ที่มา : http://www.statelessperson.com/www/?q=node/400
สวัสดีครับ เป็นความคิดที่เชื่อมโยงบูรณาการเห็นธรรม เยี่ยมมากครับ เลยมาศึกษาธรรมะ ขอบพระคุณ
สวัสดีค่ะ
อ่านบันทึกยาว ๆ แล้วตาลาย แต่ก็ได้ยิ้ม ๆ กับน้องค่ะ
มาขอบคุณคอมเม้นท์น่ารัก ๆ ในบันทึก "กล้า"
ถูกใจ ใช่แล้ว....
ขอบคุณค่ะ
(^___^)
สวัสดีค่ะอาจารย์ประจักษ์
สวัสดีค่ะพี่คนไม่มีราก
ภาพทั้งสองภาพ
มีทั้งน้ำร้อนและน้ำเย็นเลยน่ะค่ะ
ภาพอาจารย์ประจักษ์ สะดุดตาครั้งแรกที่ได้เห็นพระพุทธเจ้า
แต่สายตาก็บรรจบที่ได้เห็นแม่น้ำค่ะ
ภาพของพี่คนไม่มีราก สะดุดตาครั้งแรกที่ตัวโน๊ตที่เคลื่อนไหว
แต่สายตาก็บรรจบที่ได้เห็นน้ำกาแฟค่ะ
มันไม่เกี่ยวกัน แต่ชอบทำให้มันเกี่ยวกันส่ะงั้นค่ะ
น้ำร้อนปลาเป็น น้ำเย็นปลาตาย
ไม่เข้าใจค่ะ
สวัสดีค่ะ
ขอให้ท่านมีความสุขในวันหยุดนะคะ
แวะมาศึกษาธรรมค่ะ
ดีเหมือนกันค่ะ จะได้เข้าถึงธรรมได้มากขึ้น
เคยเห็นบ่อยๆคะควาย เมือก่อนยังได้กินนมควายเลยละค่ะ ไม่ได้ดื่มจากเต้าความนะค่ะ ที่เค้ารีดแล้ว
ยักษ์ในที่นี่ก็คือมนุษย์นั่นเอง กินทุกอย่างที่ขวางหน้า อิฐ หิน ดิน ทราย อื่นๆก็กินเรียบค่ะ อิ อิ อิ
น้องกอ ก็เป็นคนเจ้าความคิดเหมือนกันเนาะ ทำร้ายควายเพื่อสังเวย ในสิ่งที่เราไม่เคยรู้เคยเห็น แล้วก็ทำกันมานาน เป็นวัฒนธรรม ประเพณีเลย สูญควายดีๆไปแล้วกี่ตัว น่าสงสารเนาะ
น่าจะมีการคิดหยุดยั้งการฆ่าสัตว์ตัดชีวิตเสีย การที่จะแสดงการทำความดี แล้วฆ่าสังหาร ควายที่เรา คิดว่ามีประโยชน์ต่อเรามากที่สุด ไปเพื่อความดี ให้กับยักษ์ ซึ่งเกิดมาเราก็ไม่เคยเห็น เป็นความดี มันไม่น่าใช่เนาะ คิด คิด
แต่ถ้าเปรียบเทียบยักษ์ ก็คือมนุย์หรือคน ตัวไม่ใหญ่หรอก แต่สามารถกินได้ทุกอย่าง ตามที่คุณตุ๊กตาเม้นท์มา ข้างล่าง
ยักษ์ในที่นี่ก็คือมนุษย์นั่นเอง กินทุกอย่างที่ขวางหน้า อิฐ หิน ดิน ทราย อื่นๆก็กินเรียบค่ะ อิ อิ อิ
สวัสดียามเช้าค่ะ
แวะมาทำใจให้สงบ
รับเทศกาลเข้าพรรษาค่ะ
วันนี้ฝนตกด้วยค่ะ
รักษาสุขภาพนะคะ
สวัสดีจ้ะ น้องป่าน
ตลอดระยะเวลา 5 วัน ตัดขาดกับโลกไซเบอร์
เข้ามาวันแรก มาอ่านเรื่อง ยักษ์ ควาย พระพุทธเจ้า และมานุษย์ อนุโมทนากับน้องป่านด้วยค่ะ...ชื่นชมความคิดของน้องป่าน "ผู้ที่เกิดมาเป็นมนุษย์จะมีสิ่งใดเล่าที่จะสร้างสิริมงคลให้กับตนได้ดีเท่ากับปัญญา ปัญญาไม่ได้เกิดจากความคิด ความคิดอาศัยสมอง ......ผู้ที่จะนำปัญญามาก่อให้เกิดสิริมงคลกับตนเองได้ จึงต้องใช้ทั้งความคิดและหัวใจ"
กว่ายักษ์จะละเว้นชีวิตมนุษย์ได้ ต้องเอาชีวิตควายมาแลกเปลี่ยน ทำไมหนอ...น่าคิดนะ
ครับ...
อ่านบันทึกนี้ แล้วได้ความรู้มากมาย โดยเฉพาะเรื่องคติชนวิทยา
และที่แน่ๆ ..
เห็นความผูกพันที่คนยังต้องร้อยรัดอยู่กับการพึ่งพิงธรรมชาติและอำนาจบางอย่างอันเป็นวิถีความเชื่อ ความศรัทธา...
ขอบคุณครับ
ฝากดวงดาวคอยห่วงใย ให้กำลังใจเธอเมื่ออ่อนล้า
ฝากสายลมโบกพัดพลิ้วมา ให้รู้ว่า มีฉันคนนี้ที่ห่วงเธอ
ไข้หวัด สายพันธ์ใหม่ระบาดหนัก เป็นห่วงคะ
คิดถึงเข้ามาหาสาวน้อยเจ้าปัญญาค่ะ
น้องกอ พี่สุแปลกลอนที่น้องกอ ไม่เข้าใจไว้ให้ ไปอ่านซะนะคนดี จะได้ซาบซึ้งในบทกวี
พี่ตุ๊กตา
คุณเกษตรอยู่จังหวัดหนองคาย
พี่สุ
คุณปลายฟ้า
ครูป้อม
คุณนงนาท
ครูใจดี
สุขสันต์ทุกวันน่ะค่ะ
เรื่อง ที่ 66 …รู้ซึ้ง ร้อยพันคำ ความสุขของคนกวี เอาแต่แปลมาให้นะ ต้นฉบับไปหาเอง
งานเข้าซะแล้ว น้องกอเอ๋ย น้องกอไม่เข้าใจ แน่ๆเลย พี่สุจะอธิบายพอคร่าวๆนะ พี่สุไม่ได้เป็นครูภาษาไทย เพียงแต่ชอบบทกลอน และรู้ซึ้งในบทกลอนนี้เท่านั้น ว่ามันแอบแฝง ความรู้สึกซ่อนเร้นอยู่ในกลอนนั้น จะต้องเข้าใจในบทกลอนนั้นให้ได้ว่า มันกล่าวถึงเรื่องอะไร อย่างน้อย ก็ต้องเข้าใจหัวข้อกลอน ว่าเขากล่าวถึงอะไร(เดินทางอีกครั้งเพื่อรัก)
ก็แสดงว่า ตลอดชีวิตเขา ไม่ทำอะไรเลย(ไม่ใช่ไม่ทำงานนะ หัวใจเขาเดินหา ส่วนตัวเขาก็ทำงานอยู่ มัวแต่คร่ำครวญตนตนจะอดตาย ผู้หญิงที่ไหนเขาจะเลือก)หัวใจ ตามหาหัวใจ ตามหารักทำนองนี้แหละ แต่ขณะที่เขาตามหารักนั้น เขาก็รู้ว่ามันยากแสนยาก ขึ้นเขาลงห้วย ลงทะเล แต่เขาก็จะตามต่อไป
และขณะที่เขาตามไปนั้น เขาก็ระลึกถึงอดีตเก่าๆ ของเขาด้วย ปากครั้งเขาก็บ่น กับตนเอง เกี่ยวกับที่เขาเคยได้รับดอกไม้แทนคำว่าคิดถึง และแปลว่ารักด้วย และครั้งหนึ่งที่เขาได้รับดอกไม้เขาก็คิดถึงคนรักคนนี้ ถึงกับจูบใบดอกไม้ เคยเห็นมั้ย พอใจอะไรก็จูบอันั้นแหละ
และขณะ ที่เขาตามล่าหารักนั้น เขาก็ไปเรื่อยๆ หาพบก็พบ หาไม่พบก็ไม่เป็นไร แต่ตลอดทางที่เขาไปนั้น ไม่มีอะไรหนักหนา คือไปกับคำกลอน (แบกสัมภาระบทกวี) แล้วก็สะพายย่ามหนึ่งใบ มีความสุขในชีวิตที่เขาเดินผ่านไป บางครั้งก็ผิวปากไปเรื่อยๆเพื่อความเพลิดเพลิน หรือทำอะไรก็ได้ที่ลืมอดีตไป
และขณะที่เขาเดินทาง(คำว่าเดินทางต้องเข้าใจอีก ไม่ใช่เดินไปแบบคนเดิน คือชีวิตของเขาที่ผ่านๆไปในแต่ละวัน เลยว่าเดิน) ขณะที่เขาผ่านไปในแต่ละวันนั้น เขาลืมไม่ลง ผู้หญิงคนนั้นทำให้เขาเจ็บปวดมาก(ดวงใจแตกยอดต่อราก ถ้าได้แตกรากนั้น แสดงว่าอย่างไรคะ ก็ฝังใจจำลืมไม่ลง) และเขาก็คิดว่าป่านนี้หญิงคนนั้นกำลังเสพสุขกับชายใหม่ ที่ได้พบรักใหม่ แล้วทิ้งเขาให้เดินล่าหารักใหม่ด้วยความเจ็บแค้น แสนเข็ญ ก็คนมันผิดหวังหนะ
การเดินทางครั้งนี้ของเขา เอาชีวิตเป็นเดิมพัน ซึ่งในชีวิตของเขา คิดว่าจะไม่เจอมัน แต่มันเป็นไปแล้วจริงๆ เพราะผู้หญิงชั่วชายชั่วคนนั้นเป็นพยานอยู่แล้ว
เขาก็อดที่จะรำพึงไม่ได้ว่า แท้ที่จริงแล้ว มีแต่สิ่งหลอกลวง(โลกนี้ล้วนคำหวาน) ทะเลที่ว่าเค็ม เขายังไปคิดว่าเป็นน้ำตาล เป็นวิมานของเขา
เขาพยายามลบความทรงจำทั้งหมด ที่เคยเจ็บปวด เคยเศร้า ทิ้งไป ไปอยู่ที่สงบแห่งหนึ่งคือแม่น้ำปิง อยู่ในกระท่อมใบไม้ซุกหัวนอน พร้อมดูหิงห้อยระยิบระยับในยามค่ำคืน
แล้วเขาก็ยิ้มเยาะกับตนเอง ว่า ผู้ชายอย่างเขา ไม่น่าจะเป็นคนที่ผู้หญิงต้องทิ้งเขาไป เขาน่าจะมีผู้หญิงที่สวยมาคอยเอาใจ แล้วก็คงงีบหลับไป
ผีเสื่อแอบเคลิ้มแจจอ ตอนนี้จิตใจของเขา และตัวเขาได้ลอยพบกับหญิงใหม่อีกคนหนึ่ง เหมือนอยู่ในความฝัน คำแรกก็รักอีกซะแล้ว ต้องตาเจอ รักเธอหน้าแดง เขินอาย (นี่เพียงฝันนะคะ) แต่ฝันกลับกลายเป็นจริง
เขาเรียนรู้รสแห่งความผิดหวังเสียใจมามากแล้ว เป็นประวัติศาสตร์แห่งหัวใจ เคยมีอดีตมาแล้ว ครั้งนี้ก็เป็นบทเรียนครั้งใหม่ ลองอีกซักครั้ง
ทำให้เขาได้เขียนกาพย์ขึ้นจากใจ เพราะขณะนี้ได้มีแรงบันดาล หรือประกายแห่งความรักที่เกิดขึ้นมาในครั้งนี้อีก อีกครั้ง ว่างั้นเถอะ
ในที่สุดเขาก็คิดว่า คนที่พบนี้ใช่เลย ไม่ใช่คู่ควงธรรมดา เบื่อแล้วก็ทิ้งกัน เป็นดวงชะตาแห่งรัก หรือที่เรียกว่า พรหมลิขิต จบแล้ว
การเขียนบทกลอน มันต้องคล้องจองกัน ตามกฎของมัน ถ้าอยากให้เพราะพริ้ง ก็ต้องเล่นคำ สัมผัสนอกหรือสัมผัสใน ฉันทรลักษณ์ ลีลา การเล่นคำ เล่นสำนวน คำแปลกๆที่เอามาใช้ ก็ต้องมีความหมายด้วยและเรื่อง ส่วนมากก็ต้องซึ้ง คนฟังถึงจะมีอารมณ์ตาม ไม่ต้องมาสร้างอารมณ์เอาเอง หรืองง งวย เขาแต่งภาษาอะไรกัน ภาษาวิบัติหรือเปล่า
และเห็นไหม ตอนเขาต่อตอนท้ายของพี่สุ เขาก็คิดเหมือนพี่นั่นแหละ จะผิดหวัง หรือสมหวัง ก็แล้วแต่ มันไม่ไพเราะเหมือนที่เราเขียนเอา หวานจนเค็มอยากอาเจียน( คริ คริ ผู้ชายแพ้ท้องแล้ว )
เขาว่าเกิดเป็นคน มีทั้งคนดีและคนเลว จะขึ้นนรกตกสวรรค์ชั้น 7 ก็ช่างหัวมัน แล้วแต่จะทำ ไม่ว่ากัน เพียงแต่ว่า ให้คิดถึง (หนึ่งอนันต์)ใครคนหนึ่งที่เคยเป็นหนึ่งในดวงใจกว่าสิ่งใด เมื่อก่อนบ้าง (อย่าควงให้เห็น อย่าทำร้ายใจกัน) ดูแลกันนะถ้าว่าเคยรักกัน
โอย! พี่น้องกอขา งานเข้า แย่เลย ตะแนว แปวววววววว
เป็นนิทาน เหมือนของน้องกอ ได้ไหมเอ่ย
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า อย่าเขียนให้คนอื่นแปลยาก ตะแนว แปววววว
พี่สุก็เหมือนโกหก น้องกอเนาะ คนอะไร ถามหาเรื่องอดีต ที่เขาเขียนผ่านมาแล้ว ตามไม่ทันซักที ตีก้นดีไหม เฮ่อกลุ้มใจ น้องตามไม่ทัน
โอ้โห พี่สุ
อิอิ
ปู้ดป้าดดดดดดดดดดดดดดด
ได้อ่าน..นิทานของหิ่งห้อย..พร้อมฟังเพลงไปด้วย.ของน้องสุดสายป่าน..เพลิน..เกือบหลับ..เลย..น้อง..เก่งจังเลย..พี่ต้องการใส่เพลงบ้างทำอย่างไร..ครับ
อิอิ กอสอนให้พี่ ๆ หลายคนแล้วค่ะ
แงแง
เดี๋ยวก่อนน่ะค่ะ ไปลอกมาดีกว่า
อยู่ที่ไหนบ้างหนอ
หวัดดีพี่กอป่าน พาเจ้ากระดิ่งมาเยี่ยมครับ ขอบคุณที่เข้าไปทักทายกันเสมอ ๆ ครับ
ชอบน้องมดมาก ๆ ค่ะ
ก้างกุ้ง อิอิ
มาชม
ทายทัก
แบบสบาย ๆ นะครับ
ชมว่าไงค่ะ แล้วทายว่าอะไรเอ๋ย
อิอิ สบาย ๆ ค่ะอาจารย์ยูมิ
มาเยี่ยมบ้าน..คนใจดีคร๊าบบ...อิอิ
สวัสดีค่ะคุณตาติ๊ก
บางครั้งก็ใจเสียน่ะค่ะ...อิอิ...ใจเสีย เสียใจค่ะ
ขอบคุณน่ะค่ะ
แอบมาทักทายจ้ะ
สบายดีนะคะ
(^__^)
พี่คนไม่มีรากเก่ง
สร้างสรรค์ มันส์ตลอดน่ะค่ะ
สู้ ๆค่ะ
ก็อก ก็อก ทำไมหายไปนานจังเลย
พี่สุค่ะ ไม่ได้ทำไมด์ค่ะ ทำตุ๊กตาค่ะ
ไปว่างได้เข้ามาเลย ช่วงนี้กำลังเรียนรู้งานที่ทำงาน และทำตุ๊กตาอีก
ทำไมมันยุ่งจังเลยก็ไม่รู้ค่ะ แหะแหะ
สวัสดีครับ ความคิดเห็นเรื่องยักษ์ กะ ควาย พูดถึงก็ได้แง่คิดที่ดี แห่งธรรม แต่ไม่เคยเห็นยักษ์ตัวจริงๆ แต่การที่พระพุทธองค์ท่านมาโปรดจริงดังว่า แสดงว่ายักษ์ยังปราณีตมนุษย์ เพราะเชื่อในพระบารมีพระพุทธองค์ ยักษ์ ถือได้ 4 ข้อ ถือว่าก้อใช่ได้ ต้องมองมุมกลับว่า มนุษย์ เราทุกวันนี้ ถือศีล 5 ได้กี่ข้อ มีบ้างไหม อาราธนาศีลได้หรือเปล่า และต้องตอบให้ได้ก่อนว่าโลกนี้มีผีหรือเปล่า
และความเชื่อ คือความเชื่อ เหมือนหมอรักษาคนไข้
ขอบคุณคุณรักษ์ค่ะ สำหรับเม้น