำแนะนำครับ ติดต่อได้ที่ support at portal.in.th หรือโทรมาที่ 0-7428-7971 เก๋ (ดุษณี) จะเป็นแม่งานที่ช่วยเหลือในเรื่องนี้ครับ

ขอบคุณสำหรับความรู้ใหม่ สำหรับผมครับ

ขอบคุณครับ ดีมากๆเลย ดูเหมือนของเราจะมีปัญหาเหมือนกันนะ

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท