โลกภายนอก โลกภายใน


อ่านหนังสือของท่านใด  ไม่แน่ใจ  แต่ติดตรึงที่ความรู้ ความเข้าใจที่ว่า

โลกภายในของเราเป็นเช่นใด  โลกภายนอกของเราก็เป็นเช่นนนั้น

เราเห็นว่าไม่ดี เพราะภายในเราเห็นเช่นนั้น

 

เรื่องราวนี้นำมาเทียบเคียงกับความคิดที่ไม่ดีของเรา  ความคิดอกุศลของเรา

ที่ยังคงวิ่งวนอยู่

อย่างน้อยก็รู้ตัวเองบ้างว่าภายในนั้นยังต้องปรับปรุงอยู่  เรื่องอะไรบ้าง  มุมมองไหน

เป็นกำลังใจ  เป็นทิศทางง่ายๆ เพื่อกำกับการปฏิบัติ...

 

 เช่นถ้ามัวแต่มองคนอื่นว่าไม่ดี  ไม่งาม  เรานั่นเองละที่จะต้องระวังภายในของจิตใจเราเองว่า  เรางาม  เราดีแล้วหรือยัง....

 

เป็นมุมหนึ่งที่ง่ายๆดีครับ...0..

หมายเลขบันทึก: 242459เขียนเมื่อ 16 กุมภาพันธ์ 2009 03:53 น. ()แก้ไขเมื่อ 4 พฤษภาคม 2012 19:44 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (9)

สวัสดีค่ะ

เห็นด้วยค่ะ เราควรหัดเปลี่ยนมุมมองของตนเสียใหม่ให้มองทุกสิ่งตามความเป็นจริง พยายามคิดบวก นอกจากจะสบายใจ ยังส่งผลให้ความชรามาเยือนเราช้าอีกนะคะ

มาซึมซับข้อคิดดีดียามเช้าค่ะ สบายดีไหมคะ คุณหมอ

สวัสดีครับ...

ใจสั่งมา... ทุกอย่างถูกขับเคลื่อนมาจากภายในของเราโดยแท้  ดังนั้น  บางห้วงของชีวิต  จึงมีคนบอกว่าให้ฟังเสียงจากข้างในดูสิ..เผื่อบางทีอาจจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของการแก้ปัญหาของชีวิต

...

มีความสุขมากๆ นะครับ

สวัสดีค่ะคุณหมอ

  • เทียนน้อยว่าถ้าเราฝึกได้ กับการที่จะตื่นรู้ กับใจ กับความรู้สึกนึกคิดของตนเองได้

นี่ดีมากเลยนะคะ  รู้ว่าตอนนี้เรากำลังคิดอะไร เมื่อยามที่มีแรกระทบมาจากภายนอกแล้วเรารู้สึก

อย่างไร  รัก โลภ โกรธ หลง อิจฉา ริษยา ฯลฯ  พอเรารู้ตัวนี่  อือ  เราคิดอะไร ใจเรากำลังไป

เกาะกับอะไร เมื่อรู้แล้วก็ต้องปรับใจตนเองเรื่อยๆให้ใจดีๆ เมื่อทำได้รู้สึกได้เหมือนถูกปลด

ปล่อย  ใจมันเบาๆ  สบายๆ  ไม่ว่าจะมีแรงภายนอกมากระทบใจเรามากน้อยแค่ไหน

เราก็จะมีสติ ตื่นรู้ และไม่ทุกข์นะคะ  เออ มันก็ธรรมดาอย่างนี่เอง  ....รู้สึกดีจังเลยค่ะ  ^-^

(แต่ไม่ใช่ไม่ยินดียินร้ายในเรื่องอะไรนะคะ  อยู่อย่างผู้มีสติและปัญญาในการดำเนินชีวิต..)

เทียนน้อยจับประเด็นจากการอ่านแล้วนำมาฝึกค่อยเป็นค่อยไปนะคะคุณหมอ

มีความสุขกับการทำงานนะคะ

ท่านคเวสโกวัดป่าสุนันทวรารามเปรียบการมองโลกภายนอกกับภายในไว้ว่าการชี้นิ้วด่าว่าผู้อื่นนั้นให้มองดูนิ้วที่กลับมาหาตัวว่ามีกี่นิ้วก็เป็นการเตือนสติได้ดีและขำขันดีด้วยเมื่อไรที่เห็นนิ้วที่กลับมาหาตนเยอะแยะเลยต้องรีบหดนิ้วกลับเลิกชี้ไปทันไดเลยเจ้าค่ะ

ช่วงนี้ผมรู้สึกเบลอ ๆ

ด้วยภารกิจของลูกที่ต้องพาบิดาไปรักษาโรคตาที่เชียงใหม่

ขับรถไป-กลับ -รอบใน 5วัน

กลับมาเจ้านายสั่งงาน..

ตามงานลูกน้อง...

มันจริง ๆ

แต่กลับมาเศร้าเพราะเจ้า "ผู้ไม่ประสงค์ออกนาม"นี่แหละ

ขอบคุณครับ P  ครูแป๋ม

ยินดีที่ได้แบ่งปันครับ

การมองโลกแง่บวก  สำคัญมากจริงๆครับ

พยามฝึกอยู่ครับ  เพราะติดมองอะไรเป็นลบๆมาก่อน

สวัสดีครับ

ขอบคุณครับพี่แก้ว

 

ขอบคุณพี่แผ่นดิน  คุณเทียนน้อย

คุณยายธี มากๆครับ

 

พี่รอนครับ...

ผมไม่รู้ศึกเศร้าเท่าใด  แต่พยามรับรู้ภายในว่าเรกำลังคิดเเละรู้สึกเช่นใด  ครับ

 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท