กระเพื่อมไปเอง


มีอะไร จะเล่าให้ฟัง ..

            ช่วงหนึ่งของชีวิต เมื่อผมกำลังเรียน ม.๒ ที่โรงเรียนกาญจนาภิเษก วิทยาลัย เพชรบูรณ์
โรงเรียนนี้เป็นโรงเรียนประจำ ก็กินนอนอยู่ที่นั่น สนุกดี  กิจกรรมที่นี่ก็มีหลายอย่าง ยกตัวอย่างเช่น ตื่นตีห้าครึ่งมาวิ่ง ฝึกระเบียบทหาร สวนสนาม การฝึกบุคคลท่ามือเปล่า รวมถึงกิจกรรมเสริมหลักสูตรอื่นๆ และที่ขาดไม่ได้นั่นก็คือ การเรียนพิเศษ ซึ่งก็จะเรียนตั้งแต่สองทุ่มถึงสี่ทุ่ม การเรียนก็ไม่ถึงกับเรียนทุกวัน แต่ก็ประมาณสามครั้งต่อสัปดาห์ ตามเวลาที่เคยกล่าว

            เมื่อถึงเวลานั้นๆ นักเรียนประจำทั้งหลาย ก็จะแต่งชุดนอนสีฟ้ามอซอ เดินลงไปที่ห้องเรียน อาคารเรียนดูใหญ่โตเมื่อเทียบกับขนาดของเด็กๆ ฟ้ามืดลงแล้ว ไฟที่เปิดก็มีเพียงพื้นที่ที่ใช้งานเท่านั้น นักเรียนหลายๆ คนเลือกที่จะอยู่ในเขตของความสว่าง รวมถึงผมด้วย ซึ่งก็น่าแปลก ทั้งๆ ที่อาคารเรียนก็หลังเดิม ต่างกันเพียงแค่พระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตกเท่านั้น ในเวลานั้นผมเองก็ไม่ทราบเหมือนกันว่า เพื่อนๆ กลัวอะไรและผมก็ไม่รู้ว่าในความมืดนั้นมีอะไร บางทีมันอาจเป็นเพียงสิ่งลึกลับที่เรามองไม่เห็นและกำลังจ้องมองพวกเราจากห้องเรียนข้างๆ
ที่ปิดไฟไว้ก็ได้

Learn

 

ี่ทุ่ม คุณครูปล่อยนักเรียนกลับหอนอน เด็กๆ ก็พากันเดินเป็นกลุ่ม โดยไม่มีใครปรารถนาจะอยู่เป็นคนสุดท้าย โรงเรียนกาญจนาภิเษกวิทยาลัย เพชรบูรณ์ เป็นโรงเรียนที่ตั้งอยู่ใกล้ๆกับเขาค้อ อากาศเย็นสบาย อุปกรณ์การเรียนการกีฬาก็มีพร้อม พื้นที่กว้างขวาง ในสมัยที่ผมเรียน ผมเป็นรุ่นที่ ๓ เวลานั้นนักเรียนยังมีไม่มาก  ห้องเรียนเยอะ จึงเหลือใช้ และแล้ว เวลาก็ดำเนินไป ....

ันหนึ่งผมก็ไปเรียนพิเศษ เวลาผ่านไปจนสามทุ่มกว่าๆ ผมก็ปวดท้องหนักอยากเข้าห้องน้ำ ชวนเพื่อนคนไหนก็ไม่ไป ณ ชั้นสามของอาคารเรียนมีห้องเรียนอยู่ ๒ ห้อง ซ้ายมือสุดเป็นของน้อง ม.๑ ถัดมาเป็นห้อง ม.๒ ของผม ส่วนห้องน้ำอยู่ขวามือสุด โดยเว้นช่วงห้องเรียนมืดๆ ไว้ ๓ ห้อง ซึ่งแม้แต่ไฟทางก็ไม่เปิด ทางอยู่ไกลเหลือเกินสำหรับเด็กขาสั้นๆ ผมพยายามจะไม่มองเข้าไปในห้อง มืดๆ เหล่านั้น โดยกำหนดสายตาให้เพ่งไปที่สุดทางของตึก ที่ที่แสงสว่างจากห้องน้ำลอดออกมา

มื่อไปถึงห้องน้ำ ก็มองซ้ายมองขวา มั่นใจว่าไม่มีอะไรในนั้น ก็เข้าห้องน้ำลงกลอนทำภาระกิจ นั่งไปใจก็คิดไปว่า หากห้องข้างๆ เกิดมีเสียงดังขึ้นมาจะเป็นเสียงอะไร มองขึ้นไปบนเพดาน หากมีอะไรโผล่มาจะทำอย่างไร สิ่งอะไรก็ตาม ที่สมองน้อยๆจะคิดให้มันน่ากลัวได้ มันก็จิตนาการออกมาให้สอดรับกับสภาพห้องน้ำในเวลานั้น
ที่สำคัญนั้น มันไม่สามารถหยุดคิดได้

ักแป๊ปนึง ก็มีเสียงคนวิ่ง ตึก ๆๆๆ  เข้ามาในห้องน้ำ กะประมาณได้ว่า ๒ คน โดยตนเองคิดว่าเป็นน้อง ม.๑ แล้วก็ใช่จริงๆ น้องมาเข้าห้องน้ำ เวลานั้นก็สบายใจขึ้นมาหน่อย แต่เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เพราะนอกจากน้องๆ พวกนั้นจะมาถ่ายเบาแล้ว มันยังแกล้งกันโดยคนที่เสร็จก่อนก็ไปรอหน้าห้องน้ำ แล้วตะโกนเข้ามาว่า “มึงเร็วๆ ดิ มึงไม่รู้เหรอห้องน้ำนี้มีผี” อีกคนก็บอก “เออ กูรู้ มึงรอด้วยดิ” ทันใดนั้นไอ้คนที่อยู่หน้าประตูก็ปิดไฟห้องน้ำ ปั๊ป !!!!  แล้วก็วิ่งหนีไปโดยมีอีกคนไล่ตาม ....

้อง...น้ำ ... มืด .. สนิท .... T_T … มืด.... สนิท.....จริงๆ ... สาระเลยครับพี่น้อง

ั้งสองคนคงไม่ทันคิดว่ายังมีอีกบุคคลที่น่าสงสารติดอยู่ในห้องน้ำ แหมมันน่านัก มาบอกว่าที่นี่มีผีให้เรามั่นใจยังไม่พอ  แถมปิดไฟให้มืดแล้วหนีไปอีก ... 555+

Dark

 

มื่อความกลัวแบบมองไม่เห็นทางออกเข้ามาในจิตใจ น่าแปลกที่มนุษย์คนหนึ่งกลับใจเย็นลง
ผมค่อยๆ ทำทุกอย่างแบบไม่รีบร้อน เปิดประตู เดินออกมาล้างมือ แล้วเดินช้าๆ กลับไปเข้าเรียน ในใจเวลานั้น
ช่วงแรกคิดว่า “เวรแท้ๆ ทำไงดี” แต่เมื่อพิจารณาซักพักก็พบว่า ป่วยการที่จะทำอะไร เพราะเวลานั้นเปรียบชีวิตตัวเองเหมือนลูกไก่ในกำมือของผี (ตามสมมุติฐานของเด็กๆ ที่ผีจะมาเฉพาะในที่มืด) เพราะห้องน้ำก็มืดหมดแล้ว แถมผมก็ไม่สามารถกระเสือกกระสนในสภาพนั้นเพื่อเปิดไฟได้ ทำอะไรก็คงไม่ทันการเพราะหากผีจ้องจะหลอกอยู่ก็คงเป็นโอกาส และผมก็คงไม่สามารถจะทำการใดใดเพื่อปฏิเสธการมาของผีได้ ก็เลยปลงและนิ่ง ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามความจริง .... ซึ่งความจริงมันก็ไม่มีอะไร

            นั่นคือความคิดในจินตนาการ ม.๒ ของผม ซึ่งในความจริง มันก็ไม่มีอะไร มีแต่ความปกติ
ไม่มีอะไรในความมืด ไม่มีอะไรในความสว่าง มีแต่ในความคิด จิตคิดขึ้นเองทั้งนั้น มีกลอนบทหนึ่งเค้าว่าไว้

ม แรงแกล้งสะบัด       ธงทิว
            หนึ่ง ว่าวายุฉิว              ใช่แน่
            สอง ว่าเพราะผ้าปลิว     ต่างหาก
            สาม ว่าใจพี่แล้              กระเพื่อม ไปเอง

 

Wind

 

          นั่นแหละคือการกระเพื่อมไปเอง มนุษย์หลายคนทุกวันนี้กระเพื่อมกันมาก ภรรยาหลายคนดูละครเรื่อง เมียหลวง แล้วก็กระเพื่อมคิดว่า สามีตนเองมีโอกาสเป็นแบบนั้น ก็ไปเหน็บว่าสามี ซึ่งก็แปลก เพื่อนร่วมงานบางคนหวังดี ทำงานในห้องเดียวกัน เย็นแล้วจะกลับบ้าน เพื่อนอีกคนทิ้งกระเป๋าไว้ในห้อง ตนเองก็กลัวของเพื่อนจะหาย เพราะไม่มีใครอยู่ ก็เลยงับประตูไว้ให้ เพื่อนอีกคนกลับมายังไม่ทันสำรวจประตูว่าล็อครึเปล่า ก็กระเพื่อมด้วยอารมณ์และตัดสินไปก่อนเลยว่า เพื่อนได้ล็อคห้องไปแล้ว จึงโทรไปต่อว่าเพื่อน .. นั่นก็เป็นตัวอย่างง่ายๆ

            ุกวันนี้อวิชชาเยอะ คนทักนั่นดี นี่ไม่ดี ยิ่งสื่อต่างๆ ที่เผยแพร่ออกหา คนรับสารทุกท่านโปรดพิจารณาดีดี เพราะทุกโฆษณา ทุกภาพยนต์และข่าว ล้วนแฝงไปด้วยปฏิบัติการทางจิตวิทยาเพื่อสร้างความชอบธรรมและสร้างความสับสน ทั้งสับสนจากความจริง  ทั้งทำให้ความคิดสับสน เปรียบคล้ายเราอยู่ในโลกเสมือนที่มีการชักฉากให้เรามอง หากเราพิจารณาไม่ดีหรือไปกระเพื่อมตามสิ่งที่เค้าส่งออกมาเร้า พฤติกรรมของเราก็จะเป็นไปตามเจตนาของใครก็ไม่รู้ ที่มีเจตนาบางอย่าง

           

ั้งๆ ที่โลกแห่งความจริงไม่มี ทั้งๆ ที่โลกแห่งความจริงไม่ใช่ ผู้มีปัญญาโปรดพิจารณา

 

 

.....

 

หมายเลขบันทึก: 245749เขียนเมื่อ 1 มีนาคม 2009 22:27 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 20:22 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (13)

ใช่จริงๆ เลยครับ

คนเราจะว่าตัวเองถูกเสมอ

บางคนดูหนัง ดูละครมาก

ก็เอามาคิดว่าตัวเองเป็นหนึ่งในนั้น

อิอิ...

สวัสดีครับ

การเกิดในพุทธศาสนาจึงถือว่ามีบุญครับ

เพราะมีเรื่องสติให้เรียนรู้

เป็นเครื่องมือเอาไว้แก้หลงหรือกระเพื่อม

ถ้าจะว่าไปแล้ว ถ้าจะกระเพื่อมเพราะเหตุ ก็แค่ดูการกระเพื่อมนั้นไปครับ

กระเพื่อมหนอๆๆๆ

สาธุครับกับข้อคิดดีๆ

 

 

"...หากผีจ้องจะหลอกอยู่ก็คงเป็นโอกาส..."

ถ้าเจอผีประเภทนี้จริง ๆ ทำไงดีครับ..555

ตอบ : สาดตาจาน

ต้องรู้ทันใจของเราครับ ไม่ให้กระเพื่อมไปตามสิ่งเร้า

.....

ตอบ : พลเดช วรฉัตร

สาธุเช่นกันครับ

.....

ตอบ : ย่ามแดง

ก็มองเป็นกลางครับ เค้าคงแค่มาขอส่วนบุญ เป็นไปได้ก็คุยกับเค้าไป 555+

จริงๆ แล้วมนุษย์ไปจินตนาการเองครับ ว่าเค้าน่ากลัว

เค้าน่ากลัวเพราะเรากลัว จริงๆ แล้วเค้ากำลังเผชิญความทุกข์อยู่

แผ่เมตตาไปให้ก็เหมาะครับ

มาชม

ภาพสวยสื่อความหมายดีจัง

ยังคงล้ำลึกมากเช่นเคย

อ่านแล้วได้ข้อคิดค่ะ

ตอบ umi

ขอบคุณครับ

.....

ตอบ Ninko

ไม่มากเท่าไหร่หรอกครับ กำลังพัฒนา

.....

ขอบคุณทุกท่านครับ

คลื่นโลกย์  มันแรงกว่า  คลื่นธรรมครับ

      สังคมเลยกระเพื่อมไปมาก

ผมเองยังกระเพื่อมเลยครับ

ดีครับ

ดีที่รู้ว่ากำลังกระเพื่อม

หลายๆ คนกระเพื่อมแบบไม่ลืมหูลืมตา

จริงที่ว่า มันไม่สามารถหยุดคิดได้ ถ้าอยู่ในสถานการณ์นั้น ฮ่าๆๆ

ข้อคิดดีมากๆเลย

ผมก็นักเรียนประจำเหมือนกัน ก็เคยเจอครับ ผีปาปิเมี้ยว,ผีนักรบญี่ปุ่น,ผีเด็กดอง สยองสุดๆไม่กล้าเดินไปไหนมาไหนในโรงเรียนตอนกลางคืนเลย

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท