หายไปหลายวัน ไปไกลบ้านถึงอุบลราชธานี และ มุกดาหารโน่นเลยค่ะ
มีญาติธรรมมาชวนไปเข้าค่ายสุขภาพของหมอเขียว 7 วัน (24-30 มิถุนายน2525) พี่แป๊ว-วัชรีเธอถามว่าสนใจจะไปเรียนรู้การใช้สมุนไพรดูแลสุขภาพกันไหม ตกลงทันทีค่ะ มาทราบภายหลังว่าเป็นการดูแลสุขภาพแนวเศรษฐกิจพอเพียง ตามหลักการแพทย์วิถีพุทธ ทำให้ยิ่งสนใจใหญ่ว่าเขาทำอย่างไร
เป็นคนเชย ไม่เคยได้ยินชื่อหมอเขียวมาก่อนหรอกค่ะ คิดว่าเป็นหมอพื้นบ้านแก่ๆอย่างปราชญ์ชาวบ้าน ซึ่งต้องมีภูมิปัญญามากมายให้เราได้เรียนรู้ ที่ไหนได้ หมอเขียว นั้นเป็นคนหนุ่มอายุแค่ 37 ปีและมีการศึกษาแบบสมัยใหม่ทั้งด้านสาธารณสุขศาสตร์ เภสัชพฤกษศาสตร์ การแพทย์แผนไทย และ แพทย์ทางเลือก มีประสบการณ์เชิงลึกในเรื่องการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม และที่น่าทึ่งอีกประการคือเป็นผู้ศึกษาปฏิบัติธรรมอย่างจริงจัง
ชวนไปอ่านประวัติของหมอเขียวกันที่นี่ค่ะ
http://www.koratcom.com/healh.html
ค่ายสุขภาพนี้ก็คือการไปใช้ชีวิตเรียนรู้เทคนิคการดูแลสุขภาพแนวเศรษฐกิจพอเพียงตามหลักการแพทย์วิถีพุทธ จัดโดย งานแพทย์วิถีพุทธ กลุ่มงานเวชกรรมสังคม โรงพยาบาลอำนาจเจริญ ร่วมกับ ศูนย์เรียนรู้สุขภาพพึ่งตนตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง สวนป่านาบุญ อำเภอดอนตาล จังหวัดมุกดาหาร
ค่ายนี้เขาจัดกันเกือบทุกเดือน เดือนละครั้ง ครั้งละ 7 วัน เป็นค่ายใจบุญ ไปเรียนรู้ ไปกิน ไปนอนตลอดเจ็ดวันไม่คิดเงินผู้ไปเข้าค่ายแม้แต่บาทเดียว ใครจะบริจาคเงินช่วยหรือไม่ก็ได้ ไม่มีการบังคับ
หมอเขียวบอกว่าทุกคนที่ทำงานเป็น ชาวบุญนิยม และผู้ที่มาร่วมเรียนรู้ที่มากันได้เพราะธรรมะจัดสรรให้ได้มาพบกัน ทุกคนจึงถือได้ว่าเป็น ชาวบุญนิยม ด้วยกัน และก็น่าแปลกใจจริงๆที่ส่วนใหญ่ของผู้ที่มาเข้าค่ายซึ่งมีทั้งผู้ป่วยมาก ป่วยน้อย และไม่ป่วย ล้วนเป็นผู้มีจิตใจดี เป็นผู้ปฏิบัติธรรมแทบทุกคน เปรียบดังน้ำย่อมไหลไปรวมกับน้ำ
การมาเข้าค่ายกับหมอเขียวและทีมงาน ไม่ใช่การมาหาหมอดีเพื่อรักษาโรค แต่เป็นการไปเรียนรู้เทคนิคการดูแลสุขภาพเพื่อควบคุมป้องกันโรค บำบัด บรรเทาโรคและฟื้นฟูสุขภาพ โดยการเรียนรู้ไม่ใช่แค่ฟังแต่เป็นการลงมือปฏิบัติควบคู่กันไป หมอเขียวย้ำว่าเพื่อให้ทุกคนสามารถเป็นแพทย์รักษาตนเองได้อย่างยั่งยืน ผ่าตัดสุขภาพกายด้วยการใช้อาหารและวิธีการต่างๆสร้างสมดุล และต้องผ่าตัดจิตวิญญาณด้วยธรรมะควบคู่กันไป
พวกเราไปกันจากกรุงเทพ(รวมผู้เขียนจากอยุธยา) 6 คน บินไปลงอุบลราชธานีเพื่อไปหาพี่จุก-นงคราญ ซึ่งอยู่ที่อุบลฯและจะไปเข้าค่ายด้วยกัน โดยขับรถพาพวกเราไปดอนตาล จากตัวเมืองอุบลราชธานีไปที่ สวนป่านาบุญ ตำบลดอนตาล มุกดาหารนั้นใช้เวลาราวสองชั่วโมง ผู้เข้าค่ายสามารถพักค้างแรมฟรีที่ในค่ายได้ มีทั้งศาลาใหญ่นอนรวมและกระท่อมน้อยจำนวนหนึ่ง พวกเราเกรงว่าจะไปแย่งที่พักผู้ป่วยและผู้ที่มีความจำเป็นมากกว่าเรา เราจึงจองที่พักที่แสงตะวันรีสอร์ท อยู่ห่างจากค่ายแค่ 500 เมตร ได้เป็นบ้านพักหลังเล็กๆ พักบ้านละสองคน ร่มรื่น สะอาด สะดวกสบายพอสมควรในราคาย่อมเยามาก
ตอนต่อไปจะเล่าว่าในค่ายสุขภาพนี้เขาทำกิจกรรมอะไรกันบ้าง น่าสนุก เบิกบานใจที่ได้เรียนรู้ค่ะ
จะมาติดตามอ่านต่อค่ะ น่าสนใจมากๆ ขอบคุณค่ะ พี่นุช
เห็นหายไปหลายวัน..คิดถึงจะแย่แล้ว ค่ะ ^^ ที่แท้หลบไปเข้าค่ายสุขภาพของหมอเขียว 7 วัน (24-30 มิถุนายน2525) นี่เอง
จริงๆ แล้วต้อมก็มีความเชื่อว่าคนเราก็สามารถดูแลตัวเองได้นะคะ เราสามารถดูแล บำบัดและฟื้นฟูตัวของเราเองได้ทั้งนั้น อืม..หมอเขียวเจ๋งมากเลยนะคะ
จะรออ่านตอนต่อไปค่ะ.... ((นั่งรอ..กดดัน))
สวัสดีค่ะคุณศิลาโลกทุกวันนี้ทำให้มนุษย์และสิ่งแวดล้อมป่วยไปด้วยกัน แนวทางแบบหมอเขียวนั้นได้ดูแลรักษาทั้งตัวเราและสิ่งร่วมโลกเดียวกันไปพร้อมๆกัน เห็นแล้วศรัทธาในความคิดและการทุ่มเทของเขาและทีมงานอย่างยิ่งค่ะ
จะรีบลงตอนต่อไปให้อ่านค่ะน้องแหวว ทราบอยู่แล้วว่าเรื่องราวแบบนี้น้องแหววต้องชอบใจ
อิ อิ คุณต้อม มาตลุยอ่านทีเดียวหลายเรื่อง แค่นี้ก็กดดันพอแล้วว่าต้องรีบลงสิ่งที่ต้องอ่านต่อเนื่องให้จบสมบูรณ์โดยเร็ว พี่ก็พยายามค่ะ ไม่งั้นจะเป็นอย่างเที่ยวญี่ปุ่น ไม่จบสักที ^___^
พี่ว่าคนทำอาหารทานเองอยู่แล้วจะปฏิบัติตนเรื่องอาหารสุขภาพได้ดี (หากไม่ชวนเพื่อนไปร้านเค้กกันบ่อยๆ) ไปเรียนรู้มาทำให้ระมัดระวังเรื่องการกินตามใจปากไปเยอะค่ะ ร่างกายนี้เราได้ยืมใช้ชั่วคราวเท่านั้นต้องดูแลเขาให้ดีๆ
ขอบคุณที่คิดถึงกันค่ะ ดีจังที่มีคนคิดถึงเนอะ
สวัสดีครับคุณนายนุช วิถีแบบนี้แหละที่พูดและทำเรื่องเศษฐกิจพอเพียงอย่างจริงจัง หลายๆที่มีแต่คำว่าพอเพียงแต่ยังไม่เพียงพอวิถีพุทธ กินอยู่อย่างพุทธ คือการรักษาโรค วิถีอิสลามกินอยู่อย่างอิสลามคือการรักษาและป้องกันโรค แต่ปที่เราเห็นกินๆแบบวิถียักษ์ในหนังตลุง คือกินเพครับ
เย้ๆๆ....ดีใจจัง พี่นุชกลับมาแล้ว ^^
พี่ว่าคนทำอาหารทานเองอยู่แล้วจะปฏิบัติตนเรื่องอาหารสุขภาพได้ดี (หากไม่ชวนเพื่อนไปร้านเค้กกันบ่อยๆ)
แหม..พี่นุชก็ หลังจากเดือนที่ผ่านมานั้นได้ตะลุยทานเค้กอย่างจริงจัง รวมทั้งเพื่อนสาวก็ขยันส่งสารพัดเค้กมาถึงออฟฟิศ ทำให้ต้นเดือนที่ผ่านมานี้บอกเพื่อนสาวว่างดเข้าร้านเค้กนะ แต่เธอขับรถไปจอดหน้าร้านบุฟเฟ่ต์ขนมจีนเฉยเลย แล้วไปตบท้ายที่ไอติมสเวนเซ่น อิอิ ค่ะ..ต้อมยอมรับว่ามันไม่ค่อยดีต่อสุขภาพ แต่ก็อดไม่ได้นี่
สวัสดีค่ะ
หมอเขียวนี่เก่งมากเลยค่ะ อายุยังน้อย...
มีพี่ๆไปเข้าค่ายสุขภาพแล้วนำมาเล่าและสอนการดูแลตนเองให้...
การทำ กัวซา การรับประทานอาหารฤทธิ์ร้อน เย็น...
การทำกัวซา ดีมากๆเลยค่ะ
สวัสดีค่ะคุณ นุชคิดว่าทุกเรื่องไม่ว่าการทำงาน อาหารการกิน หากเรานำเรื่องจิตใจที่มีความนอบน้อม รู้คุณค่า มีความเคารพตนเอง และสรรพสิ่งผนวกเข้าไปกับสิ่งที่ทำก็จะออกมาดีทุกเรื่อง คนปัจจุบันมักไม่สนใจเรื่องจิตใจ เสพเป็นยักษ์อย่างที่กล่าวจริงๆค่ะ แล้วก็เป็นการทำร้ายตัวเอง เบียดเบียนตัวเองเมื่อป่วยก็ยังได้เบียดเบียนผู้อื่นในครอบครัวด้วย
ค่ายสุขภาพหมอเขียวนั้นช่วงสวดมนต์เขาก็ให้ทำตามศาสนาของตนหากไม่ใช่ชาวพุทธค่ะ เห็นแล้วชื่นชมว่าเขาละเอียดอ่อนและไม่ยัดเยียด ไม่คาดคั้นให้ต้องทำเหมือนกันหมดทุกคน
แค่หยอกๆน่ะค่ะคุณต้อม เนปาลี ^___^ กลัวน้องไม่สวย ช่วงที่อายุยังไม่มากยังไม่ค่อยมีปัญหาหรอกค่ะ อายุเท่าพี่เมื่อไหร่ก็ต้องปรับตัวเอง แต่พี่ก็ไม่งด หรืออดอะไรค่ะ แต่ทานทุกอย่างที่อยากทานในปริมาณที่ลดลงกว่าครึ่ง ส่วนที่เหลือทานเพื่อแสดงความกตัญญูต่อร่างกายค่ะ
สวัสดีค่ะคุณแดงเข้าค่ายหมอเขียวนี่ได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆหลายประการเลยค่ะ การทำกัวซาก็เพิ่งเข้าใจชัดๆที่นี่เช่นกันค่ะ
หมอเขียวเน้นเรื่องสุขภาพกายคู่กับสุขภาพใจซึ่งประการหลังนั้นคือการใช้ธรรมะหรือคำสอนทางศาสนามาช่วยในเรื่องการเข้าถึงความสุขจากการเข้าใจสัจธรรมค่ะ
เดี๋ยววันนี้จะลงตอนต่อไปนะคะ
สวัสดีค่ะอาจารย์เอื้องแซะ ขอบคุณอย่างยิ่งค่ะทีส่งพรทางข้อความโทรศัพท์ กะว่ากลับจากจ่ายของในเมืองอาบน้ำอาบท่าเสร็จจะไปขอบคุณที่บล็อกค่ะ มาเปิดเมล์ได้พบพรทางนี้อีกด้วย ยกกำลังสอง
หมอเขียวเขาก็มีไปจัดค่ายสุขภาพตามภาคด้วยค่ะ ทั้งภาคเหนือและภาคใต้ สามารถสอบถามไปได้ เดี๋ยวตอนสุดท้ายจะให้ที่อยู่และหมายเลขโทรศัพท์กันค่ะ
ได้มีโอกาสไปเรียนรู้ทึ่งจริงๆค่ะ
หากมีโอกาสจะไปเป็นเครือข่ายอาสาที่ค่ายด้วย
น่าสนใจ ขอเรียนรู้ด้วยคนค่ะ