“เห็ดโคนหรือเห็ดปลวก” นับเป็นเห็ดที่มีรสชาติอร่อยที่สุด
และมีราคาแพงที่สุดของไทย
หลายคนบอกว่าเห็ดโคนมีรสชาติ
อร่อยระดับโลก และเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า
ปัจจุบันนี้เห็ดโคน
ยังไม่สามารถที่จะเพาะเลี้ยงในเชิงพาณิชย์ได้
จะต้องเก็บจาก
ธรรมชาติและเก็บได้เพียงปีละ 1-2
รุ่น ในช่วงที่อากาศร้อนอบอ้าว
และมีฝนตกลงมาในช่วงฤดูฝน
ถึงแม้ในขณะนี้จะมีการส่งเสริมให้
เกษตรกรเพาะเลี้ยงเห็ดโคนน้อยมากขึ้น
แต่เห็ดโคนน้อย ยังมีรส
ชาติที่อร่อยสู้เห็ดโคนไม่ได้
เห็ดโคนมีรสหวาน มีฤทธิ์เป็นกลาง
ไม่มีพิษ เป็นยาบำรุง
กำลัง ช่วยย่อยอาหาร ละลายเสมหะ แก้บิด
ลดการอาเจียน มี
ใช้เป็นตำรับยาดังนี้
- เสริมการศึกษาโรคเบาหวาน
: กินเห็ดโคนเป็นประจำ
- ไอมีเสมหะมาก
แน่นหน้าอก : เห็ดโคนสด 3-9 กรัม ต้มรับ
ประทานทั้งน้ำและเนื้อ
- ร่างกายอ่อนแอ
เบื่ออาหาร : นำเห็ดโคนต้มจนสุกกินเป็น
อาหาร
นอกจากนี้ยังมีวิตามิน B1, B2 และ C
อีกด้วย มีการทดลอง
ทางเภสัชวิทยา พบว่าน้ำสกัดเห็ดโคนมีฤทธิ์ต้านเชื้อได้หลายตัว
เช่น Staphylococcus
aureus เชื้อไทฟรอยด์
และ เชื้อ
Enterobacteria และ ถ้าให้คนดื่มน้ำสกัดเห็ดโคน 250
cc. ไม่พบ
ว่ามีอาการข้างเคียง
ถ้าใช้แอลกอฮอล์และอาซีโตนสกัดสารมีฤทธิ์
จากเห็ดโคน พบว่ามีฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือดได้
ขอขอบคุณ คุณวนิดา ต่วนทอง ที่ให้ข้อมูลคะ
สวัสดีครับคุณ ปอสอง
อยากกินเห็ดโคนครับ อากาศร้อนๆต้มเห็ดโคนกับกุ้งใส่ตะใคร้ หอมและเกลือเท่านี้ก็ได้เห็ดโคนต้มที่หวานอร่อยแล้วครับ
เห็ดโคนเหรอ....น่าหม่ำ น่าหม่ำ .....
1.เห็ดโคนญี่ปุ่น ( เห็ดยานางิ ) 2.เห็ดโคนตีนช้าง ( เห็ดตีนแรต เห็ดจั่น ) 3.เห็ดโคนหลวง ( เห็ดออเรนจิ ) 4.เห็ดโคนน้อย ( เห็ดถั่ว เห็ดกล้า เห็ดขายาว เห็ดหมึก ) ทั้ง 4 ชื่อ ไม่ใช่เห็ดโคน ( เห็ดปลวก ) ไม่เกี่ยวข้องกันเลย เพียงแต่ตั้งชื่อให้คล้ายเห็ดโคน ด้วยเหตุผลต่างๆกันไป เช่น ลักษณะดอก ความอร่อย ความเหนียว รสชาติ บางครั้งชื่อเหล่านี้ ทำให้ทั่วไปเข้าใจผิด โดยเฉพาะเห็ดโคนน้อย คือลักษณะคล้ายดอกเห็ดโคนดอกเล็กๆ ซึ่งจริงๆแล้วเป็นคนละชนิดกัน ***รายงานโดย.ฟาร์มเห็ดเพชรพิจิตร***
ขอบคุณมากนะคะที่ให้ความรู้เรื่องเห็ดโคน ว่าแต่ไม่ใช่เห็ดโคนแล้วจะเรียกเห็ดอะไรดีคะ
เอาไปตองมาซัก ซ้อนกันซัก 2-3 ชั้น ล้างเห็ดโคน โรยเกลือซัก นิด ห่อด้วยใบตอง
นำไปย่างไฟ กะพอสุก หรือ ใบตองไหม้ แกะใส่จาน โอยยยยยยย หอมๆๆๆๆหวานๆ
ไม่ต้องปรุงไรเพิ่มเดี๋ยวเสียรสเห็ด อร่อยเหาะ