เมื่อเวลาผ่านไปนานมากๆๆๆๆ.... เธออยู่อีกซีกหนึ่งของโลกใบนี้ ขณะที่ฉันยังอยู่ที่เดิม ฉันได้ e-mail address ของเธอจากเพื่อนสนิทของเธอ ฉันทบทวนใคร่ครวญอยู่นานว่าจะติดต่อกับเธอดีไหม ใจหนึ่งก็อยากให้มันเลือนหายไปกับอดีต แต่ใจหนึ่งก็อยากขอโทษเพราะมันคาใจฉันอยู่ตลอด สุดท้ายฉันก็ตัดสินใจ mail หาเธอ เพราะคิดว่า เมื่อทำผิดแล้วต้องกล้ายอมรับและขอโทษ
เรา...จึงมีโอกาสได้เจอกันอีกครั้งบนโลกไซเบอร์ใบนี้ เราแลกเปลี่ยนถามถึงความเป็นอยู่ การงานและครอบครัวของแต่ละคน แล้ว...ก็มาถึงคำถามที่ฉันเตรียมตัวเตรียมใจไว้แล้วว่าน่าจะโดนถามจากเธอ...
Looking back, it was quite amusing what happened to our relationship back at High School. I don't quite recall how it all happened that we suddenly stopped talking to each other just like that. It would be good if you could refresh my memory, for old time's sake.
ฉันบอกเธอว่า ฉันตั้งใจว่าจะไม่คุยเรื่องในอดีต เพราะมันตลกแบบที่เธอว่า เล่าไปแล้วเธอต้องว่าฉันสติไม่ดีแน่ๆ แต่มันเป็นความคิดของฉันอย่างนั้นจริงๆในตอนนั้น ฉันเก็บเรื่องนี้ไว้คนเดียวมานาน แต่ถ้าเธอคิดว่าได้รู้แล้วน่าจะดี ฉันก็จะเล่าเพราะอย่างน้อยฉันได้ระบายออกซะบ้าง อ่านแล้วจะตลกไม่ออกกับความคิดตอนนั้นของฉัน ฉันมาทบทวนและคิดว่าไม่ควรทำเมื่อฉันจบมหา’ลัยแล้ว...........
ฉันเป็นคนขี้เล่น พูดมาก กวนๆ กระโดกกระเดก ชอบปีนป่ายบนต้นไม้ ไม่ค่อยเรียบร้อยมาตั้งแต่เล็ก ชอบแต่งตัวเซอๆปอนๆคว้าอะไรได้ก็เอามาใส่ ซึ่งผิดกับเธอที่แต่งตัวสะอาดเรียบร้อย สุภาพ ยิ้มง่าย ไม่ค่อยพูด แต่เราสองคนก็สนิทกันได้ เป็นเพื่อนกันได้ หอพักที่เธออยู่กับบ้านฉันอยู่ใกล้กัน เราเดินไปโรงเรียนพร้อมกัน ทำการบ้านด้วยกันแม้เราจะเรียนไม่เหมือนกัน ฉันเรียนแผนกวิทยาศาสตร์ส่วนเธอเรียนแผนกศิลป์ การบ้านฉันมากจนทำไม่ทัน เธอก็จะคอยช่วยในสิ่งที่เธอช่วยได้ ช่วยทำรายงานให้ฉันเอาไปส่งคุณครูบ่อยๆ ช่วยสอนการบ้านภาษาอังกฤษเพราะฉันไม่ชอบเลย ( แต่ตอนนี้ฉันต้องมานั่งอ่านจดหมายภาษาอังกฤษจากเธอ เพราะเธออยู่ไก๊ ไกล เฮ้อ..กรรมมีจริง) ยังจำขนมถั่วตัดที่เมื่อเธอกลับไปเยี่ยมบ้าน เธอจะหอบหิ้วมาฝากบ่อยๆด้วย ตอนนั้นฉันมีความสุขมากๆ อยากให้เธอมาบ้านบ่อยๆ มาช่วยฉันทำการบ้าน...อิอิ แล้วก็คุยกัน
เราสนิทกันมากขึ้นเรื่อยๆ จนเราสองคนน่าจะรู้ว่าเราไม่ใช่แค่เพื่อนธรรมดาๆ จนฉันเริ่มรู้สึกอึดอัด...สับสนกับความรู้สึกและความคิดของตัวเองขณะนั้น อาจจะเป็นเพราะการเลี้ยงดู...หรือ สังคมสมัยนั้น หรือเพราะความเชื่อของตัวฉันเองที่ว่าเด็กๆควรตั้งใจเรียนอย่างเดียว ไม่ควรมีความรัก เพราะจะถูกมองว่าเป็นเด็กไม่ดี ไม่น่ารัก ฉันสับสนมาก ใจหนึ่งอยากให้เป็นอย่างที่ใจตัวเองต้องการ แต่อีกใจก็กลัว ไปแคร์กับความคิดคนอื่นๆมากกว่าตัวเองและคนใกล้ตัว ฉันยอมทนเก็บความรู้สึกที่อึดอัดและสับสนนั้นไว้ในใจคนเดียว
ยังจำการ์ด valentine ดอกกุหลาบแดงที่เธอเอามาให้ฉันได้ไหม เธอเขียนอะไรดีๆไว้ข้างหลัง ฉันอ่านแล้วทำตัวไม่ถูก เคอะเขิน อาย แต่ลึกๆแล้วกลับดีใจมากๆ ฉันเก็บเป็นความลับไม่บอกใครเพราะช่วงนั้นเพื่อนๆล้อเรามากขึ้น ตอนนั้นฉันทำอะไรไม่ถูกจริงๆ คอยหลบหน้าหลบตาเธอ ไม่พูดด้วย ไม่มอง ถ้าเจอกันจังๆฉันจะอายมาก วางตัวไม่ถูก ฉันคิดเอาเองว่าน่าจะถอยออกมาตั้งหลักก่อน ด้วยการทำเฉยๆ ซึ่งไม่รู้ว่าฉันไปเอาความคิดแบบนั้นมาจากไหน จนเพื่อนๆและแม่ก็ยัง งง ที่อยู่ๆเราก็ห่างกันไป แม่ฉันชอบเธอมากเพราะแม่ว่าเธอเป็นเด็กนิสัยดี สุภาพอ่อนโยน เมื่อเราห่างๆกันไปแม่ถามฉันเสมอว่า ทำไมเดี๋ยวนี้เธอไม่มาทำการบ้านด้วย ฉันก็ตอบว่า สงสัยไม่ว่างมั้ง...ไม่รู้ซิ...จนแม่เลิกถาม เพราะคงจะคิดว่าสงสัยเราจะทะเลาะกัน ( จนตอนนี้แม่ตายไปนานแล้ว แม่ก็ยังไม่รู้ความจริง)
จากการที่ว่าถอยมาตั้งหลักสักพัก กลายเป็นว่าทำให้เราเหมือนคนไม่รู้จักกัน คิดๆแล้วใจหาย ตอนนั้นเราสองคนปล่อยให้เวลาทำให้เราค่อยๆห่างกันไป เธออาจจะไม่รู้ว่าเพราะอะไร มีแต่..ตัวฉันเองที่รู้แต่ก็ไม่กล้าพอที่จะเข้าไปหา กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ ตอนนั้นไม่รู้ว่าเธอคิดอะไรเกี่ยวกับฉัน แต่คงไม่ดีแน่นอน แต่ฉันก็ไม่โทษเธอหรอกนอกจากตัวฉันเอง
หลังจากที่เราไม่คุยไม่มองกันเลย ก็เริ่มมีเพื่อนๆผู้ชายมาชอบบ้าง แต่ฉันก็ไม่ได้ชอบใครเลย (ก็บอกแล้วไงว่าฉันแคร์ความคิดคนอื่นๆมากไป) แต่ฉันก็ยังคุยกับพวกเขาอยู่ เพราะเราเรียนห้องเดียวกันยังไงๆก็ต้องเจอกัน ไม่เหมือนเธอที่เราเรียนคนละห้องคนละแผนก โอกาสเจอกันน้อยมาก ถ้าไม่ใช่เพราะเราเจตนาจะเจอเราจึงได้เจอกัน เราเลยห่างกันไวมากๆไวจนน่าใจหาย ( แต่ฉันก็แอบมองไปทางที่เธอเรียนบ่อยๆนะ มาเล่าตอนนี้ไม่อายเพราะแก่แล้ว ) แต่ที่ฉันใจหายมากกว่า คือ ทำไมเธอไม่มาหาฉันบ้าง ไม่ถามฉันสักคำ.. เพราะใจจริงฉันอยากเล่า แต่...ไม่กล้าที่จะเริ่ม...
เมื่อไม่นานมานี้มีโอกาสได้โทรศัพท์คุยกับเพื่อนของเธอ (ความจริงเพื่อนของฉันด้วย) ด้วยเรื่องสัพเพเหระ เรื่องลูกๆ เรื่องเพื่อนเก่าๆ แล้วก็มีแว๊บมาที่เธอนิดนึง เพื่อนเปรยๆมาตามสายว่า ...ฉันน่ะรู้ไหมว่าเธอเป็นคนดีและน่ารักมากๆ ฉันนึกในใจว่าทำไมฉันจะไม่รู้ แล้วเขายังแซวๆแบบตัดพ้อฉันว่า.. “ฉันไม่น่าทำให้เธอเสียใจ...” ฉันได้ยินแล้วก็ได้แต่หัวเราะแหะๆ ไม่ตอบว่าอะไร... ไม่เล่าอะไร ...
เล่ามาถึงตอนนี้ ฉันก็อยากย้อนถามเธอกลับบ้างว่า... “แล้วตอนนั้นเธอคิดว่าฉันเสียใจไหม ??”
จบข่าว..ฉันได้เล่าความในใจจบแล้ว คราวนี้คงตายตาหลับ อิอิ... ที่เธอว่า It would be good if you could refresh my memory, for old time’s sake. คงจะรู้สึกดีขึ้นบ้างแล้วใช่ไหม แต่สำหรับฉันแล้วรู้สึกดีจริงๆที่ได้ขอโทษ และระบายออกไป...
แล้วท่านผู้อ่านละคะคิดเหมือนฉันมั๊ย ??
บันทึกนี้เขียนที่ GotoKnow โดย มนัญญา ~ natachoei ( หน้าตาเฉย) ใน ขอเล่าด้วยคน
สวัสดีค่ะ
มาให้กำลังใจ
เค้าบอกกันว่า ให้ใช้ความรักแบบเมตตาดีที่สุดค่ะ