การเข้าถึงตัวตน ภาพลักษณ์ 1


เสนอมุมมองใหม่ได้ตลอดเวลา ต่อยอด ฉีกแนว อธิบายในบริบทที่แตกต่าง เสริมเติมต่อแต่ง โดยไม่มีข้อสรุปและการตัดสินผิดถูก

สืบเนื่องจากบันทึก “มาเข้าใจธรรมชาติของการสร้างภาพ (ลักษณ์) กันเถอค่ะ” มีการต่อยอดความคิดหลากหลายน่าสนใจมาก จึงขอเปิดบันทึกใหม่และยกความรู้ที่ท่านผู้มาเยือนอ้างอิง  ความเห็นทางวิชาการหรือความเห็นจากประสบการณ์เกี่ยวกับ “ภาพลักษณ์”  ของแต่ละท่านมาเรียบเรียงในบันทึก “การเข้าถึงตัวตน ภาพลักษณ์ 1” (ต้องขออภัยนะคะที่ยกมาเฉพาะเนื้อหาความเห็นที่เกี่ยวข้องกับภาพลักษณ์จริง ๆส่วนประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องโดยตรง จะไม่ขอยกมาค่ะ)  โดยจะแบ่งเป็นสองตอน  ตอนนี้ตอนที่ 1 ค่ะ

ข้อตกลงเบื้องต้น ขอให้เป็นลานวิญญาณเสรี เสนอมุมมองใหม่ได้ตลอดเวลา  ต่อยอด ฉีกแนว อธิบายในบริบทที่แตกต่าง เสริมเติมต่อแต่ง   โดยไม่มีข้อสรุปและการตัดสินผิดถูกค่ะ ผู้อ่านท่านใดอ่านความเห็นต่อไปนี้แล้วจะต่อยอดต่อไปก็ได้ หรือจะเสนอความเห็นใหม่ก็ดี  มีประโยชน์ร่วมกันมากมายมหาศาลค่ะ เพราะผู้อ่านแต่ละท่านจะใช้ดุลพินิจตัดสินกันเองตามสไตล์ลานวิญญาณเสรีค่ะ

คุณจตุพร วิศิษฏ์โชติอังกูร

ความเห็นครั้งที่ 1

หากเรื่อง "ดี" เราควรส่งเสริมทั้งนั้นนะครับ..    หากดีนั้น มีประโยชน์ต่อทั้งตนเองและสังคม

หากมองในมุมของมนุษย์ที่เป็นสัตว์สังคม  การสร้างภาพลักษณ์ ก็เป็นเรื่องจำเป็น

หากสร้างแล้ว พยายามทำได้อย่างที่สร้าง  ก็ถือว่า เป็นการพัฒนาตนเอง...

ความเห็นครั้งที่ 2

สิ่งสำคัญอีกประการหนึ่ง คือ การยึดความดีเป็นที่ตั้ง  ...และยึดมั่นในความสวยงามของความดี

ผมว่าระดับปถุชนเราไม่ขออะไรมาก เพียงแต่ คิดให้ดี ทำให้ดี ปฏิบัติก็ให้ดีตามไป

ภาพลักษณ์ก็คือ ข้างนอก หากพัฒนาข้างในให้งามตามกัน ก็ถือว่าได้ว่าเพริศเเพร้วทั้งข้างนอกและใน

ผมเองก็พัฒนาตัวเองอย่างตั้งใจครับ บางครั้งอาจจะเดินเลยเส้น เเตกแถวบ้าง แต่ยังดีที่พอมีทุนดึงเข้ามาอยู่ในกรอบของความดีที่ถือว่าเป็นคุณธรรม - ศีลธรรม นำทางชีวิตครับ

ยากครับ...บางทีศีลห้าผมก็ยังตกๆหล่นๆ ...

คุณ Mr.Direct

ขออนุญาติแลกเปลี่ยนนะครับ...

การสร้างภาพ (Self Image) ที่ใกล้เคียงกับตัวตน (Real Self) ที่เป็น แล้วพยายามพัฒนาตัวตนเพื่อไปให้ถึงนั้นเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ครับ...

แต่กับการเพียรสร้างภาพแต่ปราศจากการพัฒนาตัวตนนั้น มันจะเกิดช่องว่างระหว่าง Image กับ Real Self กลายเป็นภาพสองภาพที่ทับกันไม่สนิทครับ...

คุณ ชยพร แอคะรัจน์

ความเห็นครั้งที่ 1

  • ที่กล่าวมานั้น เป็นพื้นมาจากแนวจิตวิเคราะห์ของฟรอยด์ เพราะมีเรื่อง super ego เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย...
  • ในแนวนั้น มี ego และ id เป็นพื้นฐานความรู้ ความเข้าใจ...
  • อยากเรียนว่า ego นั้น ไม่ใช่ "อัตตา" ในพุทธะ นะครับ
  • เพราะ ego มีพื้นจาก จิต แต่ "อัตตา" มีพื้นจาก "อวิชชา"
  • ดังนั้น แนวความคิดดังกล่าว จึงไม่หลุดพ้นจากอัตตา (แม้จะถือว่า ละ ego ได้ก็ตาม.....
  • ลองมาเหนื่อยกับการจับ "อวิชชา" ดูนะครับ.... แล้วจะหลุดทั้งหมดได้ง่ายขึ้น....
  • เพราะ โซ่ ข้อบนสุด ถูกปลดนะครับ....

ความเห็นครั้งที่ 2

  • ที่กล่าวว่า "ไม่ว่าอธิบายแบบไหนก็มีเจตนาเดียวกันคือการเข้าถึง"...
  • คงไม่ใช่นะครับ....
  • เพราะในทางพุทธะ "ไม่มีเจตนา การเข้าถึง" นะครับ
  • แต่มีเจตนา "ออกจาก"
  • ที่กล่าวว่า "ไม่มีผิดถูกหรือสูตรตายตัว"...
  • ก็คงไม่ใช่อีกนะครับ...
  • เพราะสัจธรรม ระดับ สัจธรรมสมบูรณ์ (Absolute) ...มีอยู่นะครับ
  • ที่กล่าวว่า "คนหนึ่งบอกว่าเผ็ด อีกคนบอกว่าไม่เผ็ด ...บางเรื่องอยู่ที่การปฏิบัติ....ใช้เหตุผลอธิบายก็จะไม่จบ"
  • ก็คงเป็นเพราะ "สัจธรรมสัมพัทธ์ (Rlative)"...นะครับ
  • ที่กล่าวว่า "ขอให้เป็นอิสระเสรีทางจิตวิญญาณ"
  • นั้นน่าจะเป็นเพราะ "อัตตา" นะครับ (อิสระ บางที ก็นิยามได้ว่า ไม่อยากรับ นะครับ)
  • ผมขอเรียนสุดท้ายนี้ว่า...อย่าเอาแนวคิด "ตะวันตก" มาบูรณาการกับแนวคิด "ตะวันออก" ในบางเรื่องนะครับ...
  • เพราะ ราก(root) ไม่ใช่นะครับ
  • ตรงนี้ ชาว ภาษาศาสตร์ , ฟิสิกส์ , ฯลฯ เราหวั่นเกรง และระวังกันมากครับ
  • ส้มตำ จะมีรสอะไร ...นั่นก็เพราะ บูรณาการระหว่าง มะละกอ พริก ฯลฯ ซึ่งทำได้ เพราะเป็นกลุ่มพืชผักบริโภค(Vegetables)
  • ราก(root) สัจจะ ไม่ได้เป็นกลุ่ม (Group) เดียวกันเสมอไปนะครับ

ความเห็นครั้งที่ 3

  • วาทะของเราสองคนนี้ เป็นส่วนหนึ่งของ
  • การสร้างเวที ปัญญา ร่วมกับหลาย ๆ ท่าน แล้วนะครับ
  • ขอบคุณมากครับ
  • คงปิดประเด็นแบบนี้นะครับ
  • ระลึกถึงเสมอ นะครับ
  • จาก กล้วยไม้ป่า ครับ

คุณณภัทร9

ความเห็นครั้งที่ 1

เป็นบันทึก ที่ประเทืองปัญญามากครับ  กับการแลกเปลี่ยนทัศนะกันอย่างอิสระเสรี

อยากให้มีบันทึกลักษณะนี้เยอะๆ จังเลยครับ  ยอมรับว่าทำให้เห็นตัวเองชัดเจนขึ้นมากครับ

ความคิด ความรู้สึกที่ผมจะกล่าวต่อไป ก็คงไม่ต่างจากสิ่งที่หลายๆ ท่านได้กล่าวไว้ คงไม่ขอยกคำกล่าวใดๆ มาอีก

สำหรับผมในตอนนี้ "ภาพลักษณ์" อันเป็นอุดมคติของผมก็คือผมอยากเป็นคนสนุกสนาน เฮฮา มีอารมณ์ขัน 

แต่ในความเป็นจริงแล้ว ใครที่เคยรู้จักผมดีก็จะทราบว่า "จืดสนิท ศิษย์ส่ายหน้า"

ผมจึงพยายามสร้างตัวตนใหม่ ในบล็อกนี้ ให้ดู ต๊องๆ กวนๆ มันส์ๆ บ้าง  เม้นท์อะไรที่มันหลุดๆ  สนุกๆ บ้าง

ผมเชื่อเหมือนกับหลายๆ ท่านว่าการมี "ภาพลักษณ์" ที่อยากเป็น  แม้จะแตกต่างกับ "ตัวตนที่แท้จริง" ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายแต่อย่างใด

ตราบใดที่เรายังคง มุ่งมั่น พัฒนาไปสู่สิ่งนั้นอย่างจริงจัง

ความเห็นครั้งที่ 2

สวัสดีครับ คุณพี่ศิลาฯ ครูบาอาจารย์ และกัลยาณมิตรทุกท่าน

ผมขออนุญาตแสดงความเห็นอีกครั้งนะครับ ในฐานะปุถุชนคนธรรมดาที่ไม่ได้มีความรู้ หรือภูมิธรรมอะไรมากมาย

ผมเชื่อในทฤษฎีองค์รวมครับ

ผมเชื่อว่าเราทุกคนล้วนเล็กจ้อยและมีมุมมองที่จำกัด เสมือนกับมดตัวน้อย ที่กำลังไต่อยู่บนตัวช้าง ย่อมอธิบายความเป็น "ช้าง" ในแง่มุมที่มดแต่ละตัวเคยสัมผัสมา มากบ้างน้อยบ้าง ก็แล้วแต่เส้นทางและประสบการณ์ของแต่ละคน

และผมก็เชื่อว่า เมื่อเราสามารถเข้าใจ และยอมรับในมุมมองที่แตกต่างกันไปตามบริบทของแต่ละคนได้ ก็จะทำให้เราเห็นภาพช้าง ได้อย่างตรงตามความเป็นจริงมากขึ้น

ทุกวันนี้ ผมจึงพยายามที่จะยอมรับทุกสิ่งด้วยใจที่เปิดกว้าง ไม่ว่าจะเป็นภูมิปัญญาจากทิศไหน หรือจากดาวดวงไหน  หากทำให้ผมมีมุมมองที่กว้างขวางขึ้น เข้าใจอะไรๆ ได้ดีขึ้น ผมขอน้อมรับไว้หมดครับ หากสิ่งนั้นจะทำให้ผมเห็นถึงความเป็น "องค์รวม" แห่งชีวิตมนุษย์ และเข้าถึง "องค์รวม" แห่งความเป็นจริงของจักรวาลนี้

ขอขอบคุณพี่ศิลา ตลอดจนทุกท่าน ที่ได้แสดงความคิดความเห็นไว้อย่างกว้างขวาง

ที่ทำให้ผมเห็นตัวเอง ชัดเจนขึ้นครับ

หมายเหตุ

บริบทของสิ่งที่ผมกล่าวนั้น อยู่ในขอบเขตของภูมิปัญญาทางโลกเท่านั้นนะครับ ไม่ขออนุญาติก้าวล้ำล่วงไปในภูมิปัญญาขั้น "เหนือโลก"

เนื่องจาก ยังไม่มีประสบการณ์ตรงครับ

ความเห็นครั้งที่ 3

สวัสดีครับ คุณพี่ศิลาฯ  จริงๆ แล้วผมก็หมดมุขที่จะต่อแล้วล่ะ

สำหรับตัวผมเอง บางครั้งพูดเพ้อเจ้อมากไป ก็ทำให้ชักรู้สึกหลงๆ

ผมอยากเป็นโน่นเป็นนี่หลายอย่างเลยครับ มันก็คือความอยากแบบปุถุชนคนมีกิเลส

แต่ผมเชื่ออยู่ลึกๆ ว่า เราสามารถเป็นอะไรก็ได้

ตราบใดที่เราไม่ได้เป็นอะไรเลย ฟังดูงงๆ ไหมครับ

ผมก็งง เพราะยังไม่ชัด เพียงแค่นึกคิดเอาเท่านั้น  มันอาจดูเหมือนกับ "น้ำ"

ที่ไม่มีรูปร่างที่แน่นอน  แต่ก็สามารถเป็นได้ทุกรูปทรง ขึ้นอยู่กับว่าเราจะเอาน้ำไปใส่ในภาชนะรูปทรงใด

อยากพัฒนาไปให้ถึงขั้น "ไร้ลักษณ์"   เพื่อที่จะเป็นให้ได้ "ทุกลักษณ์" น่ะครับ

นี่แหละครับ "กิเลส"  ของผม ที่อยากเป็นโน่นเป็นนี่ไปโม๊ดดดดด...

พร่ำบ่นมากชักหิว "น้ำ" ซะแล้วครับ

--------------------------------------------------------------------------------------------

ยังมีต่อความเห็นของผู้มาเยือนท่านอื่นอีก และความเห็นปิดท้ายของศิลาเองในภาค 2 ค่ะ

หมายเลขบันทึก: 248233เขียนเมื่อ 13 มีนาคม 2009 19:21 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 05:37 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (10)

แวะมาเรียนรู้ค่ะ

ขอบคุณค่ะ

มีความสุขในทุกๆวัน นะคะ

"ตัวตน"  "ภาพลักษณ์" เป็นเรื่องที่มีมิตินะครับ...

แล้วแต่ว่าเรากำลังพูดถึงมันใน "มิติ" ไหนนะครับ...

ดีใจและยินดีที่ได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนกันในประเด็นนี้ครับ...

ขอบคุณครับผม...

 

แวะมาขอบคุณที่กรุณาแวะไปเติมกำลังใจให้ก้าวเดินยามที่เหนื่อยล้า..ขอบคุณค่ะ

ขอบคุณคุณสายธารP ค่ะ รีบมาตอนก่อนเข้านอนค่ะ

สวัสดีค่ะ พี่ศิลาแสนสวย

แป๋มว่า "ตัวตน" ....และ "ภาพลักษณ์"
มีความงดงาม...บนความแตกต่างค่ะ.
หากเราทั้งหมด....หันเหลี่ยม..มุมของชีวิต
ร่วมกันขัดเกลา...ให้งดงาม..พราวแพรว
ในความเป็น..ตัวเอง..เหลี่ยมแต่ละด้าน
จะทำให้สวยงาม..ดุจเพชร..ที่ได้รับการเจียระไน
ด้วยความใส่ใจ.....ของเรา.....ทุกๆคนค่ะ

มีความสุขกับวันหยุดสุดสัปดาห์นะคะ..

  • ขอบพระคุณคุณ Mr.Direct P อย่างสูงค่ะ
  • ในมิติที่คุณ Mr. Direct นำเสนอ ศิลาเข้าใจและเห็นภาพสว่างมากค่ะ
  • หากมีโอกาสได้แลกเปลี่ยน  อยากให้มาลองช่วยกันทดสอบสมมติฐานอะไรบางอย่าง
  • สิ่งหนึ่งที่ศิลาพบเสมอเวลาคุยกับผู้รู้หลายท่าน...คือว่าเราคุยเรื่องเดียวกัน เพียงเราใช้วิธีการอธิบายคนละอย่าง จากภูมิหลังที่แตกต่างกัน ...จึงเข้าใจว่าเราก็กำลังเดินทางไปสู่จุดหมายเดียวกันน่ะแหละ ทำไงดีล่ะ...งั้นก็ต้องให้อีกฝ่ายเล่ามาให้จบว่าตลอดเส้นทางสายของเขาเจอะเจออะไรมาบ้าง  แล้วเราก็เล่าของเราจนจบ...
  • บางที เราอาจะเปลี่ยนเส้นทางไปใช้สายเดียวกับเขาก็ได้ เพราะถึงจุดหมายเดียวกัน...หรือเราอาจหาจุดที่จะเชื่อมตรงกลางระหว่างทางของเส้นทางสองเส้น...แล้วจากครึ่งทางนั้นก็เดินทางไปด้วยกันจนสุดทางด้วยกัน
  • ระหว่างการยกตัวอย่างข้างต้นนี้ คิดถึงเส้นทางไปพัทยาค่ะ อิอิอิ ...อยากพักผ่อนไม่ไกลดี......กับได้ทานอาหารทะเลอร่อย ๆ
  • เห็นคุณ addP อีกครั้ง ทำให้รู้สึกอุ่นใจมากค่ะ
  • รักษาสุขภาพกายด้วยนะคะ ช่วงนี้ร้อนจัดมากค่ะ และก็เหมือนจะมีพายุหน้าแล้งด้วย

ช่วงนี้มีหลายเรื่อง หลายเหตุการณ์ผ่านเข้ามาในชีวิตครับ

มันเป็นความพ้องพานของหลายๆ เหตุการณ์ ที่มีนัยยะพิเศษสำหรับตัวผม
ผมเชื่อในเรื่อง "สังกาลภาพ" - Synchronicity ของท่าน คาร์ล จุง ครับ

อ่านแล้วไม่ต้องงงนะครับ ผมคงต้องขอเวลาเงียบๆ เพื่อหลบไปตีความนัยยะต่างๆ ของเหตุการณ์ที่ประดังเข้ามา ประหนึ่งว่า กำลังบอกกำลังสอนอะไรผมอยู่

ตอนนี้ผมตัดสินใจ เปลี่ยน "ภาพลักษณ์" ภายนอกใหม่

ทิ้งอัตลักษณ์ ตัวตนในบล็อกที่เคยยึดถือ  ยอมรับว่ายากเหมือนกัน ที่เราจะตัดใจจากสิ่งที่เราเคยยึดถือ

แต่นั่นมันคงเป็นแค่เปลือกนอก

หากแต่เนื้อในผมยังคงไม่เปลี่ยนแปลง

จริงใจ แต่ไม่ Fake นะครับ

มีคำถามหนึ่งที่ก้องอยู่ในหัวผมตอนนี้ตลอดเวลา

"คนเราควรคบกันที่อะไร?"

คำตอบเบื้องต้น ที่ผมพอจะบอกได้ในตอนนี้ก็คือ เราควรคบกันที่ "ปัจจุบัน" ครับ

คบกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน มิใช่คบกับอดีต หรืออนาคต

อดีตอันสวยหรู อนาคตอันสดใส

ก็หามีความหมายอันใดไม่

หากเราพลาดชั่วขณะแห่ง "ปัจจุบัน"

อันเป็นนิรันดร์

  • คุณครูแป๋ม P พรรณาได้สวยงามมากค่ะ
  • พี่ศิลาเห็นภาพการพัฒนาตัวตนเทียบเคียงได้กับการเจียรไนเพชรอย่างที่คุณครูแป๋มบอกค่ะ
  • ชอบมากค่ะ ดีจัง ฟังอย่างนี้แล้ว "ภาพลักษณ์" หากเราทำเพื่อพัฒนาตนโดยปราศจากความหลงภาพตัวเอง ก็จะเหมือนเพชรแท้  จริงๆ ด้วยค่ะ
  • อ่านคำอธิบายตัวตนก็ดี หรือภาพลักษณ์ก็ตามของน้องซวง P แล้วซึ้งค่ะ
  • การเวียนว่าย (เอ๊ย โทษทีค่ะ) การลปรรในสังคมออนไลน์นานวันไปก็ช่วยทำให้เราเจริญเติบโตไปเรื่อยๆ ค้นพบอะไรใหม่ๆ
  • ยกตัวอย่างเช่น จากภาพเด็กหนุ่มหน้าตาสดใส กลายเป็นเด็กน้อยหน้าตาไร้เดียงสา กรณีนี้ อาจจะเป็นความรู้สึกอยากเปลี่ยนแปลงไปสู่ภาวะแก่นแท้ดั้งเดิมของมนุษย์ก็ได้ค่ะ ...ขอละไว้ ไม่ให้เข้าใจ...อิอิอิ
  • สรุป (ก่อนนอน) ก็คือว่าเป็นอะไรก็เป็นไป  ขอให้รู้ว่าเป็น 
  • นอนหลับฝันดี
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท