ธเนศ ขำเกิดเขียนเมื่อ 20 เมษายน 2549 19:07 น. ()
แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2555 14:46 น. ()
วันนี้ (20 เมษายน )
เราได้นัดประชุมผู้บริหารและทีมงาน KM
ของโรงเรียนในฝัน สพท.นบ.ข.1 จำนวน 2 โรงเรียน คือ
โรงเรียนบดินทร์เดชา(สิงห์ สิงหเสนี) นนทบุรี และ
โรงเรียนนนทบุรีพิทยาคม จำนวน 10 กว่าคน มาคุยกันเรื่องการส่งเสริม KM
ในโรงเรียน ซึ่งทั้ง 2 โรงเรียน
ได้ผ่านการประเมินเป็นต้นแบบโรงเรียนในฝันเรียบร้อยแล้ว
จึงคิดหาวิธีรักษาคุณภาพและเพิ่มคุณภาพให้เป็นต้นแบบแก่โรงเรียนอื่นอย่างยั่งยืน
ทั้งสองโรงเรียนเห็นตรงกันว่ากระบวนการ
KM น่าจะช่วยยกระดับคุณภาพของโรงเรียนให้สูงขึ้นได้
ผมได้นำให้ทุกคนได้ทำ AAR
พูดทบทวนกระบวนการ KM ว่าหลังจากเราอบรม KM ไปแล้ว 2
เดือนได้กลับไปทำอะไรต่อที่โรงเรียนของตนบ้าง
ก็พบว่าแต่ละโรงเรียนผู้บริหารและแกนนำต่างคิดหาวิธีส่งเสริมโดยพยายามใช้
KM
แทรกไปในงานที่ทำประจำโดยไม่อยากประกาศให้ดำเนินการโดยตรงเพราะเกรงว่าบุคลากรจะรู้สึกว่าเอา
KM ไปเพิ่มภาระอีกจึงพยายามหลีกเลี่ยงไม่พูดคำว่า KM กัน
เราได้ร่วมกันคิดหาวิธีการสอดแทรก KM
ลงไปในการปฎิบัติงานที่จะไม่ให้บุคลากรต่อต้านโดยเสนอกันว่าน่าจะเชิญหัวหน้ากลุ่มสาระ
หัวหน้างานต่าง ๆ มาคุยกันก่อนเหมือนกับวันนี้ โดยยังไม่พูดถึงเรื่อง
KM
แต่จะให้แต่ละคนเล่าเรื่องที่เขาปฎิบัติแล้วประสบผลสำเร็จ
เมื่อทุกคนสนใจและรู้สึกว่าเป็นกิจกรรมที่ดีก็จึงหารือเชิงเชิญชวนว่าสิงที่เรากำลังทำอยู่นี้น่าจะขยายผลไปในหมวดวิชาของตนเอง
หรืองานที่ตนเองรับผิดชอบหรือไม่
ซึ่งหวังว่าทุกคนคงจะเห็นด้วยและคงอยากรู้ว่ากระบวนการนี้คืออะไร
มีเทคนิคอย่างไรในการดำเนินงาน จากนั้นจึงจะเริ่มคุยกันเรื่อง
KM เมื่อทุกคนยอมรับในกระบวนการนี้แล้ว
จึงให้แกนนำเหล่านี้เป็นคุณอำนวยไปลองพูดคุยกับบุคลากรในกลุ่ม/งานของตน
เมื่อทุกกลุ่มเริ่มสนใจ
KM และอยากรู้กระบวนการนี้ โรงเรียนจึงจะจัดให้มีการอบรมเรื่อง
KM ให้แก่ทุกคน แล้วจึงร่วมกันทบทวนวิสัยทัศน์
กำหนด CoP ของแต่ละกลุ่ม/งาน พร้อมทั้งให้วางแผนดำเนินงาน
มีกิจกรรมกระตุ้นกันอย่างต่อเนื่อง โดยจะมีทำ AAR
กันตลอดเพื่อทบทวนปรับปรุงกันไปจนเกิดวัฒนธรรมการทำงานที่ดีร่วมกัน...นี่คือสิ่งที่คุยกันในวันนี้
เพื่อเพิ่มพลังพวกเรา ตอนพักรับประทานอาหารกลางวัน
เราได้ฉายภาพยนตร์เรื่อง "เสียงกู่จากครูใหญ่"ให้ดูกันอีกครั้ง
ความเห็น
ผมเห็นด้วยกับวิธีการของอาจารย์ที่คิดจะถ่ายทอด km
โดยผู้รับเต็มใจรับ ไม่คิดว่าเป็นการเพิ่มภาระงาน
ผมมีความคิดอยากจะทำโครงการสัมนาครูโดยใช้กระบวนการ km
ประมาณเดือนพฤษภาคม นี้ เพื่อเผยแพร่ให้กลุ่มโรงเรียนวังเจ้า
จังหวัดตากซึ่งมีโรงเรียนอยู่ด้วยกัน 16
โรงส่วนใหญ่เป็นโรงเรียนขนาดเล็ก
โดยมีจุดประสงค์คืออยากให้โรงเรียนทุกโรง
และกลุ่มทุกกลุ่มเป็นสังคมแห่งการเรียนรู้
ผมขอเรียนถามว่าอาจารย์พอจะมีเวลาว่างเป็นวิทยากรให้กับกลุ่มโรงเรียนวังเจ้าได้บ้างหรือเปล่าครับ
และควรจะวางแผนการจัดสัมนาอย่างไรดี
ผมขอความกรุณาอนุเคราะห์อาจารย์ได้ส่งคู่มือการจัดโปรแกรมสัมนาkm
ที่เคยจัดมาแล้ว ให้ผมได้ศึกษาบ้างจักขอบพระคุณยิ่งครับ
ประถม ปิ่นพาน
20 เม.ย.49
เป็นความคิดริเริ่มที่ดีครับ...ถ้าอาจารย์มีเป้าหมายว่า
อยากให้ทุกกลุ่มเป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ โดยใช้กระบวนการ KM
เป็นเครื่องมือขับเคลื่อน และเน้นไปที่การปรับเปลี่ยนวัฒนธรรมการคิด
การทำงานร่วมกัน ก็เป็นแนวคิดที่ดี แต่ ศ.นพ.วิจารณ์ เคยติงเสมอว่า เราจะทำ KM แท้หรือ KM
เทียม เพราะเดี๋ยวนี้หน่วยงานหลายแห่งทำกันตามกระแส(โดยเฉพาะราชการ)
เพราะเห็นว่าถ้าใครทำ KM แล้วเท่ห์ สามารถคุยอวดใครได้
ดร.ประพนธ์บอกว่า เหมือนการสร้างบ้าน
ส่วนใหญ่จะแค่ปูพื้นบ้าน เมื่อเจออุปสรรค(โดยเฉพาะคุณอำนาจ)
ก็ไม่สร้างต่อปล่อยให้ร้างไป
แล้วไปสร้างบ้านหลังอื่นๆต่อในลักษณะเดียวกัน
ผมเองก็อยู่ในระหว่างสร้างบ้านเหมือนกัน
เจอปัญหาเยอะเหมือนกัน แต่ก็พยายามกระตุ้น หาวิธีการ
สร้างบรรยากาศหลายๆรูปแบบ และไม่คิดว่าจะสำเร็จวันนี้พรุ่งนี้
คงต้องใช้เวลา แต่จะไม่ยอมปล่อยให้บ้านร้างง่ายๆ
คงยังไม่อาจเป็นตัวแบบได้
เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของทฤษฎี
หรือการเหมาโหลแต่เป็นการปฏิบัติจริง และต้องไม่ใจร้อน
เพราะเรากำลังทำงานกับคน ซึ่งมีชีวิตจิตใจ
และถูกหล่อหลอมกันมาด้วยวิธีที่หลากหลายมาเป็นเวลานาน
อาจารย์อยู่ที่จังหวัดตาก มีของดีอยู่ใกล้ตัว
ที่เขาทำสำเร็จแล้ว สคส.ไปถ่ายทำวีดีโอเผยแพร่ทั่วประเทศ
คือโรงพยาบาลบ้านตาก อยากให้อาจารย์ไปเก็บเกี่ยวที่นั่น
ผมเองจะเป็นเพื่อนร่วมทางกับอาจารย์ทำแล้วได้ผลอย่างไรก็แลกเปลี่ยนเรียนรู้กันนะ
คุณหมอพิเชษฐ์ ผอ.รพ.บ้านตาก บอกว่า KM คือ
"การจัดการความสัมพันธ์" ครับ ขอให้อาจารย์โชคดีครับ