ระหว่างพิมพ์บันทึกเรื่อง ยอมรับ เรียนรู้ และเข้าใจ ฉันก็ปิ๊งว่า ที่แท้พฤติกรรมการใคร่ครวญจนรู้ว่าภายในใจมีคลื่นที่เปลี่ยนไปในระหว่างเจอโจทย์ถึงสามโจทย์ในภาคเช้า คือ วิธีเพ่งสติที่ถูกจริตกับตัวเอง ด้วยเป็นการเพ่งสติที่ฉันไม่ต้องใช้ความพยายามอะไร เมื่อไม่ต้องพยายามฉันก็นิ่งได้โดยไม่ต้องฝืน
การนิ่งเกิดขึ้นระหว่างการใคร่ครวญ สมาธิเกิดขึ้นจากการใคร่ครวญ สติและสมาธิที่เกิดขึ้นทำให้ฉันรู้เท่าทันใจตนว่ามีการเปลี่ยนแปลงอยู่อย่างไร เป็นอย่างไรไป คำตอบของโจทย์หลักที่อยู่ข้างในตัวตนโผล่ออกมาให้รับรู้เองโดยไม่ต้องใช้ความคิดเค้นมันออกมา ได้ยินเสียงทั้งๆที่จริงๆไม่มีเสียงพูดอะไรออกมา
ฉันเพิ่งเข้าใจว่า การฟังอย่างใคร่ครวญไม่ใช่สิ่งเดียวกันกับการฟังอย่างมีสติ การเพ่งสติที่ไม่ต้องพยายาม เกิดสติง่ายกว่าเยอะเลย การฟังอย่างลึกซึ้งมันคืออะไร การฟังที่ลึกขึ้นให้ผลทำให้เข้าใจตัวเอง การฟังอย่างลึกขึ้นทำให้เกิดสมาธิอย่างง่ายดาย การฟังอย่างไม่มีคำตัดสินเกิดขึ้นก่อนหรือระหว่างการฟังทำให้การฟังอย่างลึกเกิดขึ้นง่ายกว่าการตั้งใจฟัง การตั้งใจฟังนั้นก็มีคำตัดสินเกิดขึ้นแล้ว การฟังอย่างลึกเกิดไม่ง่ายและเกิดไม่ได้หากไม่ฝึกตน ให้ช้าลงๆ
ประสบการณ์ที่ผ่านทำให้เรียนรู้ว่า ตั้งแต่เติบใหญ่ขึ้นมา ความเป็นผู้ใหญ่นะแหละที่ไปขัดขวางการฟังไม่ให้ถึงระดับการฟังอย่างลึกซึ้ง
สัญญาที่สะสมมามากมายของผู้ใหญ่เป็นอุปสรรคตัวสำคัญที่ถ่วงให้การฟังไปสู่การฟังอย่างลึกซึ้งที่ต้องการไม่ได้
การฝึกการฟังใหม่ของผู้ใหญ่จะว่าง่ายก็ง่าย จะว่ายากก็ยาก การฝึกฟังใหม่จะตรงทางหรือหลงทางผู้ใหญ่ควรมีธงนำเพื่อใช้เป็นหางเสือเตือนตน คำข้างล่างที่รวบรวมไว้ใช้เป็นหางเสือเตือนตนได้นะ
Keywords :
อุปสรรคสำคัญที่พึงระวังและควรรู้จักเพื่อเตือนตนให้รู้เท่าทันในการฟังคือ “ความคุ้นชินกับการพิพากษาสิ่งที่ได้ยิน” ซึ่งในภาษาของคนถิ่นฉันมักจะเอ่ยคำว่า "เอาอีกแล้ว" "เอาหลาวแล้ว" หรือแอบมาในรูปของคำอุทานว่า "ฮึ" นะรู้จักมั๊ย
จำไว้เลยนะคำพวกนี้ จำไว้เตือนสติว่าคำเหล่านี้จะถ่วงให้การฟังอย่างลึกเกิดขึ้นไม่ได้ แล้วเมื่อนั้นจะตกบ่วงอารมณ์ ตกร่องอารมณ์ได้นะ
สวัสดีค่ะคุณหมอเจ๊ คนสวย มาเรียนรู้การฟังที่มีประสิทธิภาพค่ะด้วยคนค่ะ