การจับฉลากเข้าเรียน ม.๑ สอนวิธีคิดอะไรให้กับคนในสังคมไทยบ้าง ?


ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมนั่งดูข่าวโทรทัศน์ที่รายงานข่าว "ระบบการสอบคัดเลือกเข้าศึกษาต่อ ม.๑ โดยใช้วิธีการจับฉลาก" ของนักเรียนไทยทั่วประเทศ

การจับฉลากเหมือนการประกาศผลล็อตเตอรี่ มีการนำลูกปิงปองขึ้นบนเวที แล้วค่อย ๆ ตรวจสอบทีละลูกต่อหน้าผู้ปกครองและนักเรียนที่จับฉลาก หลังจากนั้นก็ค่อย ๆ เรียกชื่อให้นักเรียนมาจับลูกปิงปองทีละคนว่าใครสอบได้ หรือ ใครสอบไม่ได้ (อันนี้เหมือนจับใบดำใบแดงของการเกณฑ์ทหาร)

เด็กที่สอบได้ (จับฉลากได้) ... ดีใจ กระโดดโลดเต้น เหมือนประสบความสำเร็จในชีวิตอย่างสูงสุด

แต่เด็กที่สอบไม่ได้ (จับฉลากไม่ได้) ... คอตก น้ำตาไหล ลงมาพ่อแม่ต้องคอยปลอบว่า ไม่เป็นไร ๆ

แถมมีในเบื้องหลังก่อนที่จะมาจับ ยังมีการวิ่งหากำลังใจจากศาลพระภูมิประจำโรงเรียน หรือสิ่งที่เสริมกำลังใจ ภาพข่าวเห็นน้ำสีแดง พวงมาลัยเต็มไปหมดทั่วบริเวณของศาลพระภูมิ

นี่มันอะไรกันครับ ...

จำได้ในสมัยก่อน ตอนที่ผมสอบเข้า ม.๑ ระบบของกระทรวงศึกษาฯ ที่ใช้ คือ การสอบวัดความรู้

แต่ต่อมาอีกสัก ๓ - ๔ ปี ... โรงเรียนยอดนิยมมีผู้เข้ามาสอบเกินกว่าจำนวนที่จะรับได้มากกว่า ๑๐ เท่าตัว กระทรวงศึกษาฯ พยายามหาวิธีการรณรงค์ให้สิทธิ์เด็กที่มีบ้านอยู่ในเขตโรงเรียนก่อน ส่วนเด็กที่อยู่นอกเขตก็ให้จับฉลากเอา

หลังจากนั้นผมก็ไม่ได้ตามข่าวเรื่องนี้มานาน

พอปีหลัง ๆ มานี้ อ้าว ! ... จับฉลากเพียว ๆ เลยหรือนี่ ไม่ต้องสอบเข้ากันแล้วเนอะ ความรู้คงไม่ต้องใช้ ขอให้ได้เข้าเรียนเสียก่อน

ใครมีข้อมูลใหม่ ๆ เรียนเชิญแวะมาเล่าให้ผมฟังหน่อยนะครับ

 

ขอคิดหน่อยครับ

 

โจทย์ คือ การจับฉลากเข้าเรียน ม.๑ สอนวิธีคิดอะไรให้กับคนในสังคมไทยบ้าง ?

คิดได้ว่า ...

๑. การเลือกศึกษาต่อของเด็กชั้น ป.๖ ต้องใช้ "ดวง", "โชคชะตา" หรือ "วาสนา" เท่านั้น

๒. "ความรู้" ไม่ใช่เรื่องที่เด็กประถมที่ ๑ - ๖ จำเป็นที่จะต้องเรียนรู้นัก เพราะไม่ได้ใช้วิธีการสอบประมวลความรู้เข้าสู่ประตูมัธยม

๓. เด็กที่สอบได้รู้สึกภาคภูมิใจที่ "มือ" ดีกว่า "หัว"

๔. เด็กที่สอบไม่ได้รู้สึกว่า ชีวิตนี้มันไร้ค่า ถ้าไม่ได้เรียนโรงเรียนที่มีชื่อเสียงแห่งนี้ (แพ้เพราะจับฉลากไม่ได้)

๕. โรงเรียนในประเทศไทยมีคุณภาพและคุณค่าที่ไม่เท่ากันในความรู้สึกของคนในสังคม ทำให้เด็ก ๆ และพ่อแม่ที่คิดว่า อยากให้ลูกมีชีวิตที่ดี แห่กันไปโรงเรียนที่อยู่ในความคิดนั้น

๖. อนาคตของเด็กที่สอบได้ และสอบไม่ได้ จะเล่นหวย เพราะเชื่อเรื่อง "ดวง", "โชคชะตา" หรือ "วาสนา"

๗. อนาคต หรือไม่ก็ปีนี้ สังคมไทยจะเห็นข่าวการฆ่าตัวตาย เพราะพลาดหวังของเด็กชั้น ป.๖ ที่จับฉลากไม่ได้

๘. กระทรวงศึกษาฯ ลืมรณรงค์เรื่องของการสอบไม่ได้ในชั้น ม.๑ ว่า ควรคิดและทำใจอย่างไรบ้าง

๙. กระทรวงศึกษาฯ ควรมีนักจิตวิทยาและการแนะแนวประจำอยู่ทุกโรงเรียนที่มีเด็กแห่มาจับฉลาก เพื่อดูใจคนพลาดหวัง

๑๐. หากระบบการเข้าเรียน ม.๑ ยังคิดได้แค่นี้ ระบบการสอบเข้ามหาวิทยาลัยก็ควรต้องรับการทบทวน

 

ผมตั้งคำถามกับตัวเองไว้ว่า

  • "การจับฉลาก คือวิธีการสอบคัดเลือกเข้าสู่ ม.๑ ที่ถูกต้องและเหมาะสมกับสังคมไทยมากที่สุดงั้นหรือ ?"
  • "มันมีวิธีการอื่นอีกหรือไม่ ?"
  • "ที่จะทำให้เราไม่ต้องเห็นน้ำตาของเด็กที่จับฉลากเข้าไม่ได้ ?"

ผมคิดไม่ออกจริง ๆ ครับ ...

 

เชิญชวนเพื่อน ๆ และกัลยาณมิตรระดมความคิดกันครับ จะในกรอบ หรือ นอกกรอบ ได้ทั้งนั้นครับ

ขอบคุณครับ :)

 

อ่านข่าวและดูภาพ ได้จาก http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9520000035488

:)

 

หมายเลขบันทึก: 251981เขียนเมื่อ 30 มีนาคม 2009 17:52 น. ()แก้ไขเมื่อ 21 มิถุนายน 2012 09:29 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่าน


ความเห็น

สวัสดีครับอาจารย์ สังคมในอุดมคติ ต่อไปในอนาคตประเทศไทยจะจับฉลากคนเป็นนายก5555555555

มิมีความคิดเห็นต่อครับ ท่าน วอญ่า-ผู้เฒ่า :) ...

เพราะผมขอ "หัวเราะ" อย่างเดียว

ขอบคุณครับ :)

  • ดูเหมือนกันครับ
  • ไม่แปลกใจที่ได้เห็นการใช้"สารพัดศาสตร์"ก่อนเริ่มพิธี
  • เหมือนเป็น"ฉลากชีวิต"
  • อย่าให้ถึงกับมีการจับฉลากเพื่อคัด"คนดี คนเลว"เลยนะ
  • ขอบคุณมากครับ

ขอบคุณมากครับ ท่าน ผอ. บวร :)

ยกคำของท่านมาวางไว้ ...

"จับฉลากชีวิต" และ "จับฉลากคัดคนดี-เลว"

:)

สวัสดีคะอาจารย์

  • ครูแอนมองว่า....
  • ทำไมเด็กๆและผู้ปกครอง อยากให้ลูกเข้าโรงเรียนดังๆ มีคนแข่งขันมากมาย...เกินไป
  • สุดท้ายก็ใช้วิธีจับสลาก...ถือว่าคงเป็นวิธีการที่ไม่ดีที่สุด
  • ทำไมโรงเรียนอื่นๆ (ที่ไม่ขึ้นชื่อแต่มีคุณภาพ ก็มีเยอะ)
  • หรือ...ทำไมไม่พัฒนาโรงเรียนอื่นๆให้มีคุณภาพมากขึ้น
  • เพราะบางโรงเรียนที่ว่า...จำนวนนักเรียนเป็นที่ต้องการ(งบอุดหนุน)...เหลือเกิน
  • ระบบการจับสลากเข้าเรียนไม่ค่อยเห็นด้วยนักคะ
  • คงหวังให้ผู้ที่ส่วนเกี่ยวข้องกระจายสื่อ เทคโนโลยี การเรียนการสอนที่ทันสมัยไปสู่โรงเรียนอื่นๆมากขึ้นคะ
  • เพื่อผลการพัฒนา และเป็นที่เชื่อมั่นและทางเลือกของเด็กและผู้ปกครองคะ

 

คุณ ครูแอน ครับ หมายความว่า "จำนวนหัวนักเรียนมีผลต่อการได้มาซึ่งงบประมาณในการพัฒนาโรงเรียนหรือครับ ?"

และ การจับฉลาก มีผลจากการขาดความเชื่อมั่นของคนในสังคมที่มีต่อโรงเรียนที่ไม่ค่อยมีใครไปสมัครเรียน ?

ถูกต้องหรือไม่ครับ ในความคิดเห็นของคุณ ครูแอน :)

  • เรื่องจับการจับสลาก..ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งค่ะ
  • ระบบการคัดเลือกเด็กเข้าเรียนม. 1 ที่จ.อุดร ไม่มีการจับสลากค่ะ (เท่าที่ทราบนะคะ)
  • เป็นระบบการสอบคัดเลือกแต่มีหลายโปรแกรม เช่น โปรแกรมภาษาอังกฤษ (EP) โปรแกรมของสคว. โปรแกรมทั่วไป แบ่งเป็นนอกเขต ในเขต (คะแนนต่างกัน)
  • ปล.ไม่รู้ว่าแต่ละโปรแกรมต่างกันอย่างไรนะคะ
  • มีแต่หลาน (ลูกพี่ชาย) ไปสอบ ได้ทั้ง 2 โปรแกรม เพราะติวเข้มมาก และลูกของพี่ที่ทำงานไปสอบก็สอบได้นะ
  • ได้เห็นความเครียดของพ่อแม่ ของเด็กช่วงก่อนสอบมากทีเดียว
  • โรงเรียนใดที่มีการจับสลากเด็กเข้าม. 1 คงต้องวัดที่ความคิดของคุณครูและผอ. ด้วยแหละว่าคิดอะไรอยู่ หรือต้องการได้นักเรียนที่เป็นลูกศิษย์ โดยการอาศัยดวง หรืออย่างไร อนาคตของชาติก็ไม่ต้องพูดถึง...เหอะ เหอะ เหอะ
  • ดวง ดวง ดวง...แล้วแต่ดวง ศาลเจ้าต่าง ๆ จึงเต็มไปด้วยของแก้บนมากมาย...
  • ขอบคุณค่ะ...^_^...

       จับฉลากเข้ามอหนึ่ง  ตามความคิดเห็นของผมเอง  ผมไม่เห็นด้วยครับ

       ฝ่ายที่เห็นด้วย  เขาให้เหตุผลว่าให้เด็กทุกคนได้มี "โอกาส" ได้เข้าเรียนในโรงเรียนที่มีชื่อเสียง   โดยเฉพาะ เด็กที่อยู่ใกล้โรงเรียน ต้องมีโอกาสได้เรียนในโรงเรียนนั้นด้วยการจับฉลาก

      เขามักอ้างถึง "โอกาส" ครับ  ที่ให้จับฉลาก

      แต่  โอกาส ในมุมมองของผม  เป็นโอกาสในเรื่องของ "สติปัญญา" ครับ  เด็กที่มีสติปัญญาดี  ต้องมีโอกาสเข้าไปเรียนในโรงเรียนที่เหมาะกับสติปัญญาของเขา

     ถ้าจับฉลาก  เด็กสติญญาดี จับฉลากไม่ได้  ก็จะเป็นการทำลายโอกาสในการพัฒนาสติปัญญาของเขาครับ

     ในทางตรงกันข้าม  เด็กสติปัญญาไม่ดี จับฉลากเข้าไปเรียนในโรงเรียนที่มีชื่อเสียงได้  เด็กพวกนี้  จะมีปัญหาตามมาหลายอย่างครับ  ทั้งปัญหาเรื่องการเรียนส่วนตัว และ ปัญหาโรงเรียน

                ขอแค่นี้ก่อนครับ

ขอบคุณสำหรับข้อมูลแลกเปลี่ยนของคุณพยาบาล สีตะวัน ครับ :)...

ไม่ว่าจะเป็นวิธีใด สัจธรรมที่เกิดขึ้น คนที่รักลูกที่สุดจะทุกข์ใจมาก

ด้วยความเห็นด้วยอย่างยิ่งครับ ท่านรอง small man :) ...

เด็กควรได้รับโอกาสเข้าไปยังโรงเรียนที่เหมาะสมกับสติปัญญาที่เขามี

ชอบคำนี้นะครับ ..

ส่วนคำว่า "โอกาส" สำหรับบุคคลที่คิดแบบนี้ ดูจะเป็นความมักง่ายและไม่ได้ใช้สติปัญญาในการคิดนะครับ หากแต่ใช้ความรู้สึกแทน

น่าสงสารเด็กที่เสียโอกาสที่ไม่เหมาะสมแบบนั้นครับ เราอาจจะเสียคุณหมอ วิศวกร ครูเก่ง ในอนาคตไปจากวิธีจับฉลากแบบนี้ก็ได้นะครับ

อาจารย์คะที่ยากกว่าตอนนี้คือการเรียนฟรี 15 ปี แค่ต้องคุยเรื่องจัดสรรเสื้อผ้า อุปกรณ์การเรียน หนังสือ ก็ปวดหัวแล้ว เพราะผู้ปกครองบางท่านต้องการแค่เม็ดเงินค่ะท่าน

โอกาส

ช่องทาง

สิทธิ

ชนชั้น

ศักดินา

ความไม่เป็นธรรม

และ มายาคติ

:)

ครูแอนมองเช่นนั้นคะอาจารย์  อยากให้คุณภาพการเรียนการสอนทุกโรงเรียนมีคุณภาพ พอที่จะเป็นทางเลือกของเด็กๆ จับสลากก็ดูจะไม่ยุติธรรมนัก อย่างที่หลายท่านบอกอาจทำให้เด็กเสียโอกาสดีดีในชีวิตก็ได้

อะไรๆดูง่ายไปหมดค่ะ

คิดง่าย---

พูดง่าย---

ทำง่าย---

แต่ปัญหาที่ตามมา แก้ยากมากๆ

การจัดการศึกษา จึงขมวดเป็นปมอยู่อย่างนี้ค่ะ

ปัญหาที่ตามมาของการจัดสรรสิ่งต่าง ๆ สำหรับการเรียนฟรี ๑๕ ปี ... ผมได้ข่าวจากหน้าหนังสือพิมพ์มากมายหลายปัญหา รวมถึง บุคลากรที่ทำงานในโรงเรียน ครับ คุณครู ทรายชล :)

"เม็ดเงิน" สำหรับผู้ปกครองที่ไม่มีระบบตรวจสอบที่ชัดเจนว่า ได้นำไปใช้ตามเจตจำนงของรัฐหรือไม่ ?

ขอบคุณครับ ... ปัญหาเริ่มหนักขึ้นครับ

ตัวแปรมากมายที่ทำให้เกิดวิธีคิดง่าย ๆ แบบนี้นะครับ คุณเอก จตุพร วิศิษฏ์โชติอังกูร :) ... หากเพียงคิดว่า ถ้าเด็กที่สอบไม่ได้เป็นลูกตัวเองจะทำอย่างไร รู้สึกอย่างไร ก็น่าจะทำให้เกิดการคิดที่รอบคอบกว่านี้ครับ

:)

ขอบคุณครับ คุณ ครูแอน :) ... อาจจะเป็นเหตุที่ต้องตั้งสำนักตรวจสอบมาตรฐานมั้งครับ ... แต่ดูจะทำให้ปัญหามันเกิดขึ้นหนักกว่าเดิม (หรือเปล่า)...

การศึกษาไทยถูกขมวดปมจากผู้ใหญ่ที่อยากใหญ่ คิดให้มีผลงาน ผลงานที่จะก้าวต่อไปข้างหน้า โดยไม่ย้อนกลับมาตรวจสอบว่า ความคิดผิวเผินจะก่อผลด้านใดที่มากกว่าที่ตนเองคิด เช่นปัจจุบัน

ขอบคุณครับ คุณครูจุฑารัตน์ NU 11 :)

สวัสดีค่ะอ.วสวัตฯ

ไม่แน่ใจว่าจะเห็นอย่างไรดีในเรื่องนี้

คิดออกอยู่เรื่องเดียวคือ ทุกอย่างเป็นไปตามกรรม

^ ^

มิเป็นไรครับอาจารย์ กมลวัลย์ ... หวังว่า อาจารย์มีความสุขดีนะครับ :)

ผมว่าวิธีคิดเรื่องให้นักเรียน เรียนในโรงเรียนดังๆ หรือที่ตัวเองหรือผู้ปกครองชอบได้หมดทุกคน ไม่จำกัดจำนวนยังใช้ได้อยู่ เลยอยากแสดงความเห็นดูบ้าง

ข้อมูลพื้นฐานว่าที่ไหนสอนแบบไหนบ้างผมมีดังต่อไปนี้

1.ติวเตอร์เชนแนล

2.โรงเรียนไกลกังวล หัวหิน จาก DLTV

3.โรงเรียนมัธยมประจำตำบล(แถวบ้านผมเอง)

4.โรงเรียนมัธยมประจำอำเภอ

5.โรงเรียนประจำจังหวัด(จังหวัดที่ผมอยู่และจังหวัดไกล้เคียง)

6.สอบถามจากหลานที่ไปเรียนกวดวิชา

ทั้ง 6 แห่ง ใช้วิธีครูสอนหน้าชั้นทั้งนั้น แห่งที่ 6 พิเศษหน่อย 5-6 ห้องเรียน เรียนจากครูคนเดียวโดยผ่านเคเบิ้ลทีวี

ดังนั้นคำตอบเพื่อพ่อแม่ที่ลูกเข้าเรียนไม่ได้ (ภาระต่อไปของพ่อแม่คือหาที่เรียนให้ใหม่ เสียเท่าไรก็ยอม) มีดังนี้

ผมประมวลผลจากข้อมูลที่ไหนสอนแบบไหนแล้ว นึกเล่นๆ ว่า

เตรียมอุดม ก็เปิดให้เรียน ม.1 (ม.4 ด้วยก็ได้) 500 ห้อง เลย

หอวัง สตรีวิทย์ สวนกุหลาบ สุรศักดิ์มนตรี (ช่วยเติมด้วยครับชื่อโรงเรียนที่ว่าดังๆ ผมนึกชื่อไม่ออก) ทุกห้องเรียนรับสัญญาณจากกล้องถ่ายแล้วใช้โปรเจคเตอร์ฉายให้เท่าตัวครูจริงๆ เลย และมีครู(อาจเรียกครูเชี่ยวชาญ) ให้คำปรึกษาแนะนำทุกห้องเรียน ไม่ปล่อยให้นักเรียนเรียนโดยลำพัง(ยกเว้นเชื่อมั่นว่าผู้เรียนมุ่งมั่นเรียนจริงๆ)

ครั้งหนึ่ผมอยากบอกหลานไปว่าอยากเรียนโรงเรียนนี้จริงๆ ขอเอากล้องไปถ่ายการเรียนกันสดๆ เลยเอาไหม แล้วเรารวมกันกับคนที่พลาดโอกาสเรียนเป็นกลุ่มซัก3-40 คน หาเช่าห้องไกล้โรงเรียนนี่แหละ ได้เรียนเหมือนกัน

คำถามว่าสอบและเอาวุฒิการศึกษาที่ไหน

พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พุทธศักราช 2542และแก้ไข 2545 ไม่เคยห้ามโรงเรียนจัดการศึกษานอกโรงเรียนเลยครับ ก็ออกระเบียบเอาเอง ยกเอาวิธีการแบบ กศน.ไปศึกษาแล้วปรับใช้ก็ได้ วิธีนี้ก็เข้าหลักเกณฑ์ด้วยว่าโรงเรียเปิดห้องเรียนในระบบได้ตามจำนวนที่กำหนด

สุดท้าย หากจะมีใครอ้างว่าทำไม่ได้ ไม่จริงเลย แล้วอย่าปิดกั้นการเรียนการสอนนะ ผมนั่งอยู่ต่างจังหวัดจะได้เรียนด้วย แค่เอากล้องจากโน้ตบุ๊คหันไปทางครูที่กำลังสอน ผมก็เรียนด้วยได้แล้ว ไม่เห็นต้องมาอยู่ กทม.เลย และบ้านไหนพ่อแม่อยากจัดโฮมสกูล ดูการเรียนการสอนจากโรงเรียนดังๆ ได้ไม่รู้กี่โรงเรียนเลือกตามใจชอบ

ก่อนอื่น ต้องขอขอบคุณท่าน ไม่แสดงตน ก่อนครับ ที่ได้ให้ความเห็นล่าสุดมา ;)

ไม่น่าเชื่อนะครับ บันทึกนี้ผมเขียนไว้เมื่อปีที่แล้ว แต่ยังทันสมัยอยู่คาตาในปีนี้

เขียนไว้อย่างไร ปีนี้ก็ยังคงเป็นอย่างนั้น

แต่มีโรงเรียนหนึ่งที่ผมเห็น จ๊าบสุด คือ โรงเรียนสารวิทยา ขอเอ่ยนาม

ตอนแรกก็จับฉลาก พอดำเนินการต่อไปเรื่อย ๆ

ท่าน ผอ.อดรนทนไม่ได้ ขึ้นมาประกาศว่า จะขอรับเด็กทุกคนที่อยู่ในพื้นที่

โห ... ครั้งแรกที่ผมเห็นความกล้าหาญของท่านผู้บริหารโรงเรียนเช่นนี้

ขอปรบมือดัง ๆ จากผมเลย

ขั้นต่อไป คงต้องเป็นการบริหารจัดการของท่านแล้วล่ะว่าเด็กจะได้รับความทั่วถึงได้อย่างไรได้บ้าง

ขอบคุณมากครับ ;)

เสียดายเด็ก ๆ ที่มีความรู้ ความสามารถความพร้อม ต้องแพ้เพราะ ฉลาก

แต่ สำหรับผมถ้าจะมองถึงความเท่าเทียมกัน ก็คงได้นะ ........ เท่าเทียมกันแต่ไม่แฟร์ เอ๊ะยังไง อิอิ

น้องชายผม ก็เรียนที่ โรงเรียนสารวิทยา เช่นกันครับครู ...

ครูเขียนเรื่องได้น่าสนใจมาก ๆ ครับ ติดตามเรื่อย ๆ ครับผม

"ความเท่าเทียม" คงเป็นตัวตั้งของสถานศึกษาที่คิดได้น่ะครับ คุณ นายนะ ;)

โดยเฉพาะโรงเรียนในกรุงเทพฯ และปริมณฑลที่มีการแย่งที่นั่งโรงเรียนที่มีชื่อเสียงกันมากกว่าจังหวัดอื่น ๆ

อาจจะเป็นสิ่งที่เขาคิดว่า "ดีที่สุด" ก็ได้มั้งครับ

ขอบคุณที่มาเยี่ยมและพรวนบันทึกครับ ;)

  • สวัสดีค่ะอาจารย์
  • ใครก็ตามที่บอกว่าโรงเรียนเหมือนกันทุกที่ เรียนใกล้บ้านดีที่สุด ถ้าไม่โกหกก็คงฝันไป
  • พี่เป็นแม่คนหนึ่งที่ตัดสินใจว่ายังไงก็ต้องหาโรงเรียนมัธยมที่ดีที่สุดให้ลูกเท่าที่จะมีกำลัง แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกผิดยังไงก็ไม่รู้นะเมื่อหันไปมองเด็กคนอื่นๆ ที่ไม่ได้มีโอกาสเรียนในโรงเรียน "ดีๆ" เหมือนลูกเรา 
  • พี่ไม่แน่ใจนะว่า โรงเรียน จะทำให้เด็กทุกคนเรียนได้เกรดสูงเท่าๆ กัน แต่เชื่อว่า ครูดีๆ ช่วยให้เด็กมีความสุขในห้องเรียนและรักที่จะเรียนได้แน่ แม้เกรดเขาจะไม่สูง
  • ยังจำอารมณ์หดหู่สุดๆ ตอนไปเข้าคิวหน้าธนาคารตั้งแต่ธนาคารยังไม่เปิดประตู เพราะลูกอยากเรียนเคมี อ.อุ๊ สังเวชใจว่า "ฉันมายืนทำบ้าอะไรอยู่เนี่ย"
  • ตอนนี้ผ่านเรื่องโรงเรียนของลูกมาแล้ว แต่พอถึงเทศกาลรับนักเรียนใหม่ก็อดหดหู่ใจไม่ได้สักที

สวัสดีครับ พี่ nui ;)

บันทึกนี้ยังคงทันสมัยและเป็นประวัติศาสตร์ซ้ำรอยอยู่เสมอนะครับ

สำหรับหัวอกคนเป็นแม่ ย่อมคิดแบบนี้ทุกคนครับ

การศึกษาไทยพังทลายไปหมดแล้วครับ

เรียนเพื่อแข่งขัน มากกว่า เรียนเพื่อมีความสุข หรือ รู้จักความสุขในชีวิตมนุษย์

หลัง ๆ โรงเรียนทางเลือกต่าง ๆ ที่เน้นเรื่องของ "ความสุข" จึงเริ่มมีคนเข้ามาสนใจมากขึ้น

ติดอย่างเดียว คือ ค่าเรียนที่แพงกว่าโรงเรียนของรัฐมาก

ขอบคุณมากครับ ;)

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท