เปิดเทอมแล้วครับ เปิดเทอมคราวนี้เหมือนบทต่อไปของการทำงานของผม เพราะสัปดาห์ที่แล้วหลังจากจบงาน GotoKnow Forum #1 แล้ว UsableLabs ปิดทำการทั้งสัปดาห์ ทุกคนรวมทั้งผมและ อ.จัน ก็หยุดทำงาน ทำเฉพาะงานเบาๆ เฉพาะหน้าเท่านั้น เรามาเริ่มงานกันอีกทีเมื่อวานซึ่งเป็นวันเปิดเทอม
UsableLabs จะเริ่มทำงานเข้าจังหวะกับระบบของมหาวิทยาลัยมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะเทอมนี้เราจะเริ่มเข้าระบบ จากองค์กรไร้รูปไร้รอยอย่างที่ผ่านมา จะพัฒนาตัวเองเป็น “ศูนย์วิจัย” ของมหาวิทยาลัยภายในเทอมนี้ครับ
จบงาน GotoKnow Forum ซึ่งเป็นการครบรอบ 4 ปีของ GotoKnow ด้วยทำให้ผมมีโอกาสนั่งพักและเริ่มได้มีเวลาคิดอย่างสงบ
สี่ปีที่ผ่านมาเป็นเวลาที่ช่างรวดเร็วเหลือเกิน
แน่นอนว่าไม่ใช่เวลาแห่งความสุขเพียงอย่างเดียว แต่เป็นเวลาของความทุกข์เคล้าน้ำตาและหยาดเหงื่อ ที่มีรอยยิ้มและเสียงหัวเราะมาเป็นกำลังใจให้ทำงานต่อไป
เป็นสี่ปีของการได้ทำงานที่อยากทำ ทำแล้วมีความสุข
ตื่นเช้ามาทุกวันเป็นเช้าที่มีความหวัง ตื่นพร้อมกับความคิดว่าวันนี้จะได้ทำอะไรที่ได้เห็นรอยยิ้มของคนอื่นได้อีก
ที่ UsableLabs เราไม่มี “ลูกค้า” เรามีแต่ “ผู้ใช้” และเป้าหมายผลตอบแทนอันดับหนึ่งที่ทุกคนทำคือ “ความสุข”
จากสองคนที่ทำงานมาจากในแฟลตด้วยสายโทรศัพท์ที่ต่ออินเทอร์เน็ตได้เพียง 33.6K มาเป็น 15 คนที่มีห้องทำงานที่มีอุปกรณ์พร้อมให้เรา “ลุย” กันได้เต็มที่
จากนักกีฬาคู่ผสมจากพื้นที่สุดขอบจักรวาลมาเป็นทีมกีฬาขนาดใหญ่ที่พร้อมจะ “ลุย” เอาชนะปัญหาและความท้าทายของ Knowledge Divide และ Digital Divide ที่เราตั้งเป้าเอาไว้
ถ้าไม่มี GotoKnow ผมกับ อ.จัน คงไม่ได้อยู่ประเทศไทยแล้ว คงไป “ตายเอาดาบหน้า” ตามที่เราสองคนตัดสินใจเมื่อหลายปีที่แล้ว เหมือนเพื่อนๆ อีกหลายคนที่เรียนจบมาในรุ่นราวคราวเดียวกัน
ชีวิตเราสองคนคงไม่มีความสุขเช่นนี้เพราะคงต้องสู้ชีวิตไม่น้อยทีเดียว แม้อาจจะมีเงินมากมายกองรอบตัวเราสองคน
เชื่อเถอะว่าผมกับ อ.จัน สองคนรวมกันมีความสามารถในการหาเงินมากแค่ไหนก็ได้ที่เราต้องการ
ปัญหาคือเราไม่ต้องการ “เงิน”
เราต้องการ “ความสุข”
และไม่ใช่แค่เราสองคนเท่านั้นที่ต้องการความสุข คนทุกคนต้องการความสุข แต่หลายต่อหลายคนลืมไปว่าเขาต้องการอะไร
“เงินไม่เท่ากับความสุข และความสุขไม่เท่ากับเงิน”
ไม่ใช่ผมที่พูดประโยคนี้ หลายต่อหลายคนได้พูดไว้ แต่หลายต่อหลายคนเลือกที่จะละเลย
ความสุขเป็นสิ่งที่แปลกประหลาดในมุมมองของแนวคิดกระแสหลักในช่วงเวลาหนึ่งร้อยปีที่ผ่านมาของประวัติศาสตร์มนุษยชาติ
ผมพูดเล่นๆ กับใครต่อใครว่า ในอีกห้าร้อยปีหลังจากนี้ ช่วงนี้คือช่วงหนึ่งถึงสองร้อยปีที่เรากำลังมีชีวิตอยู่นี้จะถูกเรียกว่ายุคมืดครั้งที่สอง (The Dark Age II)
ผมคงไม่ได้อยู่พิสูจน์คำพูดนี้หรอกครับ ตอนนั้นคงได้ไปเกิดใหม่เป็นต้นสนริมทะเลหรือต้นจำปีป่าริมหน้าผาบนภูเขาสูงแล้ว
ความสุขไม่เท่ากับความสบายด้วย
ที่จริงแล้วความสุขเท่ากับความสบาย แต่ไม่เท่ากับความสบายในคำนิยามที่เรารู้จักกัน
จะเรียกว่า ความสุขเท่ากับความสบายใจ ก็คงได้ แต่ยังไม่ถูกเสียทีเดียว
เขาบอกว่าเรามีชีวิตอยู่เพื่อ “enjoy the next moment, whatever it is.”
อยู่เพื่อมีความสุขกับช่วงเวลาที่เกิดขึ้น ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นอะไร
ผมอ่านหนังสือ Conversations with God ด้วยความสนุก ไม่ใช่เพราะผมนับถือศาสนาคริสต์ ที่จริงแล้วผมไม่มีศาสนาเพราะผมเลือกที่จะนับถือทุกศาสนา
เขาว่า สิ่งที่เกิดขึ้นกับชีวิตเราในทุกวินาทีต่อไปคือโอกาสในการแสวงหาความสุข เพียงแค่เราเปิดใจรับโอกาสนั้น
เป็น God’s will หรือความต้องการของพระผู้เป็นเจ้า
หากเรากล้าพอที่จะเดินไปในหนทางของพระองค์
“expect the unexpected”
คาดหวังสิ่งที่ไม่คาดหวัง คาดคิดในสิ่งที่ไม่คาดคิด
ถ้าสวรรค์มีจริง ผู้คนในสวรรค์ไม่ได้อยู่กันอย่างสบายตามคำนิยามของความสบายทางโลกแน่ๆ แต่สวรรค์คงจะเป็นพื้นที่ที่วุ่นวายด้วยงานหนักมากทีเดียว
สวรรค์ที่ผู้อยู่ในนั้นถูกบำรุงบำเรอด้วยความสุขสบายทางกายของตัวไม่น่าจะใช่สวรรค์
จะเป็นไปได้อย่างไรว่าการทำ “บุญ” เพื่อให้ได้ “บุญ” กลับมาเหมือนเป็นรายการซื้อขายทางธุรกิจ เสมือนว่า “บุญ” เป็นสินทรัพย์ประเภทหนึ่ง ทำไปสิบบาทได้กลับมาร้อยบาท มีกำไรคำนวนเป็นตัวเลขได้
แนวคิดแบบนั้นขัดแย้งในตัวเอง ภาษาอังกฤษเรียกว่า oxymoron ฟังแล้วไม่ logical ไม่เป็นเหตุเป็นผล
แต่ด้วยสวรรค์ที่ทุกคนทำงานเพื่อ “ความสุข” สวรรค์มีจริงและเห็นได้ในหลายที่รอบตัวพวกเราทุกคน สัมผัสได้ด้วยประสาททั้งห้าของเราที่มีมาโดยธรรมชาตินี่เอง ไม่ต้องฝึกฝนเพื่อสร้างประสาทสัมผัสที่เกินจากนั้นเลย
สวรรค์ไม่ได้อยู่ไกลและทุกคนมีสิทธิ์ไปสวรรค์
เราทุกคน “เลือก” ที่จะไปหรือไม่ไปสวรรค์ต่างหาก
“The choice is yours.”
สิทธิ์ในการเลือกเป็นของเราเอง และคนตัดสินใจเลือกคือเราเองเท่านั้น
เก้าโมงเช้าแล้ว ผมขออาบน้ำแต่งตัวไปสวรรค์ก่อนนะครับ
สวัสดีค่ะอาจารย์
Don't work be happy...อิอิ
ความสุข แน่นอนค่ะ แต่ละคนให้คุณค่าไม่เหมือนกัน
ยินดีกับประเทศไทยที่ยังสามารถมีอาจารย์ทั้งสองเป็นพลังให้แผ่นดิน ได้ช่วยกันทำงานเต็มที่ Gotoknow เป็นสิ่งที่สร้างรากฐานให้ชีวิตอาจารย์ดึงดูดให้อาจารย์คงอยู่กับเราพอๆกับได้สร้างคุณประโยชน์มหาศาลในการสร้างเครือข่ายความรู้ ความดีที่เกิดขึ้นให้แผ่ขยายไปทุกทิศ
พี่พอทราบว่าความสุขของอาจารย์มาจากไหนค่ะ
ขอบคุณ Gotoknow ขอบคุณอาจารย์ธวัชชัย อาจารย์จันทวรรณ และน้องๆทีมงาน Usablelabs ทุกคนค่ะ
นิยามความสุขของมนุษย์ไม่เหมือนกัน
บางคนได้เห็นเงินเก็บเยอะๆ มีรายได้เยอะ จึงจะมีความสุข แต่กับบางคนมีเงินเยอะกลับไม่มีความสุข และบางคนก็มีความสุขโดยไม่ต้องมีเงิน
ความสุขอยู่ที่ใจ อยู่ที่เราเลือกจะเป็น
เงินไม่ใช่พระเจ้า แต่คนของพระเจ้าต้องใช้เงิน อิอิ
เมื่อทำงานด้วยใจ อย่างมีความสุข เวลามักจะผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ดีใจที่ ม.อ.มีบุคคลคุณภาพแบบอาจารย์
ขอให้อาจารย์และทีมมีความสุขอยู่ในสวรรค์บนดิน
หมอจันทร์
ได้รู้แนวคิดอาจารย์จากการบันทึก จากการได้พูดคุยและจากบันทึกนี้ ทำให้รู้สึกดีใจ ประทับใจที่มีคนดี คิดดีและทำดี.แบบอาจารย์ทั้งสองคนและทีมงานด้วยที่เป็นหนุ่มสาวที่มีพลัง
โชคดีของประเทศไทย
มาให้กำลังใจครับ
อ่านไป ก็พิเคราะห์ตามไปว่า แนวคิดของอาจารย์น่าจะจัดเข้าสำนักปรัชญาใด...
เจริญพร
Come to me, all you that labor and are heavy laden, and I will give you rest.
อย่างที่หลายคนชอบพูดว่า RIP เข้าใจว่า rest ในที่นี้หมายถึงพักผ่อนนอนหลับถาวร หรือพ้นจากหน้าที่ทั้งปวง อันนั้นมันเป็นข้อจำกัดในการรับรู้ของมนุษย์ค่ะ ด้วยประสบการณ์ในโลกนี้ก็เข้าใจว่าพักคือไม่ทำงาน ซึ่งการพักในสวรรค์อาจจะต่างออกไป การพักอาจจะเป็นการทำงานในอย่างมีความสุขก็เป็นได้ และงานในความหมาย ณ ที่นั่นก็อาจจะไม่ใช่งานตามความหมายของโลกนี้ก็เป็นได้ คือเกินกว่าที่มุนษย์จะเข้าใจและจินตนาการถึงค่ะ
ตามน้องซานเข้ามา
บันทึกของอาจารย์แรงเสมอ.. แรงบันดาลใจ นะครับ
สรุปแล้วงานเบาต้องลงนรกนะครับ ฮา มีความสุขครับ
สวัสดีค่ะ อาจารย์
สำหรับอาจารย์ สวรรค์ คงอยู่ทุกที่สินะคะ ^^
ขอบคุณทุกท่านมากสำหรับความคิดเห็นครับ