ลองคบกันดู อาจจะเรียนรู้และซึมซับสิ่งดีงามของกันและกัน หรือให้บทเรียนแก่กันไม่ว่าจะเป็นรูปแบบใดก็ตาม โดยไม่จำกัดว่าจะต้องเป็นเรื่องดี ๆ เสมอไป แม้เรื่องแย่ ๆ แต่ก็สะท้อนอะไรให้เราได้เข้าใจนิยามใหม่ ๆ เหมือนกัน
เราต่างพึ่งพาอาศัยกัน
เพราะหากมองไม่เห็นจุดอ่อน เราย่อมไม่รู้ว่ามีจุดแข็ง
หากมองไม่เห็นสิ่งที่เลวร้าย ก็ย่อมไม่รู้ว่ามีสิ่งดี ๆ ที่ต้องรักษาไว้
ในบันทึกนี้ จึงขอกล่าวถึงเรื่องราวความรักของเพื่อนศิลา
ช่วงหนึ่งของชีวิตเธอโชคดีมากค่ะ โชคดีที่มีคนรักที่แสนดี คบกันมาประมาณ 10 ปี ไม่มีเรื่องอะไรทำให้ขุ่นข้องหมองใจ …ในที่นี้ หมายถึงเรื่องที่ผู้หญิงมักจะกลัวที่สุด อันได้แก่ ความเจ้าชู้ รองลงมาก็น่าจะเป็นการพนัน และเมาสุรา ตามลำดับ
ทั้งสองคนไปไหนมาไหนด้วยกันเสมอ เป็นคู่รักปาท่องโก๋…เขาสองคนคบกันตั้งแต่เรียนจบใหม่ ๆ จนทำงานกันได้หลายปีทีเดียว…
Soulmate
ทุกครั้งที่เจอหน้าเธอ ก็จะเห็นใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มแห่ง
ความสุขสมหวัง…เราก็ชื่นใจ ซาบซึ้งไปกับเธอด้วย
ในที่สุดวันที่เธอรอคอยก็มาถึงค่ะ เธอได้แต่งงานใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันได้เกือบ 1 ปี และจากนั้นเธอก็วางแผนกันว่าจะไปฮันนีมูนที่แอฟริกาใต้
ผจญภัยร่วมกัน
ศิลาปลื้มใจแทนค่ะ…คู่รักฮันนีมูน ข้าวใหม่ปลามันไปเที่ยวผจญภัยในป่าแอฟริกาใต้ สุดที่จะคาดเดาความสุขหรรษาที่สุดของที่สุดในชีวิตคู่…เรารึก็อยากไปแบบนี้บ้าง ไม่มีโอกาสสักที
โชคชะตาพลิกผันค่ะ…ศิลาอาจจะรู้ข่าวช้าไป แต่ก็ทัน..ทันที่จะไปร่วมงาน…
ความไม่แน่นอนคือความแน่นอน
สามีของเพื่อนศิลาจากไปกระทันหันหลังจากเขาทั้งสองกลับมาจากแอฟริกาใต้ได้แค่สัปดาห์เดียว…ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากค่ะ ศิลาโทรไปแสดงความเสียใจกับเพื่อนก่อนที่จะไปร่วมงาน เธอเล่าเสียงเศร้าอย่างที่สุด ศิลาไม่เคยได้ยินเสียงที่เศร้าสร้อย เบาหวิวเหมือนสายลมเอื่อย ๆ หรือเหมือนคนกำลังหมดลมหายใจแบบนี้มาก่อน
เธอบอกว่าสามีเธอติดไข้หวัดจากแอฟริกาใต้…สายพันธุ์ที่แพทย์ผู้รักษาไม่ทราบมาก่อน ตอนแรกก็สันนิษฐานว่าเป็นไข้หวัดใหญ่ ไม่น่าจะมีอะไร แต่เพียงรู้ว่าเป็นไข้หวัด ได้ 3 วัน ก็จากไปอย่างรวดเร็วมาก และก็มารู้ทีหลังว่าเป็นไข้หวัดนำเข้าจากต่างประเทศ
ศิลาขอไม่ลงรายละเอียดของการวินิจฉัยโรคใด ๆ เพราะไม่รู้จริงเท่ากับเพื่อนของศิลา และอีกอย่างเรื่องนี้ก็ผ่านมาแล้ว ...เธอบอกว่าเป็นเรื่องของกรรม
เพื่อนของศิลาเล่าว่าระยะเวลาสั้น ๆ ที่อยู่ที่แอฟริกาใต้ เขามีความสุขมาก เพื่อนยังจดจำรอยยิ้มเปี่ยมสุขของสามีได้...และไม่รู้สึกเสียใจกับการไปเที่ยวดินแดินแห่งการผจญภัยที่ป่าแอฟริกาใต้
เธอลงท้ายคำพูดหนึ่งก่อนวางสายว่า…เรารู้แล้วล่ะ ว่าตอนที่เธอสูญเสียคุณพ่อคุณแม่ และอยู่แบบไม่มีใครเป็นอย่างไร คงทุกข์มากกว่าเราหลายเท่านัก…ศิลากล่าวในตอนนั้นกับเธอว่าความทุกข์ไม่ใช่เรื่องที่นำมาเปรียบเทียบกันได้ว่าใครทุกข์กว่ากัน ขอเพียงเราผ่านความทุกข์นี้ไปอย่างไรให้ได้ต่างหาก
หลังจากงานฌาปนกิจศพสามีของเธอผ่านไป เราก็ได้พูดคุยกัน เรื่องแรกก็คือความรู้เกี่ยวกับกฎหมายมรดก ศิลาก็ใช้ความรู้ที่มีแนะนำเธอไป ลงท้ายด้วยว่าหากทายาทตกลงกันได้ (เพื่อความสัมพันธ์ระยะยาว) ก็ไม่จำเป็นต้องพึ่งบารมีศาลหรอกนะคะ เห็นใจศาลด้วย ยังต้องพิจารณาอีกหลายคดี
เรื่องที่สองที่คุยกันก็คือเรื่องการสร้างพระ..เธออยากสร้างพระ…ศิลาไม่ตอบโดยตรงว่าส่งเสริมหรือไม่อย่างไร เพียงแนะนำว่าในเรื่องสร้างพระ แล้วแต่ค่ะ… เพียงขอให้เพื่อนไปปฏิบัติธรรมดูนะ จะได้มีแนวทางมาใช้ในการดำเนินชีวิตทุกลมหายใจที่มีอยู่นับจากนี้ไป
ผ่านไปหลายเดือน ศิลาก็ได้คุยกับเพื่อนอีก เธอลาเป็นเดือน เพื่อไปปฏิบัติธรรมที่ลำปางค่ะ…และก็ไปอีกหลาย ๆ แห่งตามแต่โอกาส … โดยเธอจะให้ความสำคัญกับการทำบุญและการปฏิบัติธรรมสำหรับชีวิตที่เหลืออยู่
ปัจจุบันนี้ ศิลาพบเธอครั้งใด เธอก็จะเต็มไปด้วยรอยยิ้มเช่นเดิม … เสมือนเมื่อเธอยังมีความรักที่สดใส หรือเสมือนว่าเธอยังมีเขาอยู่…หากว่าสังเกตแววตาเธอดี ๆ จะเปลี่ยนแปลงไป…มันไม่ใช่ความสุขของคนที่มีความรักเหมือนที่ผ่านมา แต่เป็นความสุขของผู้ที่มองเห็นธรรมชาติแห่งชีวิตและสัมผัสการเรียนรู้ทุกข์เพื่อเข้าถึงธรรม
เวลาที่เราชอบพอ หรือรักใครสักคน ไม่ว่าจะในฐานะอะไร ไม่ได้นานนักหนาอะไร…
ในเมื่อมีโอกาสได้ผ่านมารู้จักกันแล้ว ลองทักทายและสร้างสัมพันธ์กันดู
การทักทาย ก็เพื่อเคารพการมีตัวตน
อาจจะมีสิ่งต่าง ๆ มากมายหลากหลายให้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกัน ไม่ว่าสิ่งนั้นจะดีหรือเลว…ขอเพียงแค่ต่างฝ่ายต่างยอมเปิดประตูเข้าหากันก็พอแล้ว…ด้วยเชื่อว่าเราต่างมีภูมิคุ้มกันแห่งความดีพอสมควรที่จะหันหน้าเข้าหากัน…
ยิ่งไปกว่านั้น ก็คือการมองเห็นและเข้าถึงธรรมชาติ...เพราะ
เวลาแห่งมิตรภาพและเข้าถึงธรรมชาตินั้นมีน้อยเหลือเกิน ควรใช้เวลานั้นให้คุ้มค่า
------------------------
ขอบพระคุณเพลงประกอบ series เกาหลีเรื่อง Full House โดย Ost.
สวัสดีคะคุณศิลา
ขอแสดงความเสียใจกับเพื่อนคุณศิลาด้วยคะ
มิตรภาพเป็นสิ่งที่ดี การได้รู้จักใครสักคนเป็นบุญวานาที่ได้พบกันคะ
มาอ่านเรื่องเศร้าค่ะ เสียใจกับเพื่อนคุณศิลาด้วยนะคะ
ภาพประกอบจากธรรมชาติสวยมากๆ เลยค่ะ เป็นชีวิตที่มีทั้งเกื้อกูลและแข่งขัน แย่งชิงกัน ก็คือชีวิตของชีวิตจริงๆ นะคะ
สวัสดีค่ะ
อ่านไปขนลุกไป...
ข่าวเศร้าๆที่หลีกหนีไม่พ้น...
เสียใจกับเพื่อนคุณศิลาด้วยนะคะ
สวัสดีค่ะ
สวัสดีค่ะคุณศิลา
คุณศิลาสบายดีนะคะ...
เรื่องเศร้าจังเลยค่ะ...ขอเป็นกำลังใจให้เพื่อนคุณศิลาด้วยนะคะ
และขอขอบคุณ..สำหรับเรื่องราวที่ทำให้รู้ซึ้งถึง..ความไม่แน่นอนของชีวิต
เวลาแห่งมิตรภาพและเข้าถึงธรรมชาตินั้นมีน้อยเหลือเกิน ควรใช้เวลานั้นให้คุ้มค่า
เมื่อเช้าฟังธรรมะของท่านพระมหาวุฒิชัย (ทางทีวีช่อง 7)ท่านสอนว่า การปฏิบัติธรรม คือการแฝงตัวอยู่กับธรรมชาติตามความเป็นจริง โดยไม่ทุกข์
ขอให้คุณศิลามีความสุขทุกวันนะคะ..
ระลึกถึงเสมอค่ะ
เป็นข่าวเศร้าที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว..ไม่ทันตั้งตัวนะคะ..สงสารเพื่อนคุณศิลาจัง
แต่ก็ยังมีกำลังใจที่ดีมากมายที่ต่อสู้ชีวิตต่อไป..
ขอให้มีความสุขมากมากนะคะคุณศิลา
เวลาแห่งมิตรภาพและเข้าถึงธรรมชาตินั้นมีน้อยเหลือเกิน ควรใช้เวลานั้นให้คุ้มค่า
อ่านอย่างละเอียดค่ะ เคร้า แต่ก็ถูกใจกับข้อความข้างบนมากค่ะ
"ภาพประกอบจากธรรมชาติสวยมากๆ เลยค่ะ เป็นชีวิตที่มีทั้งเกื้อกูลและแข่งขัน แย่งชิงกัน ก็คือชีวิตของชีวิตจริงๆ... "
สวัสดีครับ พี่ศิลาฯ
เขียนเรื่องเศร้าๆ ได้อย่างโศกซึ้ง และสวยงาม
แถมยังแฝงด้วยแง่คิด และมุมมองต่อชีวิต
...
อ่านจบแล้ว ได้ข้อสรุป ที่ตัวเองยังทำไม่ได้ แต่คิดได้ว่า
"เมื่อรู้ทุกข์ เห็นทุกข์ สุขก็แจ้ง"
พยายามอยู่ครับ
ตอนนี้มันเห็น และหลงอยู่แต่กับสุขปลอมๆ ครับ
สวัสดีคะ น้องศิลา
อ่านเรื่องนี้แล้ว บอกไม่ถูกว่ามีความรู้สึกอย่างไรคะ มีความสุข มีความคาดไม่ถึง มีแง่คิด และการใช้ชีวิตอย่างถุกต้อง และที่สำคัญคือการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันของเพื่อนมนุษย์ ร่วมโลกนี้ ที่งดงาม เช่นน้องศิลา และเพื่อน ที่ได้ประคับประคองความรู้สึกของกันและกัน
ขอบคุณน้องศิลามากคะ
ที่ทำให้ทุกคนที่ได้อ่านเรื่องนี้ อย่างน้อยก็มีสติในการใช้ชีวิตให้ผ่านความทุกข์ ที่อาจจะเกิดขึ้น
ความทุกข์ไม่ใช่เรื่องที่นำมาเปรียบเทียบกันได้ว่าใครทุกข์กว่ากัน ขอเพียงเราผ่านความทุกข์นี้ไปอย่างไรให้ได้ต่างหาก
สวัสดีค่ะพี่ Sila Phu-Chaya
คิดถึงจังเลย...
ขอบคุณมากคะพี่ศิลา...
อ่านแล้วรู้สึกดีจังคะ
เปิดประตูๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆช่ายไหมคะ
^_^ พี่ศิลาสบายดีนะคะ
เวลาแห่งมิตรภาพและเข้าถึงธรรมชาตินั้นมีน้อยเหลือเกิน ควรใช้เวลานั้นให้คุ้มค่า
เราเปลี่ยนแปลงธรรมชาติที่เกิดขึ้นกับเราไม่ได้เลย แต่เราเข้าถึงและยอมรับเขาได้ ขณะเดียวกันสิ่งที่เกิดขึ้นก็ทำให้เข้าใจว่าจะโกรธ เกลียด ชัง เฉย กันไปทำไม เวลาไม่ได้มากมายอะไร มิตรภาพนั้นไซร้สำคัญกว่า
สวัสดีครับอาจารย์ เห็นด้วยนะครับ ชีวิตคนเราสั้นนัก...
อ่านแล้วเศร้าค่ะ เป็นกำลังใจให้ผู้สูญเสีย เก็บความทรงจำดีดี ไว้ แม้เป็นช่วงเวลาระยะสั้น เขาอย่ในใจเราตลอดไปค่ะ
วันนี้เหนื่อยมากมาก..เปิดสำนักงานใหม่คะ..ยุ่งเชียว
แต่เหนื่อยก็ขอเข้ามาทักเพื่อนมิตรภาพที่แสนดีก่อนนะคะ
ราตรีสวัสดิ์คะ..ตั้งใจจะเข้านอนเร็วหน่อย
สวัสดี ครับ คุณ sila
มาช้า...ไปกับเรื่องเล่า ดี ดี
อ่าน 2 รอบ ทำไม ถึงเขียนเล่าเรื่องได้ดี อย่างไม่มี ที่ติ
อ่านแล้ว รู้สึกถึงอารมณ์ร่วมไปกับคุณ sila
ได้ สัจจธรรม นำกลับติดตัวไป
เราต่างพึ่งพาอาศัยกัน
เพราะหากมองไม่เห็นจุดอ่อน เราย่อมไม่รู้ว่ามีจุดแข็ง
หากมองไม่เห็นสิ่งที่เลวร้าย ก็ย่อมไม่รู้ว่ามีสิ่งดี ๆ ที่ต้องรักษาไว้
น้ำตาซึม ครับ
ขอร่วมเป็นส่วนหนึ่ง ของการสูญเสีย ครั้งนี้
และขอร่วมเป็นส่วนหนึ่ง...ของการได้....กลับคืนมา
ขอบพระคุณมาก ครับ คุณ sila
ระลึกถึงเสมอ
ผมออกจากระบบแล้ว
เห็นคุณ ทำบันทึกย่อ ๆ เอาไว้
เลยเข้ามาอีกรอบครับ
มาส่งยิ้มให้ ก่อนกลับบ้าน
ด้วยกาแฟ(อ่อน ๆ ) คุณภาพคับแก้ว ถ้วยนี้ ครับ
ส่วนผสมทั้งหมด ตั้งใจคัดมาอย่างดี
แค่ได้กลิ่น...คุณ sila ก็จะยิ้มแป้น....กับกลิ่นกาแฟถ้วยนี้ เลย ครับ
มีความสุข ในงานที่ทำ นะครับ
กลับก่อน นะครับ
จริงค่ะ คุณน้อยหน่า ช่วงเวลาแม้จะสั้น แต่อยู่ในใจเราตลอดไป
ศิลาเคยเจอผู้ใหญ่ท่านหนึ่งเพียงครั้งเดียว แต่ก็จำได้ไม่ลืม บางครั้งไม่ได้อยู่ที่เวลาที่เราคบกันหรือเจอกัน แต่อยู่ที่ว่าเราทำอะไรให้แก่กันบ้างในช่วงเวลาสั้น ๆ นั้น
ตามดูไม่ทันเลย งานยุ่งมากมาทักทายก่อนนะครับ
สวัสดีค่ะคุณศิลา
เคยเข้ามาอ่านเร็ว ๆ ไปแล้วครั้งหนึ่งค่ะ แต่ยังไม่ได้คอมเม้นท์ วันนี้พอมีเวลา ...
คนไม่มีรากเชื่อเสมอว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น ไม่มีคำว่า "บังเอิญ" แต่เกิดขึ้นเพื่อ "แสดง" บางสิ่งบางอย่าง ให้เกิดการเรียนรู้ ...และเราจะเติบโตจากเหตุนั้น...คนไม่มีรากอ่านเรื่องของเพื่อนคุณศิลาแล้ว ไม่เศร้าเหมือนที่บางคนรู้สึก แต่กลับรู้สึกว่า เธอมีเหตุปัจจัยที่ผลักดันให้มาพบกับ...ธรรมะ...ปัจจุบันนี้ ศิลาพบเธอครั้งใด เธอก็จะเต็มไปด้วยรอยยิ้มเช่นเดิม … เสมือนเมื่อเธอยังมีความรักที่สดใส หรือเสมือนว่าเธอยังมีเขาอยู่…หากว่าสังเกตแววตาเธอดี ๆ จะเปลี่ยนแปลงไป…มันไม่ใช่ความสุขของคนที่มีความรักเหมือนที่ผ่านมา แต่เป็นความสุขของผู้ที่มองเห็นธรรมชาติแห่งชีวิตและสัมผัสการเรียนรู้ทุกข์เพื่อเข้าถึงธรรม
ขอบคุณข้อคิดดี ๆ จากคุณศิลานะคะ
ลืมบอกไปว่า ความสุขเกิดขึ้นทุกวันภายในใจเราเอง และเมื่อได้คุยกับกัลยาณมิตรค่ะ....ใจยิ้ม มันเลยยิ้มหน้าบานทั้งวัน...
(^__^)
เราต่างพึ่งพาอาศัยกัน
เพราะหากมองไม่เห็นจุดอ่อน เราย่อมไม่รู้ว่ามีจุดแข็ง
หากมองไม่เห็นสิ่งที่เลวร้าย ก็ย่อมไม่รู้ว่ามีสิ่งดี ๆ ที่ต้องรักษาไว้
ความรู้สึกที่เขียนในขณะนั้น อยากบอกดัง ๆ ว่าทุกคนมีข้อดี ข้อด้อย เราสามารถเรียนรู้เพื่อสะท้อนซึ่งกันและกันได้ เพราะเชื่อว่าทุกคนมีพื้นฐานจิตใจที่ดี แต่อาจมีกลไกการปกป้องตนเองที่แตกต่างกันออกไป การเปิดรับโดยไม่มีเงื่อนไข สำหรับผู้ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมามาก น่าจะทำได้
แต่หากตัดความสัมพันธ์ดี ๆ ที่น่าจะมีต่อกัน เราคงพลาดโอกาสเรียนรู้อะไรที่แตกต่างหลากหลาย...และเวลาก็แสนสั้นนัก...
คุณแสงแห่งความดี เก็บแก่นแท้ของเรื่องได้เก่งจังค่ะ
ขอบพระคุณนะคะ สำหรับกาแฟร้อนและของว่าง เวลาทานตอนว่างจากงานยุ่ง ๆ ดูโรแมนติคดีค่ะ
ขอแสดงความเสียใจกับเพื่อนคุณศิลาที่สูญเสียคนรักไปค่ะ แต่ก็น่าดีใจที่เห็นรอยยิ้มเค้า กลับมาอีกครั้งค่ะ ... ด้วยเหตุที่เค้ามีเพื่อนที่รักและเข้าใจธรรมชาติแห่งชีวิตและสัมผัส การเรียนรู้ทุกข์เพื่อเข้าถึงธรรม น่ายกย่องค่ะ ..
ขอบคุณคุณศิลาที่แวะไปทักทายนะค่ะ ...
ดีใจที่คุณศิลาชอบรูปแบบการแต่งบล็อกค่ะ
เป็นความรักที่ซาบซึ้ง
๓ ปีแล้ว บันทึกยังไม่เก่าเท่าคนเลย ;)...
ป.ล. นางเอก Full House สเป๊กเลยเนี่ย
ตามมาอ่านต่อค่ะคุณ sila รู้สึกซาบซึ้งในความรักที่เค้ามีกันและกัน แล้วดูเหมือนว่ามันจะไม่มีใครมาแทนที่สามีที่จากเธอไปได้อีกแล้วนะคะ เป็นเรื่องที่น่ายินดีค่ะ ที่ผู้หญิงคนนี้ได้เห็นทุกข์ จนเข้าถึงธรรม เห็นหลายรายที่ได้พระธรรม คำสอน เป็นธรรมโอสถ เยียวยานอกจากเวลา ในเรื่องของการพลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รัก ถ้าหากคิดเล่นๆ ว่าเป็นตัวเราเอง ที่ประสพกับเรื่องแบบนี้ คงจะบวชชี อย่างนางปฐาจาราเป็นแน่ อิอิ