ระยะนี้ระบบราชการมีระบบรักษาก่อน จ่ายทีหลังค่อนค่างมาก บางระบบจะต้องอาศัยเจ้าหน้าที่เราใส่ข้อมูล ทางสถาบันต้องฝึกคนมาทำงานไอที รู้ระบบลงโค้ด ทั้งนี้ต้องอาศัยพยาบาลลงข้อมูลให้สมบูรณ์ งานDRGรวบรวมและตรวจสอบ บางโรคเราสามารถเก็บส่วนเกิน มีบางช่วงเราสื่อสารกันไม่ชัดเจนทำให้สถาบันเบิกเงินแห้งไม่ครบ แต่โชคดีที่เรารู้ตัวและกำลังแก้ไขค่ะ ขอความกรุณาพวกเราใส่ใจในการเติมข้อมูลให้สมบูรณ์เพื่อพวกเราจะได้มีเงินใช้จ่ายในการบริการผู้ป่วยค่ะ
จากการไปดูงาน IT จากหลายโรงพยาบาล จะเห็นได้ว่า การลงบันทึกข้อมูลต่าง ๆ ใน Program นั้นต้องอาศัยความร่วมมือจากเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย ส่วนเรื่อง DRG จะเน้นในเรื่องของการวินิจฉัยโรค (แพทย์) กิจกรรมการพยาบาลที่ได้ทำไป (พยาบาล)แล้วเพื่อจะได้คิดเป็นเงินให้หมด การตรวจสอบสิทธิ (น้อง DRG หรืองานสถิติ) ถ้าจะประยุกต์ประสบการณ์ทั้งหลายที่เราไปดูกันมาให้เกิดประโยชน์มากที่สุด (บางที่มีดีบางอย่าง มีจุดด้อยบางอย่าง) เราก็เลือกสิ่งดี ๆมาใช้ เช่นการลงข้อมูลในเชิงรุก โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง จำชื่อไม่ได้ เค้าจ้างเจ้าหน้าที่ระดับ ป.ตรี (4 คน) ทำหน้าที่ลงข้อมูลใน DRG ตรวจสอบสิทธิ และลงข้อมูลของกิจกรรมพยาบาลทุกอย่างที่เป็นเงินเป็นทอง ทุกวัน และ UPDate ด้วย ไม่ต้องมานั่งเสียใจเวลาเบิกเงินไม่ได้ และง่ายสำหรับการจำหน่ายด้วย คือพยาบาลไม่ต้องมานั่งบวกเลข กดคลิกเดียว ออกมาหมดเลย
มีหลายคนที่ไปดูงาน IT อาจจะมีข้อเสนอดี ๆๆๆๆ มากมาย แต่ไม่กล้าก็ได้ และอยากให้ทบทวนกิจกรรมที่เรากำลังทำอยู่ ว่าเสียกำลังคนในการลง DRG มากไปไหม ถ้ารุกมากกว่านี้จะดีมาก
อย่าลืมว่า เป้าหมายของพวกเราอยู่ที่คนไข้ (แต่ต้องดูด้วยว่าต้นทุนต้องน้อย แต่คุณภาพต้องดีเยี่ยม ภายในบรรยากาศองค์กรที่ดี)
เรื่องการเรียกเก็บเงินค่ารักษาในระบบ DRG เท่าที่พอทราบมาว่าเงินหายไปประมาณ 2 ล้านนั้น จริงๆแล้วเกิดความผิดพลาดนิดหน่อยจากการ key ข้อมูลในโปรแกรมที่ส่งเรียกเก็บเงินจากกรมบัญชีกลาง ที่เจ้าหน้าที่ ผู้ keyไม่ทราบว่าผู้ป่วยเป็นโรคค่าใช้จ่ายสูงหรือโรคเรื้อรัง จึงไม่ได้ติ๊กลงในโปรแกรม เพราะการจ่ายเงินคืน Rate จะไม่เท่ากัน จึงทำให้รายได้ส่วนนี้หายไป น่าจะเน้นตรงส่วนเจ้าหน้าที่การเงินที่รับผิดชอบในการลงข้อมูลให้ถูกต้อง เพราะปัจจุบันเจ้าหน้าที่ของ DRG ก็ตรวจสอบให้อยู่แล้ว เพียงแต่อาจจะผิดพลาดตรงที่คิดว่าน้องที่ key ข้อมูลเข้าใจเรื่องโรคค่าใช้จ่ายสูงและโรคเรื้อรังแล้ว คงต้องสื่อสารให้เข้าใจตรงกัน ส่วนการ Input ข้อมูลในส่วนอื่นๆ นั้นก็ควรทำเป็นระบบเครือข่าย ตามโปรแกรม HOMC ที่เป็นฐานข้อมูลกลางของสถาบัน ให้ถูกต้องและช่วยกันตรวจสอบในส่วนพื้นฐานของตนเองก็พอแล้ว คิดว่าถ้าทำได้ระบบ IT จะใช้ประโยชน์ได้คุ้มค่า
การบันทึกข้อมูลเป็นพื้นฐานเศรษฐกิจพอเพียง
เป็นวิธีการที่ดี แรกๆ ก็จดทุกอย่างค่ะ แต่พอนานๆ ไป ความขี้เกียจมาเยือนจึงเลิกจดไปโดยปริยาย
ขอบคุณที่มาช่วยให้แนวคิดและการปฏิบัติจริงค่ะ ดิฉันเองเคยจดแล้วเลิกและมาเรื่มใหม่ ขณะนี้ก็เริ่มขี้เกียจอีกแล้วค่ะ
การจดทำให้เห็นข้อมูลและใช้เงินระวังขึ้นมากค่ะ