ไม่กี่วันมานี้คุณเสนาะกับคุณทักษิณดูจะเป็นไม้เบื่อไม้เมากันอย่างออกหน้าออกตา
คุณทักษิณนั้นยังสงวนท่าทีอยู่บ้าง วาจายังลัดเลาะเลียบค่าย
แต่คุณเสนาะดูจะจงใจเพิ่มดีกรีและองศาการปะทะใกล้คุณทักษิณเข้าไปทุกขณะ
ประเภทที่ว่า แม้เด็กเริ่มประสีประสาทางการเมืองก็พอเดาออก ว่าคุณเสนาะกำลังพูดถึงใคร
บนเวทีการเมืองนั้น ว่ากันว่า "คนเจนเวที" มักตาถึง หรือดูออก ว่าสถานการณ์แต่ละช่วง
ควร "เล่น" กับ "คนจำนวนมาก" หรือ "เจ้าของคะแนนเสียงอย่างไร"
เมื่อ "รุ่นใหญ่" ขยับออกมา "ชนช้าง" บรรดาผู้สันทัดกรณีจึง "ตีความ" และ "คาดการณ์" กันยกใหญ่
ว่าจะต้องมี "ความเปลี่ยนแปลงทางการเมือง" อย่างนั้นอย่างนี้ตามมา
สื่อมวลชนก็จะโหมประโคม กระทั่งกลายเป็น "ประเด็นทางสังคม" ขึ้นมา
ยิ่ง "ผู้ใหญ่" มากเท่าใดพูด ก็ยิ่งเป็น "เรื่องใหญ่" มากเท่านั้น
วานนี้คุณเสนาะออกมาผรุสวาทคำใหญ่ๆ หลายคำ
วันนี้หนังสือพิมพ์การเมืองจึงสนุกกันใหญ่
เชื่อว่าหลังจากนี้ไป นักวิเคราะห์วิจารณ์ก็จะออกมาร่วมวงศ์ไพบูลย์
คุณเสนาะคงไม่เดือดเนื้อร้อนใจอะไรนัก เพราะดูจะปรารถนาเช่นนั้นอยู่แล้ว
ส่วนคุณทักษิณ ตราบใดที่ยังมั่นใจว่าตัวควบคุมสถานการณ์ได้
และประเมินแล้วว่า คุณเสนาะไม่มีปัญญาทำอะไรมากไปกว่านี้
ก็คงไม่ได้ต่อปากต่อคำโดยตรง
หรือ ออกมาปะทะคารมอะไรให้มากความ
ด้วยเหตุและปัจจัยที่ว่ามาข้างต้น ก็คล้ายกับว่าจะไม่มีอะไรมากมาย
ห้วงน้ำทางการเมืองก็คงแค่กระเพื่อมไหวนิดๆ หน่อยๆ พอเป็นสีสัน
แต่หากพินิจพิเคราะห์ด้วยมุมที่ "ไม่ใช่การเมือง" แล้ว
ปัญหาสำคัญคงอยู่ที่ว่า...
ระหว่างที่ "ผู้ใหญ่" ทั้งสองท่านกำลังเล่น "เกมแห่งอำนาจ" อยู่นั้น
ท่าน "ทิ้ง" หรือทำอะไร "หกเรี่ยราดรายทาง" ไว้บ้างมากกว่า...
เพราะความเป็น "ผู้ใหญ่" หรือ "ผู้มีวุฒิภาวะ"
น่าจะมีอะไรมากไปกว่า "อำนาจ", "เงิน" หรือ "ตำแหน่งแห่งที่" ทางการเมือง
ที่คนเหล่านั้นมีอยู่
และความเป็น "เด็ก" หรือ "ผู้เยาว์ในทางการเมือง" นั้น
ก็คงมิได้สรุปเพียงแค่ "อายุ" หรือ "คุณวุฒิ" เพียงประการเดียว
"ความรู้" และ "ความไม่รู้" กับสิ่งที่ "บางคน" ทางการเมือง "ขับถ่าย" ออกมา
จึงขึ้นอยู่กับ "การจัดการความรู้" ของ "ระบบ" และ
"ผู้รับสาร" หรือ "รับทราบข้อมูล" โดยแท้...