หน่วยสนับสนุน KM ด้านการศึกษา
วิจารณ์ พานิช
ผมได้บันทึกเรื่องท่านปลัดกระทรวงศึกษาธิการเลี้ยงอาหารเที่ยงไว้เมื่อวันที่ 26 มิ.ย.48 เนื่องจากท่านต้องการให้ สคส. ช่วยผลักดันให้สถาบันพัฒนาผู้บริหารการศึกษาปรับเปลี่ยนบทบาท ทั้งนี้โดยคำแนะนำของ
ศ. สุมน อมรวิวัฒน์ ประธานที่ปรึกษาของสถาบันพัฒนาผู้บริหารการศึกษา
วันนี้ (16 มิ.ย.48) ท่าน ผอ. สถาบันพัฒนาฯ คุณสันทัด สินธุพันธุ์ประทุม (โทร.01-806-8231, 034-321-285, 225-400-3) และท่านรอง ผอ. คุณสนธิรัก เทพเรณู (โทร. 01-742-5663) มาคุยกับ ดร. ประพนธ์และผม โดยมีคุณหญิง (นภินทร) เป็นผู้ประสานงาน
ท่าน ผอ. สันทัด (ซ้าย) และ ท่านรอง ผอ. สนธิรัก
หลังจากคุยกันเกือบชั่วโมง เราก็ถึงคราวตื่นเต้นสุด ๆ เพราะท่าน ผอ. บอกว่าสถาบันพัฒนาฯ ต้องการเปลี่ยนบทบาทไปทำหน้าที่เหมือน สคส. นี่แหละ แต่พุ่งเป้าไปที่ด้านการศึกษา
“สถาบันส่งเสริมการจัดการความรู้เพื่อการศึกษา”
ผมตั้งชื่อให้ด้วยความตื่นเต้นครับ ตื่นเต้นว่าถ้าช่วยกันทำได้จริงจะเป็นประโยชน์ต่อบ้านเมืองของเราอย่างใหญ่หลวง
เราคุยกันเรื่อง
เป้าหมายในการทำ KM ของสถาบันพัฒนาฯ ซึ่งผมสรุปได้ 4 ประการ
1. เพื่อพัฒนาองค์กรไปเป็น “สถาบันส่งเสริมการจัดการความรู้เพื่อการศึกษา” และเป็นองค์กรเรียนรู้
2. เพื่อเปลี่ยนวัฒนธรรมการทำงานขององค์กร ให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ข้อ 1
3. เพื่อเปลี่ยนวิธีทำงาน
- จาก training เป็น learning
- สู่ภารกิจ “Go beyond” ที่ท่าน ผอ. พูดย้ำหลายครั้ง
- สร้างเครือข่ายนวัตกรรมการศึกษา/การเรียนรู้
- ต่อยอดนวัตกรรม
4. เพื่อพัฒนาบุคลากร เน้นให้เป็นบุคคลเรียนรู้
เมื่อเป้าหมายชัด เราก็คุยกันเรื่อง
ยุทธศาสตร์เพื่อบรรลุเป้าหมายนั้น ผมสรุปยุทธศาสตร์ได้
เป็น 4 ประการ
1. ทำไป – เรียนไป
2. เรียนรู้ร่วมกับครู, โรงเรียน, และเขตพื้นที่
3. เรียนรู้จากการปฏิบัติของครู, โรงเรียน, และเขตพื้นที่
4. สร้าง “คุณอำนวย” เพื่อให้มีทักษะ 2 ด้านใหญ่ ๆ
- ทักษะ KM
- ทักษะเสริม
- storytelling
- วิธีสกัด “ขุมความรู้”
- Dialogue
- Blog
ที่จริงสถาบันพัฒนาฯ มีแผนปฏิบัติด้าน KM อยู่แล้ว เพราะได้ว่าจ้างสถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ ให้เป็นที่ปรึกษาด้าน KM เป็นเวลา 8 เดือน เพื่อสร้างขีดความสามารถด้าน KM แก่บุคลากร 80 คนของสถาบันพัฒนาฯ และได้มีการบรรยาย & อบรมไปแล้ว โดยกำหนด desired state คือ “การมีฐานข้อมูลวิทยากร IT” ใช้โมเดล KM ของ Xerox
เท่ากับว่าสถาบันเพิ่มฯ จะทำหน้าที่สร้างทักษะ KM ให้แก่สถาบันพัฒนาฯ
เราจึงแนะนำให้สถาบันพัฒนาฯ ปรึกษากับสถาบันเพิ่มฯ เพื่อพัฒนาทักษะเสริม 4 ด้าน ตามที่ระบุข้างบน
เรานัดจะคุยหารือกัน 3 ฝ่ายคือ สถาบันพัฒนาฯ, สถาบันเพิ่มฯ, และ สคส. เพื่อหาทางช่วยกันหนุนให้สถาบันพัฒนาฯ ปรับตัวไปเป็น “สถาบันส่งเสริมการจัดการความรู้เพื่อการศึกษา” ให้ได้
หลังการประชุม ผมไตร่ตรองแล้วคิดว่ามีอีก 2 ประเด็นสำคัญคือ
1) การสร้างขีดความสามารถให้บุคลากรของสถาบันพัฒนาฯ สามารถทำงานได้ด้วยตนเอง ทั้งด้านคอมพิวเตอร์, เขียนบล็อก, ถ่ายภาพ, ถ่ายวีดีโอ, ติดต่อสื่อสารทางอินเตอร์เน็ต, การทำ presentation, การเป็นวิทยากร, การเป็น “คุณอำนวย”, การพิมพ์เอกสาร, ฯลฯ คือบุคลากรของสถาบันทุกระดับต้องมีทักษะหลายด้าน เพื่อทำงานคนเดียวได้อย่างน้อย 80 – 90%
2) การส่งคนมาเป็น “intern” อยู่ที่ สคส. เพื่อฝึก “วิทยายุทธ” ที่ สคส. มีและคิดว่าเป็นประโยชน์ต่อสถาบันพัฒนาฯ โดยต้องตกลงเงื่อนไขและเลือกคนอย่างพิถีพิถัน
วิจารณ์ พานิช
17 มิ.ย.48