ในชีวิตคนเรามีผู้คนมากมายรายล้อมตัวเราอยู่นะครับ ทั้งครอบครัว เพื่อนฝูง เพื่อนร่วมงาน และผู้คนเหล่านี้ก็ล้วนเป็นผู้ที่หวังดีและปรารถนาดีต่อเรานะครับ แต่ก็มีหลายครั้งและหลายคนที่มองไม่เห็นความหวังดีและปราถนาดีเหล่านี้นะครับ...
ผู้คนเหล่านี้กลายเป็น "มือที่มองไม่เห็น" เป็นความหวังดีที่ถูกมองข้าม เป็นความปรารถนาดีที่ถูกละเลย ด้วย "ดวงตา" ที่ปิดกั้นของตัวเราเองนะครับ ที่ทำให้เรามองไม่เห็นหลาย ๆ มือที่หวังดีและพร้อมที่จะช่วยเหลือและพร้อมเสมอที่จะอยู่เคียงข้างเรา...
จากคำพูดที่เรามักจะได้ยินกันเสมอ ๆ นะครับว่า ดวงตาที่มืดบอดย่อมปิดกั้นแสงสว่างแห่งธรรม และในสภาวการณ์ที่เราตกอยู่ในหลุมพรางของตัวเราเอง ซึ่งเป็นหลุมพรางแห่งความมืดบอดภายในใจของเรา มือที่มองไม่เห็นเหล่านี้ก็พยายามที่จะช่วยฉุดเราขึ้นมาจากหลุมพรางแห่งนี้...
ผมมองว่ามือเหล่านั้นไม่ใช่มือที่มองไม่เห็นหรอกครับ แต่ดวงตาของเราเองต่างหากหล่ะครับที่เป็น "ตาที่มองไม่เห็น" จริง ๆ แล้วมือเหล่านั้นเป็นมือที่มองเห็นได้ไม่ยากเลยนะครับถ้าดวงตาของเราเปิดออก เปิดตาเปิดใจของเรากันนะครับเพื่อเราจะได้มองเห็นมือที่หวังดีเหล่านี้กันครับ...
มือที่มองไม่เห็น คำนี้คุ้นๆนะครับ พบเห็นได้จากข่าวทั่วไป ฟังแล้วร้อน
แต่เรื่องราวของ ตา (มือ) ที่มองไม่เห็นจากบันทึกนี้ ช่วยให้เย็นทั้งภายนอกและภายในดีครับ
ถอดแว่นตาดำของเราออกซะ ก็จะเห็นคนรอบข้างชัดขึ้น :)
คุณดิเรกสบายดีนะครับ
สวัสดีค่ะ
เป็นการมองข้ามด้วย รึป่าวคะ
มาแต่ละครั้งปล่อยหมัดฮุกทุกที...มือที่มองไม่เห็น บางครั้งมันมีค่ามากกว่าที่มือที่ตามองเห็นแบบมีวาระซ่อนเร้นนะครับ
ดูแลสุขภาพด้วยครับ
"เพียงแค่เปิดใจ.."
บันทึกสั้นๆ..แต่เข้าใจง่ายและลึกซึ้งดีนะคะ..
แวะมาทักทายค่ะ..สบายดีนะคะ..คุณดิเรก ^^
สวัสดีค่ะ
ครับ...คุณกบ
ผมสบายดีครับ...
ถอดแว่นและวัตถุใด ๆ ที่บดบังตัวตาของเราออก เราจะได้เห็นแสงสว่างได้ดีขึ้นนะครับ...
ขอบคุณมากครับ...
+ อืม...จะเริ่มยังไงดี...
+ คิด ๆ พี่อ๋อยว่า...ถ้าเราเปิดใจ...ตาเราก็จะมองเห็นมือเหล่านี้ค่ะ...
+ แต่การเปิดใจ...ต้องผ่านการฝึกฝนและมีใจที่เข้มแข็ง..แยกแยะ ชัดเจน กับใจที่เปิดค่ะ...
+ อิ อิ...ไม่ได้คิดโต้ตอบมานาน...สมองตื้อ ๆ ยังไงไม่รู้...รู้สึกว่าไม่ได้ดั่งรู้สึก..
+ ราตรีสวัสดิ์ค่ะ
ครับ...ป้าแดง
การมองข้าม มองผ่านเลยไป ก็ทำให้เราไม่เห็นมือที่หวังดีเหล่านั้นนะครับ...
ขอบคุณครับผม...
ครับ...เด๊ะ
มองมือเหล่านั้นให้เห็นอย่างที่มันเป็นนะครับ...
ไม่ว่ามันจะมีวาระซ่อนเร้นอย่างไร...
ขอบคุณครับผม...
ครับ...คุณครูแป๋ม
ระลึกถึงเช่นกันครับ...
เรื่องบางเรื่องเขาก็ต้องประสบกับตัวเขาเองนะครับ...
เป็นการเรียนรู้จากประสบการณ์ตรง...
เราคงได้แค่ยืนมองอยู่ห่าง ๆ นะครับ...
ขอบคุณมากครับผม...
ครับ...คุณครูแอ๊ว
สบายดีครับผม...
หวังว่าคุณครูแอ๊วคงสบายดีเช่นกันนะครับ...
แค่เปิดตา เปิดใจ สิ่งดี ๆ ยังรอให้เราได้พบได้เจออีกเยอะเลยนะครับ...
ขอบคุณมากครับ...
ครับ...พี่คิม
ผมก็พยายามเรียนรู้และฝึกฝนอยู่ตลอดเวลาครับ...
ทั้ง "ตา" ทั้ง "ใจ" เราจะได้เปิดเพื่อได้สัมผัสสิ่งดี ๆ นะครับ...
ขอบคุณมากครับผม...
ครับ... แอมแปร์~natadee
ตาและใจที่จะเปิดได้ต้องผ่านการฝึกฝนมาก่อนนะครับ...
และก็คงต้องฝึกฝนกันต่อไปอย่างต่อเนื่องนะครับ...
ขอบคุณมากครับผม...
สวัสดี ครับ คุณ direct
ความงามของดอกไม้....มองกันคนละมุม ก็สวยชื่นใจกันไปคนละแบบ
ชีวิตผม ผ่านมา....ได้เห็นความหวังดี มากมายหลายแบบ เลยครับ คุณ direct
การปลูกฝัง....สิ่ง ดี ดี ให้ปรากฏในใจ จึงเป็นเรื่องที่ควรปลูกฝังอย่างยิ่ง...
ดอกไม้ งาม ๆ บางดอก ตั้งอยู่ตรงหน้ากลับมองไม่เห็น...นั้นเป็นเพราะ ใจปิดกั้น... ความหวังดี บางครั้ง จึงไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ ถ้าตั้งไว้ ผิดที่ผิดเวลา....
.. เลือดขึ้นหน้า สมองพาจน...คนจึงอยู่ต่างกัน...
..แต่ถ้าเราไม่ละความพยายาม...ผมเชื่อมั่นว่า...
แม้นเลือดขึ้นหน้า คงมีสักช่วงหนึ่งของชีวิตคน ที่ คิดได้...จากสิ่งที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ตนเอง และย้อนคิดถึง สิ่งที่ละเลยไป จากการไม่ใส่ใจ หรือมองข้าม ....แล้วในที่สุด กาลเวลา ก็จะเป็นผู้ชี้แนะ...
เมื่อนั้น...ดอกไม้กลางใจคน...ก็จะปรากฏ
ครับ...คุณแสงแห่งความดี
หากเรามองเห็นความหวังดีเหล่านั้น มันย่อมเกิดสิ่งดี ๆ ขึ้นกับตัวเรานะครับ เหมือนดอกไม้บานในใจเราครับ...
แต่หากเรามองไม่เห็น ถือเป็นความสูญเสียอย่างหนึ่งนะครับ เราอาจพลาดที่จะได้รับสิ่งดี ๆ บางอย่างในชีวิตไป...
ขอบคุณมากครับ...