จำเหตุการณ์ได้แม่นยำว่าปิดโทรศัพท์มือถือหลังจากสังเกตว่ามีสัญลักษณ์ของนาฬิกาปลุกโชว์ที่
หน้าจอเครื่องโทรศัพท์เรียบร้อยแล้ว ในเวลา 02:05 น. และหลับตาเอนกายนอนด้วยความสบายใจ
ตื่นขึ้นมาหลังจากพักผ่อนนอนหลับ คิดว่าน่าจะใช้เวลาเพียงพอแล้วเพราะตื่นก่อนเสียงนาฬิกาปลุก
แบบนี้แสดงว่ามีเวลาเหลือเฟือที่จะอ้อยอิ่งแบบสบายๆ อาบน้ำ-แต่งกายเสร็จเรียบร้อยแล้วคว้ากระเป๋าเดินทางที่
แพ็คไว้พร้อมสรรพตั้งแต่เมื่อคืน หยิบนาฬิกาข้อมือมาสวม อ้าว….เฮ้ยยยยย …. นาฬิกามันรวนหรือไงเนี่ย
คว้านาฬิกาเรือนอื่นที่วางไว้ข้างๆ มาตรวจสอบเวลาอีกครั้งหนึ่ง เป็นไปไม่ได้…..รีบเปิดโทรศัพท์มือถือ
โอ้โฮ…Missed Call 4 ครั้ง จริงเหรอนี่อีก 10 นาทีเป็นเวลา 9 โมงเช้า แล้วทำไมไม่ได้ยินเสียงนาฬิกาปลุก
ไม่มีเวลามาสงสัยแล้ว เพราะเขานัดหมายลงทะเบียนและขึ้นรถที่โรงเรียนสารวิทยา เขตจตุจักรในเวลา
08:00- 08:30 น. รีบโทรฯติดต่อคุณรุจิราเพราะได้ยินมาว่าจะขับรถไปเอง เผื่อจะทันเวลา
* อ๋อ พี่ยังไม่ไปวันนี้หรอกค่ะ แต่ช่วงบ่ายโมงกว่าๆ รถของโรงเรียนสารวิทยาจะไปส่งอาสาสมัคร
ของเรา 3-4 คนที่พี่นัดมาประชุมที่นี่ ขึ้นรถมารอที่นี่แล้วกัน โทรฯบอกน้องปุ๊หรือยัง ไม่เป็นไรเดี๋ยวพี่โทรฯ
ติดต่อให้เองก็ได้
* พี่คุยกับน้องปุ๊แล้วเขาบอกต้องไปเลย เพราะช่วงบ่ายจะแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มตาม Section
แต่พี่นิตยา บอกว่าไม่เป็นไร ไปช่วงบ่ายได้เพราะรู้เรื่องอยู่แล้ว ตัดสินใจอย่างไรก็ตามใจก็แล้วกัน แต่เขา
บอกว่าไม่ได้แจ้งว่าจะไปกับคณะฯ นี่นา จะไปเองไม่ใช่เหรอ
รีบจับ Taxi ตามไปติดๆ ต้องกอบกู้ชื่อเสียงคืน พลาดไปได้ไง …แม่บ้านของ Mansion แสดง
น้ำใจจะไปเรียกรถ Taxi ให้ แต่เราปฏิเสธ เพราะต้องคุยต่อรองราคากันก่อนเนื่องจากระยะทางมันห่างไกล
ไปมากกว่าปกติ คนขับใช้ระบบมิเตอร์แต่ขอเงินเพิ่มเป็นค่าน้ำมันขากลับ 200 บาท ขึ้น Taxi เรียบร้อยแล้ว
รีบโทรศัพท์หาเพื่อนที่มาประชุมด้วย อันดับแรกก็กล่าวคำขอโทษก่อนบอกเล่าเรื่องราวให้เข้าใจ จากนั้นก็
หวนกลับมานึกทบทวนเหตุการณ์ตั้งแต่การแจ้งข้อมูลผ่านเครื่องโทรสาร อ๋อ….เข้าใจแล้วน้องน่ารักคนหนึ่ง
ช่วยดำเนินการให้ทั้งหมด สงสัยลืมเช็คเครื่องหมายเรื่องการเดินทางไป-กลับที่โรงแรม เราเพียงแค่บอกรายชื่อ
ผู้เข้าร่วมประชุมอย่างเดียว แต่เรื่องนาฬิกาปลุกนั่นล่ะ ทำไม?
เดินทางมาถึงโรงแรม The Royal Gems Lodge ก่อนคณะฯ โชคดีจัง ที่อย่างน้อยก็ไม่ทำให้เสียงาน
ขายหน้าเล็กน้อยพอประมาณ หลายคนแซวว่ามีรถและคนขับส่วนตัวก็ไม่บอกกันมั่ง แล้วขากลับกรุงเทพฯ
จะเรียกคนขับรถมารับหรือเปล่าจ๊ะ ปกติจะให้ความสำคัญกับเรื่องเวลานัดหมายจึงเป็นคนที่ค่อนข้างตรงเวลา
ยกเว้นมีอุบัติเหตุหรือเหตุสุดวิสัยแต่ก็ต้องโทรฯ บอกกล่าวก่อนเสมอๆ บางครั้งขับรถด้วยความเร็วถึง
160-170 กม./ ชั่วโมง (บางช่วงของถนนที่ไม่มีรถ) ยังนึกหวาดเสียวเหมือนกันว่าหากเกิดอะไรขึ้นคงไม่คุ้ม
กับการยอมผิดเวลา แต่เตือนตนเองได้เฉพาะยามที่เหตุการณ์มันผ่านพ้นไปแล้ว นี่คือนิสัยที่ไม่ควรทำตาม
แบบอย่าง ไม่ใช่แค่ตนเองที่เดือดร้อน อาจจะส่งผลให้ผู้อื่นเดือดร้อนไปด้วย เหมือนกับกรณีเมาแล้วขับที่
กลายเป็นโศกนาฏกรรม หากอยากจะเป็นคนตรงเวลาก็ควรจัดการเรื่องของตนให้ดี
กว่าจะได้คำตอบว่า…. ทำไมไม่ได้ยินเสียงนาฬิกาปลุกเวลาก็ล่วงเลยไปเกือบ 2 วัน เพราะเช้าวัน
อาทิตย์รอคอยฟังเสียงปลุกของนาฬิกาก็ไม่ได้ยิน แต่ก็ไม่มีเวลาได้คิดอะไรนานเพราะมีกิจกรรมอื่นๆที่สำคัญ
รออยู่ ช่วงเบรกบ่ายมีเวลาส่วนตัวสัก 2 นาที ย้อนรำลึกถึงเหตุการณ์ช่วงที่ไปหาซื้อโทรศัพท์เครื่องใหม่
เนื่องจากเครื่องเก่าที่เริ่มคุ้นชินกับระบบOption ที่มีให้ ถูกมือฉกชาวเกาหลีนแอ๊บไปพร้อม Bluetooth
จากกระเป๋าเดินทางในโรงแรมที่พัก กว่าจะรู้ตัวก็กลับมาประเทศไทยเสียแล้ว พนักงานขายคนนั้นน่ารัก
มากบริการดีเลิศตั้งระบบนั้น-ระบบนี้ให้เสร็จสรรพ
พี่จะตั้งนาฬิกาปลุกกี่โมงดีคะ ให้ปลุกทุกวันเวลาเดียวกันเลยดีไหมคะ แต่หนูว่ายกเว้นวันเสาร์-
วันอาทิตย์ดีกว่าไหมคะ
จ้ะได้จ้ะหนู…ดีจ้ะดีมากเลย…..
โถ๊…หนูจ๋า ยายลืมบอกไปว่าวันเสาร์-วันอาทิตย์ยายก็มีกิจกรรมที่ต้องทำด้วยจ้า
ไม่มีความเห็น