เมื่อไม่กี่วันมานี้ีรู้สึกเครียดกับสังคมในสถานศึกษา เมื่อทบทวนเหตุการณ์ที่ผ่านมานั้นกลับพบคำถาม หรือว่าเราเองนั้นไม่เหมาะที่จะทำงานในสถานศึกษาแห่งนี้ เพราะในความรู้สึกที่เกิดกับสถาบันแห่งนี้รู้สึกว่ายิ่งนับวันสังคมอันที่ เขาเรียกว่าอุดมศึกษา อุดมปัญญานั้น แท้จริงก็มิได้แตกต่างจากสังคมอื่น ๆเท่าใดนัก คงเพียงเพราะได้ชื่อว่าเป็นสถานศึกษา ผู้คนแบ่งชั้นแบ่งฝ่ายมีอุปนิสัยและการกระทำตัวเป็นเพียงแค่ผู้ที่อิงอาศัย เพื่อให้ได้ชื่อว่าเป็นผู้มีการศึกษาตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า
เรื่องมีอยู่ว่า ผมได้ไปติดต่องานที่ห้องทำงานห้องหนึ่ง และหน้าห้องดังกล่าวมีอาจารย์สาวนั่งคุยกับนักศึกษาอยู่หน้าห้อง จากนั้นผมได้ถอดรองเท้าไว้ในตู้วางรองเท้าซึ่งเป็นตู้ทึบ ผมเลือกที่จะถอดรองเท้าไว้ชั้นล่างสุดในคอลัมภ์ที่สาม และได้แลเห็นรองเท้าที่วางไว้หลายคู่ซึ่งมากกว่าจำนวนคนในห้องนั้น และพยายามองแล้วว่าช่องที่ผมจะวางรองเท้าดังกล่าวนั้นไม่มีรองเท้าวางอยู่ผม จึงตัดสินใจวางรองเท้านั้นในช่องดังกล่าว
ผมเข้าไปในห้องนั้นไม่ถึง 2 นาที ผมก็เดินออกมาจากห้องและสวมรองเท้าเดินไปทางสำนักงานเพื่อทำธุระต่อ จากนั้นก็เดินกลับมาทางเดิม กลับพบว่า ผมเองกำลังถูกนินทาต่อว่าลับหลังจากอาจารย์สาวและลูกศิษย์คู่นั้น
ไม่ได้ดูเล้ยว่ามีรองเท้าอยู่ .......ฉอด ๆๆๆๆ
อาจารย์สาวกับลูกศิษย์กำลังนินทาต่อว่าผมลับหลังอยู่ ผมเดินกลับมาทางเดิมได้ยินพอดี และแน่ใจว่าเขาว่าผม ผมจึงหยุดและพูดว่า
มีรองเท้าอยู่ในนั้นเหรอครับ ขอโทษทีครับ ผมไม่ทันมอง เลยไม่เห็น
และผมก็เดินจากไป
อาจารย์สาวกับลูกศิษย์นิ่งสักครู่ และก็ยังคงได้ยินเสียงพูดเช่นนั้นอีก
ไม่ได้ดูเล้ยว่ามีรองเท้าอยู่ .......ฉอด ๆๆๆๆ
ผมไม่ได้ว่าตัวเองไม่ผิดนะครับที่ดูไม่ดี คงด้วยความรีบร้อน
หากผมเห็นว่ามีรองเท้าอยู่ ผมจะเอารองเท้าผมเข้าไปวางทำไม?
แต่ผมไม่เข้าใจว่าทำไมไม่บอกผมในขณะที่ผมกระทำการดังกล่าวโดยหาได้มีเจตนาไม่ แต่กลับเลือกวิธีการนินทาต่อว่าลับหลัง อย่างเผ็ดร้อน
อาจารย์ สาวคงลืมตนว่าตนเองเป็นอาจารย์ การกระทำการเช่นนี้เสมือนหลงลืมสถานะภาพตนที่เป็นแม่พิมพ์ กลับส่งเสริมลูกศิษย์ตนในการสนองอารมณ์โดยตนก็ร่วมสนองด้วย มันถูกต้องหรือ?
แทนที่จะเป็นคนปรามมิให้นักศึกษากระทำ กลับส่งเสริมด้วยกายและวาจา
แล้วจะเอาอะไรสอนศิษย์เป็นคนดี
................................................
การ ศึกษา คืออะไร หลายคนต่างนิยามกันมากมายตามแต่จะคิด แต่สำหรับผมนั้น ผมชอบนิยามต่อจากนิยามของคนอื่นหรือจับเอาคำที่เขากล่าวอ้างมาวิเคราะห์ต่อ เติมโดยเอาประสบการณ์จริงที่เกิดขึ้นจริงมาผสาน
หลายครั้งที่ผมได้ ยินคนต่อว่ากันว่า "ไม่มีการศึกษา" ทั้ง ๆที่คนต่าง ๆที่เขาว่านั้นต่างเรียนจบสูงเสียด้วยซ้ำ และระดับการศึกษาหากเทียบเป็นเอกสารตราตั้งก็สูงกว่าคนว่าเสียด้วยซ้ำ ...แล้วการศึกษามันคืออะไร
คนมีการศึกษา หาได้หมายความว่าเป็นคนที่มีความรู้
และในทางกลับกัน คนไม่มีการศึกษา ก็คงไม่ได้หมายความว่าเป็นคนที่ไม่มีความรู้
คน การศึกษา และความรู้ สามสิ่งที่ดูเสมือนว่าไม่สามารถเข้ากันได้ด้วยปัจจัยทางสังคม
แต่...สามารถหล่อหลอมรวมกันได้ด้วย "การอบรมบ่มนิสัย" จนกลายเป็นคนที่มีการศึกษาโดยสมบูรณ์
เดี๋ยวนี้ ครูบาอาจารย์ไม่เหมือนเมื่อก่อนเลยค่ะ
ดอกพุดไม่ค่อยรุ้สึกกับคนรุ่นหลังที่จะรักและเคารพได้อย่างสนิทใจเหมือนครูรุ่นดอกพุด
ทำตัวไม่เป็นตัวอย่าง ไม่เหมือนแม่พิมพ์ของชาติ คำนี้ช่างยิ่งใหญ่นัก
ครูและอาจารย์ส่วนใหญ่ (ที่ดอกพุดพบ)เป็นครูพานิชย์มากกว่าเมื่อก่อน ต้องสอนพิเศษ
เมื่อไร การศึกษาบ้านเราจะเลิกเรียนพิเศษกันเสียที (ที่พูด...ลูกดอกพุดก็เรียน) ครั้นจะให้สมัยเหมือนที่ดอกพุดเรียนคงไม่เหมือนกัน ใครเก่งและเจ๋งจริง สอบด้วยคะแนนเพรียวๆ แต่เดี๋ยวนี้ไม่ใช่แบบน้นแล้ว
พยายามบ่มเพาะเมล็ดพันธ์น้อยให้ค่อยๆงอกงาม ไม่ต้องเก่งวิชาการอย่างเดียว อยากให้เป็นคนดี
แต่คำว่าคนดี มันกว้างจริงๆ
สวัสดีค่ะตามมาให้กำลังใจค่ะ
ต่างคนต่างความคิดต่างมุมมอง
เจอมาบ้างตามธรรมดาของโลกนะคะ
แรกๆก็ยังปรับไม่ค่อยได้ แต่ตอนนี้เลยต้องหันมาแก้ที่วิธีคิดของตน
เองนะคะ ว่าเราทำดีที่สุดของเราแล้ว นานาจิตตัง...
สู้ๆน๊าค่ะ ^_^