พิธีเลี้ยงดง


เมื่อวานกลับไปบ้าน ป่านได้เปิดทีวีทางช่อง 5 เจอรายการบันทึกลับ และได้ดูเค้านำเสนอ พิธีเลี้ยงดง เค้าบอกว่า เมื่อคนกลายเป็นยักษ์ ป่านถามพี่สาวว่า ทำไมยักษ์ตัวเล็กจัง ตอนนั้นยังไม่ทันได้ดูรายละเอียด พี่บอกว่า ที่เค้าว่ายักษ์เพราะกินเนื้อควายสด ๆ เหมือนยัก จริง ๆ แล้วเมื่อวานป่านก็ได้ฟังถึงสาเหตุที่มีพิธีเลี้ยงดงเกิดขึ้น และทราบว่าเป็นพิธีที่มีมาเป็นร้อยปีแล้ว แต่วันนี้ป่านได้ไปหาข้อมูลใน google คลิกพิธีเลี้ยงดง แล้วก็ได้ข้อมูลรายละเอียด มันก็เหมือนกับที่ป่านได้ฟังจากรายการบันทึกลับเมื่อวานนี้ค่ะ ข้อมูลมีอยู่ว่า

กินเนื้อควาย-ดื่มเลือดสดๆ พิธีบวงสรวงปู่แสะย่าแสะ คอลัมน์ เป็นไปได้ เป็นที่กล่าวขวัญกันมานานว่าในเมืองเชียงใหม่ จังหวัดที่เจริญเป็นอันดับสองของประเทศ มีพิธีคู่บ้านคู่เมืองที่แปลกและสุดแสนพิสดาร ที่สำคัญน่าเสียวไส้ เป็นตำนานที่ปฏิบัติ ด้วยแรงศรัทธาและความเชื่อ นั่นคือ พิธีบวงสรวงปู่แสะ ย่าแสะ หรือ ประเพณีเลี้ยงดง พิธีกรรมที่มีการกล่าวขวัญกันอย่างกว้างขวางและวิพากษ์วิจารณ์กันไปมากมายถึงความสยดสยองของการกินเลือดและเนื้อควายสดๆ ของร่างทรงปู่แสะ กล่าวกันว่าเป็นพิธีที่ชาว ต.แม่เหียะ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ สืบทอดกันมาหลายร้อยปี โดยพิธีบวงสรวงปู่แสะ ย่าแสะ หรือประเพณีเลี้ยงดงนั้น จะจัดขึ้นในวันขึ้น 14 ค่ำ เดือน 7 ของทุกปี และในปีนี้ตรงกับวันที่ 5 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยพิธีกรรมเริ่มขึ้นที่ศาลปู่และย่าแสะ ที่เชิงเขาวัดดอยคำ เพื่ออัญเชิญพระบฏหรือภาพเขียนพระพุทธเจ้าและดวงวิญญาณปู่แสะย่าแสะผ่านร่างทรงที่เรียกว่า "ม้าขี่" ไปยังสถานที่จัดพิธีเลี้ยงดง บริเวณป่าเชิงเขาทางทิศตะวันออกของวัดพระธาตุดอยคำ สำหรับเรื่องราวของปู่แสะ ย่าแสะนั้น เล่าสืบต่อกันมาว่า ปู่แสะย่าแสะคือยักษ์ 2 ตนที่อยู่ในตำนาน เป็นยักษ์นิสัยดุร้าย ชอบกินเนื้อคนและสัตว์เป็นอาหาร เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จโปรดสัตว์ ทราบความเข้าจึงห้ามยักษ์สองตนไม่ให้กินคน ยักษ์จึงต่อรองขอกินสัตว์หูยาวแทนและเมื่อละเว้นการฆ่าคนได้ พระพุทธเจ้าจึงให้ยักษ์ 2 ตน เป็นผู้ดูแลรักษาดอยคำและดอยสุเทพให้ผู้คนที่อยู่อาศัยอยู่บนดอยนั้นอยู่เย็นเป็นสุข ต่อมาในสมัยของพระเมกุฏิ เจ้าเมืองเชียงใหม่ ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนทุกข์เข็ญอย่างมาก จึงเชื่อกันว่าเพราะเจ้าเมืองไม่มีการทำพิธีเซ่นไหว้ปู่แสะ ย่าแสะ กระทั่งในสมัยของเจ้าแก้วนวรัฐ ผู้ครองเมืองเชียงใหม่องค์สุดท้าย ในราวปี พ.ศ.2452-2482 จึงได้มีการฟื้นฟูประเพณีเลี้ยงดงหรือ พิธีบวงสรวงปู่แสะย่าแสะ ขึ้นอีกครั้งทำให้บ้านเมืองมีความเจริญ และปฏิบัติสืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน พิธีดังกล่าว จะใช้เครื่องเซ่นไหว้ คือ ควายรุ่น เขาเพียงหู กีบเท้าสีน้ำผึ้ง กล่าวคือยังไม่เคยลงไถคราดดิน มาชำแหละเอาเครื่องในออกและนำตัวมานอนแผ่ไว้ในคอก โดยพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์จะเริ่มขึ้นเมื่อดึงผ้าพระบฏหรือภาพวาดพระพุทธเจ้าที่มีอายุกว่าร้อยปีขึ้นสู่ต้นไม้และแกว่งไปมา ทั้งนี้มาจากตำนานที่เล่าไว้ว่า พระพุทธเจ้าเคยตรัสไว้กับยักษ์ปู่แสะย่าแสะว่า ตราบใดที่เราตถาคตยังเคลื่อนไหวอยู่ ห้ามยักษ์นั้นกินเนื้อมนุษย์และทำร้ายมนุษย์ จากนั้นเมื่อปู่แสะลงร่างทรง ร่างทรงปู่แสะก็จะลงมากินเนื้อควายสดๆ และดื่มเลือดควายอย่างเอร็ดอร่อย พร้อมเดินไปรอบๆ เนื้อตัวเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบเลือดและเศษเนื้อควาย นอกจากนี้ยังพูดคุยเสียงดังด้วยภาษาพื้นเมือง ซึ่งใจความว่า มนุษย์พวกนั้น ที่มันอยู่ที่นี่ แล้วเอาที่ไปขายกิน มันจงพินาศฉิบหาย กูจะไปกินมัน นอกจากนั้นร่างทรงปู่แสะยังสั่งสอนเตือนสติชาวบ้านให้ประกอบแต่กรรมดีและรู้จักรักและหวงแหนผืนป่า นายธนวัฒน์ ยอดใจ นายกอบต.แม่เหียะ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ในฐานะผู้จัดงานปีนี้เล่าถึงวัตถุประสงค์ของพิธีบวงสรวงปู่แสะย่าแสะว่า ตั้งแต่เกิดจนถึงตอนนี้อายุ 41 ปี ก็ได้เห็นพิธีกรรมดังกล่าวมาโดยตลอด "พิธีกรรมนี้จัดขึ้นเพื่อความเป็นสิริมงคลกับชาวบ้าน ไม่แตกต่างจากพิธีกรรมอื่นๆ แต่ที่ดูแปลกและเป็นที่พูดถึงกันมาก คงเป็นเรื่องของเครื่องเซ่นไหว้ที่เป็นเนื้อควายสด เลือดควายสด" อย่างไรก็ตาม เมื่อถามถึงหัวใจของพิธีก็เพื่อให้ผู้มาร่วมพิธีกรรมและทุกคนประกอบแต่กรรมดี และรู้สึกสำนึกรักษ์ป่าและผืนแผ่นดินที่อยู่อาศัย - ข่าวสด หน้า 35 - ที่มา : ข่าวสด 8 กรกฎาคม 2548

ที่มา : http://www.statelessperson.com/www/?q=node/400

 

สุดสายป่านมีคำถาม

คำถามที่ 1 ในสมัยปัจจุบันปี 2552 นี้ มีผู้ใดเคยเห็นยักษ์บ้างหรือไม่

คำถามที่ 2 ในสมัยปัจจุบันปี 2552 นี้ มีผู้ใดเคยเห็นพระพุทธเจ้าบ้างหรือไม่

คำถามที่ 3 ในสมัยปัจจุบันปี 2552 นี้ มีผู้ใดเคยเห็นควายบ้างหรือไม่

คำถามที่ 4 ในสมัยปัจจุบันปี 2552 นี้ มีผู้ใดเคยเห็นมนุษย์บ้างหรือไม่

สุดสายป่านมีคำตอบ

คำตอบที่ 1 ในสมัยปัจจุบันปี 2552 นี้ ป่านไม่เคยเห็นยักษ์ของจริงเลยค่ะ เคยเห็นในหนัง ยักษ์มีเขี้ยวค่ะ ตัวโตมาก ๆ กินคน กินช้าง กินทุกชีวิตไม่เลือกหน้า ป่านเห็นในหนัง แต่ไม่เคยเห็นยักษ์ตัวจริงเลย

คำตอบที่ 2 ในสมัยปัจจุบันปี 2552 นี้ ป่านไม่เคยเห็นพระพุทธเจ้าเลยค่ะ ได้รู้จักพระพุทธเจ้าจากที่ได้เรียนหนังสือมา ได้ดูสื่อต่าง ๆ ทั้งรายการทีวี วิทยุ แต่ป่านก็ไม่เคยเห็นพระพุทธเจ้าจริง ๆ เลยน่ะค่ะ

คำตอบที่ 3 ในสมัยปัจจุบันปี 2552 นี้ ป่านเคยเห็นควายค่ะ เมื่อก่อนก็ไม่เคยเห็นควายตัวจริงเหมือนกันค่ะ เคยเห็นแต่ในทีวี แต่เมื่อได้ไปเที่ยวจังหวัดพัทลุง ได้ไปสะพานเอกชัย ที่นั่นมีควายหลายตัว ป่านได้เห็นควาย หลายคนชอบมาก โดยเฉพาะป่านมีความสุขทุกครั้งที่ผ่านไปได้เห็นบรรยากาศแบบนั้น

คำตอบที่ 4 ในสมัยปัจจุบันปี 2552 นี้ ป่านเคยเห็นมนุษย์บ้างหรือไม่ เอ้....ป่านชักจะไม่แน่ใจ แล้วหน้าตาแบบไหนคือมนุษย์ค่ะ อย่างเวลาป่านเห็นควาย ป่านเป็นคนตัดสินมันค่ะ มันต้องเป็นควายแน่ ๆ ก็หน้าตาแบบนี้ มีเขาแบบนี้ ไม่ใช่วัวแน่ มันเป็นควาย แต่มนุษย์หน้าตาแบบนี้ มีหูมีตาแบบนี้ ใช่มนุษย์หรือเปล่า ทำไมป่านไม่แน่ใจที่จะตอบว่าป่านเคยเห็นมนุษย์หรือเปล่าล่ะค่ะ

สุดสายป่านทบทวนความ

เมื่อป่านตั้งคำถามทั้ง 4 และตอบคำถามทั้งหมดแล้ว ป่านได้เห็นว่า ในวันนี้ป่านไม่ได้เจอยักษ์  ในวันนี้ป่านไม่ได้เจอพระพุทธเจ้า

แล้วทำไมคนอีกจำนวนมากที่ในวันนี้เค้าก็น่าจะไม่ได้เจอยักษ์ และเค้าก็น่าจะไม่ได้เจอพระพุทธเจ้าเหมือนกัน เค้ากลับต้องฆ่าควาย ควายที่เค้าได้เจอได้เห็นได้สัมผัสกับมัน ควายที่หลายคนพูดว่า ช่วยกันอนุรักษ์ควายไทยให้คู่บ้านคู่เมืองเรา แล้วทำไมจึงได้ฆ่าควายเพื่อยักษ์อีกล่ะค่ะ ป่านไม่เข้าใจเลย

พระพุทธเจ้า ป่านไม่เคยเจอท่าน แต่ป่านทราบเพียงว่า คุณครูบอกว่า เป็นชาวพุทธต้องหมั่นทำความดี บำเพ็ญกุศล ถือศีล ปฏิบัติตนในทางที่ดี แล้วสิ่งดี ๆ ก็จะบังเกิด ในวันนี้มีคุณจำนวนมากเค้าสังเวยชีวิตควายให้กับยักษ์ โดยมีท่านผู้เป็นพระพุทธเจ้ามาช่วยเป็นพยานอย่างนั้นหรือค่ะ ทำไมป่านงงมาก ๆ เลย

เมื่อกาลก่อน เค้าบอกว่า พระพุทธเจ้าโปรดยักษ์ ทำให้ยักษ์ละเว้นที่จะกินเนื้อมนุษย์ และขอกินเนื้อสัตว์ซึ่งถือกันว่านั่นก็คือควายนั่นเอง แล้วตอนนี้ล่ะค่ะ พระพุทธเจ้า ท่านคิดยังไงหากสิ่งที่ท่านมาโปรดยักษ์ให้ละเว้นการกินเนื้อมนุษย์ มันกลับมาเป็นให้มนุษย์ฆ่าควาย และกินเนื้อควายสด ๆ เหมือนยักษ์

พระพุทธเจ้า ใยท่านไม่โปรดชีวิตที่ท่านเรียกเค้าว่ามนุษย์ให้ละเว้นชีวิตควาย พิธีเลี้ยงดงมีมาหลายร้อยปี แสดงว่ามนุษย์เอาชีวิตควายสังเวยให้กับยักษ์มากี่ร้อยชีวิตแล้วค่ะ

ปีนี้ ปี 2552 ป่านไม่เห็นยักษ์กินคน แต่ป่านเห็นคนกินควาย และนี่คือสิ่งที่ป่านอยากจะพูดว่า คำถามทั้ง 4 ข้อ ป่านมั่นใจตอบข้อที่ 3 มากที่สุด เพราะป่านมั่นใจว่าป่านเห็นควาย รู้จักควาย แต่คำถามข้อ 4 ป่านไม่อยากจะให้มันกลายเป็นความไม่แน่ใจ ป่านอยากจะตอบอย่างมั่นใจว่า ป่านเห็นมนุษย์ค่ะ พวกเราเป็นมนุษย์ มีบุญเหลือเกินที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ได้สร้างบุญสร้างกุศล ไม่เบียดเบียนชีวิตผู้อื่น

อยากให้หลายคนลองหันไปมองสิ่งที่คุณบอกถึงสาเหตุของการมีพิธีเลี้ยงดงตามที่พวกคุณได้บอกมา พิธีเลี้ยงดงนั้นจะสร้างความเป็นสิริมงคล มันสร้างได้จริง ๆ เหรอค่ะ

จะเข้าพรรษาแล้ว เวลาป่านไปวัด พระท่านจะให้รับศีลค่ะ ปาณา ละเว้นการฆ่าสัตว์ ในพิธีเลี้ยงดง พระท่านก็มา แต่ท่านมาร่วมพิธีให้คนฆ่าควายถวายยักษ์ แล้วพวกเราจะได้อยู่เย็นเป็นสุข และหากหัวใจของพิธีก็เพื่อให้ผู้เข้าร่วมพิธีกรรมประกอบกรรมดีสำนึกรักป่าและผืนแผ่นดินที่อยู่อาศัยของตน เหตุใดจึงต้องให้ยักษ์สอนค่ะ ก็ยักษ์กว่าจะละเว้นชีวิตมนุษย์ได้ เค้าต้องเอาชีวิตควายมาแลกเปลี่ยน ด้วยการสังเวยชีวิตควายให้กับเค้า นั่นหมายถึง เค้ายังไม่สามารถละเว้นชีวิตได้

หากมนุษย์อยากให้เกิดสิริมงคลกับชีวิต และอยากให้มีสิ่งใดมาสอนสั่ง ลองถามควายดูสิค่ะ เพราะเท่าที่ป่านทราบมา ควายไม่เคยกินเนื้อมนุษย์ กินแต่หญ้า และทราบมาอีกว่า ควายขยันอดทน ยิ่งในโลกปัจจุบันนี้ ควายก็อยู่ลำบาก หากไม่อดทน กว่าจะมีคนใจดีหาหญ้าหาน้ำมาให้กินนั้นยากจริง ๆ

ผู้ที่เกิดมาเป็นมนุษย์จะมีสิ่งใดเล่าที่จะสร้างสิริมงคลให้กับตนได้ดีเท่ากับปัญญา ปัญญาไม่ได้เกิดจากความคิด ความคิดอาศัยสมอง ทุกชีวิตจึงคิดได้ แต่ไม่ใช่ว่าทุกชีวิตจะมีปัญญา และไม่ใช่ว่าปัญญาของทุกชีวิตจะเท่ากัน ผู้ที่จะนำปัญญามาก่อให้เกิดสิริมงคลกับตนเองได้ จึงต้องใช้ทั้งความคิดและหัวใจ

ความทรมานได้เกิดขึ้นแล้ว นิ่งเสียจะได้พ้นจากความทรมาน

 

คำสำคัญ (Tags): #พิธีเลี้ยงดง
หมายเลขบันทึก: 273392เขียนเมื่อ 4 กรกฎาคม 2009 09:50 น. ()แก้ไขเมื่อ 23 มิถุนายน 2012 18:38 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (32)

สวัสดีครับ เป็นความคิดที่เชื่อมโยงบูรณาการเห็นธรรม เยี่ยมมากครับ เลยมาศึกษาธรรมะ ขอบพระคุณ

สวัสดีค่ะ

อ่านบันทึกยาว ๆ แล้วตาลาย แต่ก็ได้ยิ้ม ๆ กับน้องค่ะ

มาขอบคุณคอมเม้นท์น่ารัก ๆ ในบันทึก "กล้า"

ถูกใจ ใช่แล้ว....

ขอบคุณค่ะ

(^___^)

สวัสดีค่ะอาจารย์ประจักษ์

สวัสดีค่ะพี่คนไม่มีราก

ภาพทั้งสองภาพ

มีทั้งน้ำร้อนและน้ำเย็นเลยน่ะค่ะ

ภาพอาจารย์ประจักษ์ สะดุดตาครั้งแรกที่ได้เห็นพระพุทธเจ้า

แต่สายตาก็บรรจบที่ได้เห็นแม่น้ำค่ะ

ภาพของพี่คนไม่มีราก สะดุดตาครั้งแรกที่ตัวโน๊ตที่เคลื่อนไหว

แต่สายตาก็บรรจบที่ได้เห็นน้ำกาแฟค่ะ

มันไม่เกี่ยวกัน แต่ชอบทำให้มันเกี่ยวกันส่ะงั้นค่ะ

น้ำร้อนปลาเป็น น้ำเย็นปลาตาย

ไม่เข้าใจค่ะ

สวัสดีค่ะ

ขอให้ท่านมีความสุขในวันหยุดนะคะ

แวะมาศึกษาธรรมค่ะ

ดีเหมือนกันค่ะ จะได้เข้าถึงธรรมได้มากขึ้น

เคยเห็นบ่อยๆคะควาย  เมือก่อนยังได้กินนมควายเลยละค่ะ ไม่ได้ดื่มจากเต้าความนะค่ะ ที่เค้ารีดแล้ว

ยักษ์ในที่นี่ก็คือมนุษย์นั่นเอง  กินทุกอย่างที่ขวางหน้า อิฐ  หิน  ดิน  ทราย อื่นๆก็กินเรียบค่ะ อิ อิ อิ

  • ยักษ์หน้าวัดตัวโต..
  • แต่ยักษ์ตัวจริงไม่น่าจะตัวโตหรอก..
  • เพราะเห็นเขาปั้นหุ่นยุงลายตัวโต้ โต ไว้หน้าวัดให้คนกลัวไข้เลือดออก ..จริง ๆ ยุงลายตัวนิดเดียว
  • สรุปว่ายักษืตัวจริงโตเท่ากับยุงลาย..ว่าไหม..ป่าน

น้องกอ ก็เป็นคนเจ้าความคิดเหมือนกันเนาะ  ทำร้ายควายเพื่อสังเวย ในสิ่งที่เราไม่เคยรู้เคยเห็น แล้วก็ทำกันมานาน เป็นวัฒนธรรม ประเพณีเลย  สูญควายดีๆไปแล้วกี่ตัว น่าสงสารเนาะ

น่าจะมีการคิดหยุดยั้งการฆ่าสัตว์ตัดชีวิตเสีย  การที่จะแสดงการทำความดี แล้วฆ่าสังหาร ควายที่เรา คิดว่ามีประโยชน์ต่อเรามากที่สุด ไปเพื่อความดี ให้กับยักษ์ ซึ่งเกิดมาเราก็ไม่เคยเห็น เป็นความดี มันไม่น่าใช่เนาะ คิด คิด

แต่ถ้าเปรียบเทียบยักษ์ ก็คือมนุย์หรือคน ตัวไม่ใหญ่หรอก แต่สามารถกินได้ทุกอย่าง  ตามที่คุณตุ๊กตาเม้นท์มา ข้างล่าง

 

Pยักษ์ในที่นี่ก็คือมนุษย์นั่นเอง  กินทุกอย่างที่ขวางหน้า อิฐ  หิน  ดิน  ทราย อื่นๆก็กินเรียบค่ะ อิ อิ อิ

สวัสดียามเช้าค่ะ

แวะมาทำใจให้สงบ

รับเทศกาลเข้าพรรษาค่ะ

วันนี้ฝนตกด้วยค่ะ

รักษาสุขภาพนะคะ

สวัสดีค่ะ  ทีแรกไม่อยากอ่านยาวมาก 

ค่อยค่อยอ่านไปเรื่อยเรื่อย  คุ้มค่า 

ส่งความระลึกถึงจ๊ะ

สุขสันต์วันหยุดยาว

Lotus1 

 ผู้ที่จะนำปัญญามาก่อให้เกิดสิริมงคลกับตนเองได้ จึงต้องใช้ทั้งความคิดและหัวใจ

ขอบคุณค่ะสำหรับข้อคิดดีๆนี้..ขอให้มีความสุขและเจริญในธรรมค่ะ

สวัสดีจ้ะ น้องป่าน

      ตลอดระยะเวลา 5 วัน ตัดขาดกับโลกไซเบอร์ 

      เข้ามาวันแรก มาอ่านเรื่อง ยักษ์ ควาย พระพุทธเจ้า และมานุษย์ อนุโมทนากับน้องป่านด้วยค่ะ...ชื่นชมความคิดของน้องป่าน "ผู้ที่เกิดมาเป็นมนุษย์จะมีสิ่งใดเล่าที่จะสร้างสิริมงคลให้กับตนได้ดีเท่ากับปัญญา ปัญญาไม่ได้เกิดจากความคิด ความคิดอาศัยสมอง ......ผู้ที่จะนำปัญญามาก่อให้เกิดสิริมงคลกับตนเองได้ จึงต้องใช้ทั้งความคิดและหัวใจ"

กว่ายักษ์จะละเว้นชีวิตมนุษย์ได้ ต้องเอาชีวิตควายมาแลกเปลี่ยน  ทำไมหนอ...น่าคิดนะ

ครับ...
อ่านบันทึกนี้  แล้วได้ความรู้มากมาย  โดยเฉพาะเรื่องคติชนวิทยา
และที่แน่ๆ ..
เห็นความผูกพันที่คนยังต้องร้อยรัดอยู่กับการพึ่งพิงธรรมชาติและอำนาจบางอย่างอันเป็นวิถีความเชื่อ ความศรัทธา...

ขอบคุณครับ

ฝากดวงดาวคอยห่วงใย          ให้กำลังใจเธอเมื่ออ่อนล้า

ฝากสายลมโบกพัดพลิ้วมา   ให้รู้ว่า มีฉันคนนี้ที่ห่วงเธอ

 

ไข้หวัด สายพันธ์ใหม่ระบาดหนัก เป็นห่วงคะ

               คิดถึงเข้ามาหาสาวน้อยเจ้าปัญญาค่ะ

น้องกอ  พี่สุแปลกลอนที่น้องกอ ไม่เข้าใจไว้ให้  ไปอ่านซะนะคนดี จะได้ซาบซึ้งในบทกวี

PMSU-KM :panatung~natadee

Pพี่ตุ๊กตา

Pคุณเกษตรอยู่จังหวัดหนองคาย

Pพี่สุ

Pคุณปลายฟ้า

Pครูป้อม

Pคุณนงนาท

Pครูใจดี

 

สุขสันต์ทุกวันน่ะค่ะ

 

 

 

 

เรื่อง  ที่  66 …รู้ซึ้ง ร้อยพันคำ  ความสุขของคนกวี เอาแต่แปลมาให้นะ  ต้นฉบับไปหาเอง

งานเข้าซะแล้ว  น้องกอเอ๋ย   น้องกอไม่เข้าใจ แน่ๆเลย  พี่สุจะอธิบายพอคร่าวๆนะ พี่สุไม่ได้เป็นครูภาษาไทย  เพียงแต่ชอบบทกลอน และรู้ซึ้งในบทกลอนนี้เท่านั้น ว่ามันแอบแฝง ความรู้สึกซ่อนเร้นอยู่ในกลอนนั้น จะต้องเข้าใจในบทกลอนนั้นให้ได้ว่า มันกล่าวถึงเรื่องอะไร อย่างน้อย ก็ต้องเข้าใจหัวข้อกลอน ว่าเขากล่าวถึงอะไร(เดินทางอีกครั้งเพื่อรัก)

 

ก็แสดงว่า ตลอดชีวิตเขา ไม่ทำอะไรเลย(ไม่ใช่ไม่ทำงานนะ  หัวใจเขาเดินหา  ส่วนตัวเขาก็ทำงานอยู่  มัวแต่คร่ำครวญตนตนจะอดตาย ผู้หญิงที่ไหนเขาจะเลือก)หัวใจ ตามหาหัวใจ ตามหารักทำนองนี้แหละ  แต่ขณะที่เขาตามหารักนั้น  เขาก็รู้ว่ามันยากแสนยาก ขึ้นเขาลงห้วย ลงทะเล  แต่เขาก็จะตามต่อไป

และขณะที่เขาตามไปนั้น  เขาก็ระลึกถึงอดีตเก่าๆ ของเขาด้วย ปากครั้งเขาก็บ่น กับตนเอง เกี่ยวกับที่เขาเคยได้รับดอกไม้แทนคำว่าคิดถึง และแปลว่ารักด้วย  และครั้งหนึ่งที่เขาได้รับดอกไม้เขาก็คิดถึงคนรักคนนี้ ถึงกับจูบใบดอกไม้  เคยเห็นมั้ย  พอใจอะไรก็จูบอันั้นแหละ

 

และขณะ ที่เขาตามล่าหารักนั้น  เขาก็ไปเรื่อยๆ หาพบก็พบ หาไม่พบก็ไม่เป็นไร แต่ตลอดทางที่เขาไปนั้น ไม่มีอะไรหนักหนา  คือไปกับคำกลอน (แบกสัมภาระบทกวี) แล้วก็สะพายย่ามหนึ่งใบ มีความสุขในชีวิตที่เขาเดินผ่านไป  บางครั้งก็ผิวปากไปเรื่อยๆเพื่อความเพลิดเพลิน  หรือทำอะไรก็ได้ที่ลืมอดีตไป

 

และขณะที่เขาเดินทาง(คำว่าเดินทางต้องเข้าใจอีก ไม่ใช่เดินไปแบบคนเดิน  คือชีวิตของเขาที่ผ่านๆไปในแต่ละวัน เลยว่าเดิน) ขณะที่เขาผ่านไปในแต่ละวันนั้น เขาลืมไม่ลง  ผู้หญิงคนนั้นทำให้เขาเจ็บปวดมาก(ดวงใจแตกยอดต่อราก ถ้าได้แตกรากนั้น แสดงว่าอย่างไรคะ  ก็ฝังใจจำลืมไม่ลง) และเขาก็คิดว่าป่านนี้หญิงคนนั้นกำลังเสพสุขกับชายใหม่ ที่ได้พบรักใหม่  แล้วทิ้งเขาให้เดินล่าหารักใหม่ด้วยความเจ็บแค้น แสนเข็ญ ก็คนมันผิดหวังหนะ

 

การเดินทางครั้งนี้ของเขา เอาชีวิตเป็นเดิมพัน ซึ่งในชีวิตของเขา คิดว่าจะไม่เจอมัน แต่มันเป็นไปแล้วจริงๆ  เพราะผู้หญิงชั่วชายชั่วคนนั้นเป็นพยานอยู่แล้ว

 

เขาก็อดที่จะรำพึงไม่ได้ว่า แท้ที่จริงแล้ว มีแต่สิ่งหลอกลวง(โลกนี้ล้วนคำหวาน)   ทะเลที่ว่าเค็ม เขายังไปคิดว่าเป็นน้ำตาล เป็นวิมานของเขา

 

เขาพยายามลบความทรงจำทั้งหมด ที่เคยเจ็บปวด เคยเศร้า ทิ้งไป ไปอยู่ที่สงบแห่งหนึ่งคือแม่น้ำปิง อยู่ในกระท่อมใบไม้ซุกหัวนอน พร้อมดูหิงห้อยระยิบระยับในยามค่ำคืน

 

แล้วเขาก็ยิ้มเยาะกับตนเอง ว่า  ผู้ชายอย่างเขา ไม่น่าจะเป็นคนที่ผู้หญิงต้องทิ้งเขาไป  เขาน่าจะมีผู้หญิงที่สวยมาคอยเอาใจ  แล้วก็คงงีบหลับไป

 

ผีเสื่อแอบเคลิ้มแจจอ ตอนนี้จิตใจของเขา และตัวเขาได้ลอยพบกับหญิงใหม่อีกคนหนึ่ง เหมือนอยู่ในความฝัน  คำแรกก็รักอีกซะแล้ว  ต้องตาเจอ  รักเธอหน้าแดง เขินอาย (นี่เพียงฝันนะคะ) แต่ฝันกลับกลายเป็นจริง

 

เขาเรียนรู้รสแห่งความผิดหวังเสียใจมามากแล้ว เป็นประวัติศาสตร์แห่งหัวใจ เคยมีอดีตมาแล้ว  ครั้งนี้ก็เป็นบทเรียนครั้งใหม่    ลองอีกซักครั้ง

 

ทำให้เขาได้เขียนกาพย์ขึ้นจากใจ  เพราะขณะนี้ได้มีแรงบันดาล หรือประกายแห่งความรักที่เกิดขึ้นมาในครั้งนี้อีก  อีกครั้ง  ว่างั้นเถอะ

 

ในที่สุดเขาก็คิดว่า คนที่พบนี้ใช่เลย ไม่ใช่คู่ควงธรรมดา เบื่อแล้วก็ทิ้งกัน  เป็นดวงชะตาแห่งรัก  หรือที่เรียกว่า พรหมลิขิต จบแล้ว

 

การเขียนบทกลอน มันต้องคล้องจองกัน ตามกฎของมัน  ถ้าอยากให้เพราะพริ้ง  ก็ต้องเล่นคำ  สัมผัสนอกหรือสัมผัสใน ฉันทรลักษณ์  ลีลา การเล่นคำ  เล่นสำนวน คำแปลกๆที่เอามาใช้  ก็ต้องมีความหมายด้วยและเรื่อง ส่วนมากก็ต้องซึ้ง  คนฟังถึงจะมีอารมณ์ตาม ไม่ต้องมาสร้างอารมณ์เอาเอง หรืองง งวย เขาแต่งภาษาอะไรกัน  ภาษาวิบัติหรือเปล่า

 

และเห็นไหม  ตอนเขาต่อตอนท้ายของพี่สุ  เขาก็คิดเหมือนพี่นั่นแหละ จะผิดหวัง หรือสมหวัง ก็แล้วแต่ มันไม่ไพเราะเหมือนที่เราเขียนเอา หวานจนเค็มอยากอาเจียน(  คริ  คริ ผู้ชายแพ้ท้องแล้ว )

เขาว่าเกิดเป็นคน  มีทั้งคนดีและคนเลว  จะขึ้นนรกตกสวรรค์ชั้น 7 ก็ช่างหัวมัน  แล้วแต่จะทำ  ไม่ว่ากัน  เพียงแต่ว่า ให้คิดถึง (หนึ่งอนันต์)ใครคนหนึ่งที่เคยเป็นหนึ่งในดวงใจกว่าสิ่งใด เมื่อก่อนบ้าง (อย่าควงให้เห็น อย่าทำร้ายใจกัน) ดูแลกันนะถ้าว่าเคยรักกัน

 

โอย!  พี่น้องกอขา  งานเข้า แย่เลย  ตะแนว แปวววววววว

เป็นนิทาน  เหมือนของน้องกอ ได้ไหมเอ่ย 

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า  อย่าเขียนให้คนอื่นแปลยาก ตะแนว แปววววว

 

พี่สุก็เหมือนโกหก น้องกอเนาะ  คนอะไร ถามหาเรื่องอดีต ที่เขาเขียนผ่านมาแล้ว  ตามไม่ทันซักที  ตีก้นดีไหม เฮ่อกลุ้มใจ น้องตามไม่ทัน

โอ้โห พี่สุ

อิอิ

ปู้ดป้าดดดดดดดดดดดดดดด

ได้อ่าน..นิทานของหิ่งห้อย..พร้อมฟังเพลงไปด้วย.ของน้องสุดสายป่าน..เพลิน..เกือบหลับ..เลย..น้อง..เก่งจังเลย..พี่ต้องการใส่เพลงบ้างทำอย่างไร..ครับ

อิอิ กอสอนให้พี่ ๆ หลายคนแล้วค่ะ

แงแง

เดี๋ยวก่อนน่ะค่ะ ไปลอกมาดีกว่า

อยู่ที่ไหนบ้างหนอ

หวัดดีพี่กอป่าน  พาเจ้ากระดิ่งมาเยี่ยมครับ ขอบคุณที่เข้าไปทักทายกันเสมอ ๆ ครับ

 

ชอบน้องมดมาก ๆ ค่ะ

ก้างกุ้ง อิอิ

มาชม

ทายทัก

แบบสบาย ๆ นะครับ

Pชมว่าไงค่ะ แล้วทายว่าอะไรเอ๋ย

อิอิ สบาย ๆ ค่ะอาจารย์ยูมิ

มาเยี่ยมบ้าน..คนใจดีคร๊าบบ...อิอิ

Pสวัสดีค่ะคุณตาติ๊ก

บางครั้งก็ใจเสียน่ะค่ะ...อิอิ...ใจเสีย เสียใจค่ะ

ขอบคุณน่ะค่ะ

แอบมาทักทายจ้ะ

สบายดีนะคะ

(^__^)

P

พี่คนไม่มีรากเก่ง

สร้างสรรค์ มันส์ตลอดน่ะค่ะ

สู้ ๆค่ะ

Pพี่สุค่ะ ไม่ได้ทำไมด์ค่ะ ทำตุ๊กตาค่ะ

ไปว่างได้เข้ามาเลย ช่วงนี้กำลังเรียนรู้งานที่ทำงาน และทำตุ๊กตาอีก

ทำไมมันยุ่งจังเลยก็ไม่รู้ค่ะ แหะแหะ

สวัสดีครับ ความคิดเห็นเรื่องยักษ์ กะ ควาย พูดถึงก็ได้แง่คิดที่ดี แห่งธรรม แต่ไม่เคยเห็นยักษ์ตัวจริงๆ แต่การที่พระพุทธองค์ท่านมาโปรดจริงดังว่า แสดงว่ายักษ์ยังปราณีตมนุษย์ เพราะเชื่อในพระบารมีพระพุทธองค์ ยักษ์ ถือได้ 4 ข้อ ถือว่าก้อใช่ได้ ต้องมองมุมกลับว่า มนุษย์ เราทุกวันนี้ ถือศีล 5 ได้กี่ข้อ มีบ้างไหม อาราธนาศีลได้หรือเปล่า และต้องตอบให้ได้ก่อนว่าโลกนี้มีผีหรือเปล่า

และความเชื่อ คือความเชื่อ เหมือนหมอรักษาคนไข้

ขอบคุณคุณรักษ์ค่ะ สำหรับเม้น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท