"คนดี" ที่ไม่มีกลโกง คือ คนที่ไม่มีทางประสบความสำเร็จ จริงหรือ ?


โดยปกติ อาจารย์มหาวิทยาลัยท้องถิ่นจะมีหน้าที่หลัก ๆ อยู่ 3 ประการใหญ่ ๆ ได้แก่ การสอน, การวิจัย และการบริการวิชาการ

 

เรื่อง ตำแหน่งทางวิชาการ

ที่แสดงถึงวิทยฐานะทางวิชาการ ได้แก่ อาจารย์, ผู้ช่วยศาสตราจารย์, รองศาสตราจารย์ และศาสตราจารย์ ซึ่งการได้มาซึ่งตำแหน่งดังกล่าวจะมีเงินประจำตำแหน่งทางวิชาการทุก ๆ เดือนตามลำดับขั้น

การจะได้ตำแหน่งทางวิชาการนั้น ขึ้นอยู่กับเกณฑ์ของผลงานทางวิชาการได้แก่ งานวิจัย เอกสารประกอบการสอน เอกสารการสอน หนังสือ ตำราที่กลั่นออกมาจากมันสมอง

หลายคนใช้ความเพียรพยายามหลายปี ผลิตทุกผลงาน เขาสมควรได้ตำแหน่งทางวิชาการเป็นรางวัล

หลายคนใช้ช่องโหว่ทางกฏหมาย มีการใช้ระบบอุปภัมภ์ กำลังภายในทุกวิถีทางที่จะให้ตนได้ตำแหน่งทางวิชาการ คนแบบนี้ไม่สมควรได้ตำแหน่งทางวิชาการ เพราะดูอย่างไรก็ไม่ถึงขั้นที่ควรจะได้ ไม่แคร์ว่าจะใช้วิธีการใด

นั่นแค่ตำแหน่งทางวิชาการที่เป็นล่อใจในความสามารถทางวิชาการ พร้อมเงินรางวัลประจำเดือน

 


แต่ที่น่ากลัวไปกว่านั้น คือ ตำแหน่งทางการบริหาร

หากเป็นการบริหารระดับมหาวิทยาลัย ก็จะมีตำแหน่ง อธิการบดี, รองอธิการบดีฝ่ายต่าง ๆ, ผู้ช่วยอธิการบดี

หากเป็นการบริหารระดับสำนัก/สถาบัน ก็จะมีตำแหน่ง ผู้อำนวยการสำนัก/สถาบัน, รองผู้อำนวยการสำนัก/สถาบัน

หากเป็นการบริหารระดับคณะ ก็จะมีตำแหน่ง คณบดี, รองคณบดีฝ่ายต่าง ๆ, ผู้ช่วยคณบดี, หัวหน้าสาขาวิชา

ตำแหน่งการบริหาร สิ่งที่เห็นชัดได้คือ เกียรติยศ ชื่อเสียงที่จะได้รับ สิ่งที่ตามมาคือ เงินค่าตำแหน่ง เงินอื่น ๆ จากเส้นทางอื่นก็จะตามมา บางทีก็สุจริต บางทีก็ทุจริตทางนโยบาย ก็มี สารพัดจะหาช่องโหว่

หากมหาวิทยาลัยได้คนดีมารับตำแหน่ง ถือเป็นโชคดีสำหรับองค์กร

หากมหาวิทยาลัยได้คนขี้โกงมารับตำแหน่ง คงไม่ต้องบอกนะครับว่า จะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง


แน่นอนครับ หลายคนที่เข้ารับตำแหน่งมีตำแหน่งทางวิชาสูงแล้ว มีประสบการณ์การทำงานสมควรแก่ตำแหน่ง เขาสมควรที่จะเข้ามากำกับดูแลนโยบายและการขับเคลื่อนของมหาวิทยาลัย

แต่หลายคนไม่สมควร แม้แต่จะคิด ใช้ระบบอุปถัมภ์ ระบบเส้นสายนายเรา เข้ามา เกิดระบบเชลียร์คนที่สามารถให้ตำแหน่งเขาได้ ระบบการคัดสรรคนพังพินาศ องค์กรได้คนแบบนี้เข้ามาบริหาร

ผมเห็นคนที่มีความทะเยอทะยานอยากสูง ๆ มีการวางแผนการมานับสิบปีที่จะให้ตนเองได้ก้าวขึ้นไปสู่ที่สูง

มีการใช้ระบบประจบประแจงผู้ที่สามารถชักจูงตนเองได้ หาทางกำจัดคนที่จะเป็นคู่แข่งที่เหนือกว่าตนเองสารพัดวิธี หาลูกน้องที่นิสัยเหมือนตัวเองมาใช้งาน เพราะลูกน้องก็เป็นใหญ่ตามเจ้านายเหมือนกัน

น่าสมเพชชะมัด พวกอาจารย์นักการเมืองพวกนี้

 


การสรรหาตำแหน่ง

เมื่อวาระของผู้บริหารชุดเก่าหมดไป ผู้ที่คิดว่าตนเองจะก้าวขึ้นมาแทนก็เข้ามาสมัครเป็นผู้บริหารสูงสุดของคณะ

มหาวิทยาลัยท้องถิ่นของผมใช้วิธีการสรรหา โดยเริ่มต้นหยั่งเสียงจากประชาคม กรรมการสรรหาพิจารณาต่อ แล้วส่งให้สภามหาวิทยาลัยพิจารณาเป็นด่านสุดท้ายว่าจะเลือกใคร โดยส่วนใหญ่ สภาฯ มักจะเลือกจากคะแนนการหยั่งเสียงของอาจารย์ในคณะ

มีผู้สมัครมาจากฐานอำนาจเก่าที่บริหารงานแบบพวกพ้อง 1 คน ผู้สมัครที่เป็นนักวิชาการ 1 คน และเป็นผู้สมัครที่เป็นคนดีจริง ๆ ในสายตาผม 1 คน

ผู้สมัครนักวิชาการก็เลือกใช้วิธีการหาเสียง โดยการเดินเข้ามาขอเสียง โบว์ชัวร์ SMS บ้าง หรือมีการต่อรองให้ตำแหน่งบ้าง หากเขาเลือกตน (วิธีนี้ผมไม่ค่อยชอบ เพราะการต่อรองทำให้ความสง่างามลดลง กลายเป็นตำแหน่งการซื้อขายได้) แต่วิสัยทัศน์ที่แสดงออกมายังขาดความลึกซึ้งในสภาพความเป็นจริงอยู่มาก อาจจะต้องเนื่องจากความเป็นนักวิชาการมากกว่านักบริหาร

ผู้สมัครฐานอำนาจเก่า นี่สิสุดยอดเล่ห์กล มีผู้บริหารสูงสุดของคณะและมหาวิทยาลัยสนับสนุน ใช้วิธีการระดมเสียง ข่มขู่ ใช้อำนาจให้เลือกคนนี้ มีการต่อรองตำแหน่งให้คนที่เป็นหัวคะแนนเสียง แค่นี้ยังไม่พอ ใกล้เวลาหยั่งเสียง กลัวไม่ชนะ เนื่องจากเสียงมันใกล้เคียงกันมาก ใช้วิธีตีรวนให้ครูโรงเรียนสาธิตฯ ล่ารายชื่อแจ้งไปยังสภาฯ ว่า ครูสาธิตต้องการหยั่งเสียงด้วย ทั้ง ๆ ที่ตาม พรบ.ของมหาวิทยาลัยไม่ได้ให้บทบาทในเรื่องนี้ (นี่ไม่ใช่เรื่องการกีดกัน แต่บทบาทของครูสาธิตคือสอนนักเรียน ป.1 - ม.6 ไม่ได้สอนอุดมศึกษา การบริหารระหว่างโรงเรียน กับคณะจึงแยกออกจากกัน คุมกันแค่นโยบาย) สภาฯ ได้ตัดสินไปแล้ว 1 ครั้งว่า บทบัญญัติไม่ได้ให้สิทธิ์เอาไว้ นี่เป็นครั้งที่สองที่ยื่นต่อสภา โดยแผนของผู้สมัครคนนี้

บอกตามตรงว่า ผมเสื่อมศรัทธาหนักมากขึ้นสำหรับการใช้วิธีการแบบนี้

ทำให้กรรมการสรรหาขอเลื่อนวันหยั่งเสียงออกไปอีก เพื่อให้สภาฯ พิจารณาเป็นครั้งที่สอง

เรื่องนี้ดังไปทั่วมหาวิทยาลัย และใคร ๆ ก็รู้ว่า ใครกำลังเล่นเกมนี้อยู่

ผลการพิจารณาออกมาว่า ไม่มีสิทธิ์เช่นเดิม

แต่นั่นก็ยังไม่พอ ... เกมต่อไปคือ การเลือกวิธีการหาเสียงโดยการดิสก์เครดิตคู่ต่อสู้คนอื่น ๆ โดยเวลาไปหาเสียงก็บอกกับใคร ๆ ว่า อีก 2 เบอร์พยายามปล่อยข่าวทำลายตัวเอง ทำให้เกิดความสงสาร ไม่เลือกอีก 2 เบอร์

วิธีนี้สุดยอดนักการเมืองไหมครับ อยากไหว้ครูแบบนี้ไหมล่ะครับ

สำหรับผู้สมัครคนสุดท้าย คือ คนดีในสายตาผมแน่นอน มองโลกในแง่ดีมาก จนมากเกินไป เชื่อในตัวคนที่ไปติดต่อว่า จะเทคะแนนให้เนื่องจากไม่ชอบอีก 2 เบอร์ที่กล่าวมา โดยเฉพาะฐานอำนาจเดิม ขณะผมยังไม่เชื่อใจในคนเหล่านี้เลย ก็เห็นกันอยู่หลาย ๆ ครั้งว่า เป็นพวกเห็นแก่ตัวที่ชอบแทงข้างหลัง อะไรจะเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ดีขนาดนั้น ไม่มีทาง ผมคิดในใจ แต่ไม่กล้าพูดให้เสียกำลังใจ เขายังวิเคราะห์คนไม่เก่ง ผมเชื่อว่า ถือเป็นบทเรียนสำคัญและ "อย่าไว้ใจทาง อย่าวางใจคน จะจนใจเอง"

เมื่อถึงวันที่หยั่งเสียงออกมา ... ผมติดภาระการสอน ให้เพื่อนไปดูการนับคะแนน

ผลที่ออกมาเป็นอย่างที่ผมคาดการณ์ไว้แต่แรก .... มีการหักหลังและพลิกลิ้นกันอย่างมโหฬาร อันด้วยความกลัว ความเห็นแก่ตัวของคน โดยไม่ได้สนใจว่า อีก 4 ปีต่อไป คณะจะเดินอยู่ที่เดิม บริหารแบบเดิม ๆ ที่มีแต่พวกพ้องใคร พวกพ้องมัน ไม่ต่างจากนักการเมืองระดับประเทศที่มีให้เราเห็นอยู่ทุก ๆ วันนี้เลย

ถ้าผมให้กลโกงแก่พี่ผู้สมัครไปบ้าง ผมเชื่อว่า คะแนนจะไม่ขาดลอยแน่นอน แต่เราไม่เลือกใช้วิธีการสกปรกแบบนั้น มันไม่สง่างาม ไม่ว่าจะเป็นผู้แพ้หรือผู้ชนะ แต่ในที่สุด "คนดีที่ไม่มีกลโกง ก็ถูกกระทำเสียเอง"

 

"ความดียังสวยงามเสมอ" จริง ๆ เหรอ ... ผมอาจกำลังจะเริ่มจิตตกขึ้นมาบ้าง

 

องค์กรใด หากมีคนดี มากกว่า คนไม่ดี ผมเชื่อว่า องค์กรนั้นจะมีพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว แต่หากองค์กรใด มีคนไม่ดี มากกว่า คนดี แล้วล่ะก้อ ผมเชื่อว่า มหาวิทยาลัยนั้นจะหยุดเดินและถอยหลังไปอีกหลายปี

ไม่ว่าปัญหาในอนาคตจะมากมายเพียงใด ผมจะเลือกต่อสู้เพื่อความถูกต้องต่อไป ถึงแม้ผมจะเป็นแค่ฟันเฟืองเล็ก ๆ ในสังคมมหาวิทยาลัยท้องถิ่นใหญ่ ๆ ก็ตาม

"ขอทำงานด้วยจิตว่าง" ดังคำกล่าวของท่านพุทธทาส และเลือกต่อสู้ในทางธรรม

ขอบคุณทุกท่านที่รับฟังความรู้สึกของผมในบันทึกนี้

บุญรักษา คนดี ๆ ครับ :)

 

หมายเลขบันทึก: 240143เขียนเมื่อ 7 กุมภาพันธ์ 2009 01:21 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 ธันวาคม 2012 13:38 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (23)

ด้วยความต้องการรักษาคนดีไว้คู่เมืองไทย

ขอแลกเปลี่ยน

ด้วยพระราชนิพนธ์แปลจากภาษาจีน

ในสมเด็จพระเทพฯ

ชื่อเมฆเหิน น้ำไหล

สุขกายสุขใจจ้า

สวัสดี อาจารย์น้องชาย

ขอแลกเปลี่ยนด้วย สวยแต่นอก..ในบอก..ต๊ะติ๊งโหน่ง

จิตว่าง วางจิต คิดส่งเสริม

ยังต้องเติม ความดี ศรีสังคม

ถึงไม่ผ่าน ไม่ช้ำชอก ไม่ตรอมตรม

ยังก้มหน้า ตรากตรำ กับทำงาน

  • เรื่องที่ไปที่มาของผู้บริหารบ้านเรามันเหมือน ๆกันหมดนั่นแหละ โดยเฉพาะพวกมหาวิทยาลัยที่เติบโตมาจากโรงเรียน  พวกนี้สังกัดกระทรวงศึกษาธิการเก่ามาก่อน  ยังสลัดความคิดแบบกระทรวงศึกษาไม่ออก  พวกกระทรวงศึกษานี่  ผู้บริหารเป็นแล้วต้องเป็นตลอดชีวิต  เช่นราชภัฏ  ราชมงคล นี่ อธิการส่วนใหญ่เขาไม่ยอมลงจากตำแหน่งหร็อก  เป็นที่นี่ไม่ได้  ก็ไปเป็นที่อื่นต่อ  แม้กฎหมายเขียนไว้ว่าให้เป็นได้แค่สองสมัยต่อเนื่อง เขายังตีความกันว่าหมายถึงสองสมัยในที่เดียวกัน 
  • ระบบการสรรหาอธิการบดีของมหาวิทยาลัยพวกนี้ถูกเขียนขึ้นมาเพื่อเอื้อประโยชน์แก่พวกผู้ที่เป็นผู้บริหารอยู่ก่อนแล้ว  คนใหม่ ๆที่ยังไม่เคยเป็นผู้บริหารมาก่อน  ถ้าอยากจะเป็นผู้บริหารก็ต้องทำตัวให้ระบบเก่าเขายอมรับได้จึงจะมีโอกาส  ถ้าจะทำตัวแปลกแยกออกไปไม่มีโอกาสได้เกิด  wasawatdeemarn กำลังคิด กำลังหวังในสิ่งที่ไม่ตรงกับสภาพความเป็นจริง
  • คนที่เข้าไปเป็นผู้บริหารเดี๋ยวนี้ หรือว่าเดี๋ยวไหนในบ้านเมืองเรา หรือที่ไหน ๆมันเป็นพวกที่แสวงหาประโยชน์  การบริหารกับการเมืองมันเป็นเรื่องที่แยกกันไม่ออก โดยเฉพาะในหน่วยงานที่เป็นของรัฐ  เมื่อมันเป็นเรื่องการเมือง ประโยชน์สุขจะเกิดแก่ส่วนใหญ่หรือส่วนรวมได้ คนส่วนใหญ่ต้องเข้ามามีส่วนร่วม  คนส่วนใหญ่ต้องมีอำนาจและต้องเข้ามาใช้อำนาจของตนในการตัดสินใจเรื่องที่เป็นผลประโยชน์ได้เสียของตน บ้านเราคนส่วนใหญ่ไม่มีอำนาจ  ไม่สนใจใช้อำนาจ ปล่อยให้คนหยิบมือเดียวที่เคยมีอำนาจจากระบบเก่าบรรเลงอยู่เพียงฝ่ายเดียว  ผลมันจึงเป็นอย่างนี้
  • ตัวอย่างตำแหน่งงอธิการบดีในมหาวิทยาลัยราชภัฏ มาได้โดยวิธีการสรรหา  ผู้มีอำนาจตัดสินใจเรื่องนี้คือสภาฯ เพื่อให้ดูว่าเป็นประชาธิปไตย ก็ต้องให้ครูบาอาจารย์ และบุคลากรลงคะแนนเสียงสนับสนุนผู้ที่สมัคร  แล้วเอา  3 คนแรกที่ได้รับคะแนนนิยมสูงไปให้สภาฯเลือก  ซึ่งสภาอาจเลือก หรือไม่เลือกก็ได้  โดยทั่วไปสภาจะเลือก  ซึ่งจะเลือกใครก็ได้ 1 ในสามคนนั้น  วิธีการอย่างนี้เป็นที่ยอมรับของคนในราชภัฏ ทั้ง ๆที่วิธีการแบบนี้เป็นวิธีการที่ฉ้อฉลสุด ๆ  ทั้งนี้ เพราะว่าระบบนี้ให้อำนาจเด็ดขาดแก่สภาฯ  โดยหลักการกล่าว่า สภาฯคือตัวแทนอันชอบธรรมของคนที่มีส่วนได้เสียทั้งหมด  ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่จริง  (กล่าวได้ว่า ในบ้านเรา พวกกรรมการของสถาบันการศึกษาต่าง ๆไม่ใช่ตัวแทนอันชอบธรรมของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมด เช่นคณะกรรมการสถานศึกษา  คณะกรรมการเขตพื้นที่ฯ  สภามหาวิทยาลัย) ในความเป็นจริง  สภาฯเป็นกลุ่มบุคคลที่ผู้บริหารขุดเก่าเป็นคนแต่งตั้ง  ดังนั้นสภาฯจึงเป็นเครื่องมือสืบทอดอำนาจของผู้บริหารกลุ่มเดิมของมหาวิทยาลัย  ระบบแบบนี้จึงนำมาซึ่งความเสื่อมศรัทธาของครูบาอาจารย์ และบุคลากรภายในสถาบันนั้น 
  • สิ่งที่เราควรสนใจก็คือ สภาฯกำมะลอนั่นต่างหาก ถ้าสภฯมาจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่ายอย่างชอบด้วยหลักการ  ก็จะนำมาซึ่งความชอบธรรมและความยุติธรรม  ในบ้านเราคนส่วนใหญ่ไม่สนใจไม่สนใจ แสวงหา รักษา และใช้อำนวจของตน  ครูบาอาจารย์ในสถาบันไม่ได้สนใจที่จะทำความเข้าใจเรื่องเหล่านี้  ประชาชน ซึ่งหมายถึงชาวบ้านทั้งหลาย  ซึ่งเป็นผู้มีส่วนได้เสียโดยตรงยิ่งไม่เคยสนใจเลย  ชาวบ้านเองไม่มีการรวมกลุ่ม  ไม่มีองค์กร  จึงไม่มีตัวแทนจากฝ่ายต่าง ๆที่หลากหลายถ้วนทั่ว  เวลามหาวิทยาลัยจะแต่งตั้งกรรมการสภาฯ  ผู้บริหารชุดเดิมจึงเลือกหยิบเอาตามความชอบใจ สภาฯจึงประกอบด้วยคนที่จะยอมเป็นเครื่องมือให้แก่ผู้บริหารที่ลากเขาเข้ามา  ส่วนใหญ่เราจะได้กรรมการสภาฯของมหาวิทยาลัยพวกนี้มาจากพ่อค้า และนักการเมือง  และด้วยสำนึกแบบ(ขี้)ข้าฯที่ฝังรากลึกมานาน เราจึงมักจะเห็นเป็นเรื่องธรรมดาว่า ประธานสภาฯมักจะเป็นคนใหญ่คนโตที่มาจากกรุงเทพฯหรือส่วนกลาง  ผู้บริหารมหาวิทยาลัยพวกนี้จะไม่เห็นหัวคนดีมีคุณธรรมในท้องถิ่นที่มหาวิทยาลัยตั้งอยู่เลย  ที่ไปที่มาของสภาฯแบบนี้ไม่มีใครติติง หรือหยุดยั้งไม่ให้มันเกิดขึ้น  เมื่อไม่สนใจเรื่องสำคัญตรงนี้  แต่ไปสนใจลุ้นว่าใครจะได้เป็นอธิการบดี  แล้วมันจจะได้เรื่องอะไร เล่าโยม!!!!!
  • เพื่อนพ้องน้องพี่ของผมมีความเห็นกันว่า  บ้านเมืองเราปกครองแบบประชาธิปไตยไม่ได้หร็อก  เพราะคนส่วนใหญ่ไม่มีความเป็นไท  แต่เป็น(ขี้)ข้าฯ  ในสังคมแบบนี้พวกแสวงหาประโยชน์มันจะอ้างประชาธิปไตยเพื่อประโยชน์ของมันเสมอ  คนที่จะมุ่งประโยชน์แก่ส่วนรวมซึ่งก็มีอยู่บ้าง แต่มีจำนวนน้อยจึงไม่มีโอกาสเข้าไปทำงานให้แก่ส่วนรวม  ดังที่ "คนดีในสายตาของ wasawatdeemarn "พ่ายแพ้เกมการเมืองในคณะของตน เป็นต้น
  • อยากบอก wasawatdeemarn ว่า  ป่วยการที่เอาเรื่องเหล่านี้มาใส่ให้รกหัวรกใจ ทำหน้าที่ที่ตนเองมีอยู่ให้มีความสุขเถิด ถ้าจะสู้ไม่ใช่สู้กับพวกแสวงหาประโยชน์ แต่จะต้องสู้กับวัฒนธรรม(ขี้)ข้าฯที่ปกแผ่ครอบงำอยู่บนหัว(กระบาล)และหัวใจของคนส่วนใหญ่ของประเทศนี้
  • ขอให้สุขเกษมเปรมใจ ประสบจตุรพิธพรชัยตลอดปีและตลอดไป เทอญ

 

                                                                    paaoobtong
                                                                        7/2/52
                                                                         6:09

ขอบคุณครับ คุณ Watsawat

  • "บุญรักษา คนดี ๆ ครับ" ด้วยคนครับ
  • "บาปกำจัด คนเลว ๆ ด้วยก็ดีครับ"

สวัสดีครับ...อ.Was..

ถือว่าเป็นโอกาสได้เรียนรู้ วิถีชีวิตในมหาวิทยาลัยไปด้วยนะครับ ในความจริง ระบบที่อาจารย์ได้เล่า ก็เกิดขึ้นตั้งแต่สถาบันระดับประถมศึกษา จนถึง ระดับอุดมศึกษา แม้แต่วงการสงฆ์เองก็ยังแปดเปื้อนด้วย"วิถี"แบบนี้...

และได้อ่านความเห็นของ ท่าน paaoobtong  ก็ช่วยทำให้บันทึกดูเข้มข้นมากขึ้น

ขอบคุณมากครับ :)

ขอบคุณ พี่ ครูอ้อย ที่มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กัน ครับ :)

จิตว่าง วางจิต คิดส่งเสริม

ยังต้องเติม ความดี ศรีสังคม

ถึงไม่ผ่าน ไม่ช้ำชอก ไม่ตรอมตรม

ยังก้มหน้า ตรากตรำ กับทำงาน

ขอบพระคุณ ท่านอาจารย์ paaoobtong มาก ๆ ครับ ที่ได้ชี้แจงแถลงไขให้ผมมีมุมมองในเรื่องนี้ได้ชัดเจนมากขึ้น และได้นำทางการต่อสู้ที่ถูกทาง

ทุกอย่างที่ท่านได้กล่าวมา "ชัดเจนมากถึงมากที่สุด" ครับ

ผมเลือกสนใจบันทึกในประเด็นที่ใกล้ตัวมากที่สุด จนลืมมองไปถึง Art ตัวแม่ที่เป็นการสืบทอดอำนาจเดิม

ด้วยจิตคารวะ ครับ

ขอบคุณ ท่านอาจารย์ พันคำ ครับ ... :)

มีการฝังรากในวัฒนธรรมองค์กรแบบนี้มาหลายสิบ ๆ ปี ... หมักหมมกันมาเรื่อย ๆ ... คนรุ่นใหม่เดินทางตามคนรุ่นเก่ากระทำ ... ไม่ทราบจุดสิ้นสุดของวัฒนธรรมแย่ ๆ แบบนี้

ขอให้คนทำดีย่อมได้ดี คนทำชั่วย่อมได้ชั่ว อันเป็นสัจธรรม

ด้วยความคิดถึงครับ...

จริงๆบทสนทนาเช้านี้ ก็ได้คุยพาดพิงถึง อ. Was  ในขณะที่อยู่บนรถ taxi กับท่านอัยการบัณฑูรท่ามกลางความอลหม่านของเมืองหลวง

อ้อ...ไม่ใช่เรื่องอะไรหรอกครับแต่เป็นเรื่องราวดีๆที่ควรชื่นชมครับ  :)

ขอบคุณครับ คุณเอก จตุพร วิศิษฏ์โชติอังกูร :) ...

การเล่นการเมืองในมหาวิทยาลัยแบบนี้ ส่วนใหญ่คนที่เล่นมักจะมีวัตถุประสงค์ถึงตำแหน่งในระดับสูงในอนาคตครับ เล่นกันจนมหาวิทยาลัยเดินถอยหลังเข้าคลอง หากไปแตะ พวกนี้ก็จะสะดุ้งเป็นพัก ๆ ครับ แล้วพยายามกันคนที่มาขัดขวางออกไป จนวันหนึ่ง จากคนที่อยากทำงานให้องค์กร ก็วางเฉย ทำหน้าที่ไปวัน ๆ เท่านั้น กลายเป็นคนเฉื่อยชาโดยอัตโนมัติ ครับ

ผมเชื่อเรื่องบาปกรรม คนทำดีอยากให้ได้ดี ถึงจะช้าหน่อย คนทำชั่วอยากให้ได้ชั่ว ถึงจะช้าหน่อย เช่นกันครับ

ท่านอาจารย์ paaoobtong  ได้เสริมความรู้ให้ผมอย่างเข้มข้น นี่คือตัวอย่างของการแลกเปลี่ยนเรียนรู้จริง ๆ ครับ :)

.......................................................................................

ฝากคิดถึงท่านอัยการชาวเกาะด้วยนะครับคุณเอก ... ท่านไปเรียนหนังสือใช่ไหมครับ :)

เป็นครูประถมที่จบมากมหาวิทยาลัย เข้ามาให้กำลังใจค่ะท่าน

ขอรับกำลังใจด้วยความเต็มใจของคุณครู ทรายชล ...

หากเป็นครูประถมแต่มีความคิดที่ยิ่งใหญ่และรับผิดชอบต่อสังคมมากกว่าอาจารย์มหาวิทยาลัย นั่นไม่น่านับถือในหัวใจมากกว่าหรือครับ :)

ขอบคุณมากครับ :)

็สวัสดีวันวาเลนไทน์ค่ะ อิอิ

ขึ้นชื่อว่าการเมือง รู้สึกจะหาสิ่งดีได้ยากจังเลยนะคะ คงเป็นเพราะสิ่งที่ตามมาจากมัน ดูเหมือนจะสวยงาม น่าหลงไหล แต่เบื้องหลังการได้มามันช่างโหดร้ายซะจนทำให้ไอ้ความสวยงามนั้น น่าขยะแขยงขึ้นมาเลยทีเดียว

ในเมื่อยังต้องอยู่ในสังคมอย่างนี้ สิ่งที่เราทำได้ก็คงแค่ ใช้สติรักษาจุดยืนตามหลักความถูกต้อง และศีลธรรมอันดีเอาไว้ให้มั่นคง เท่านั้นละมั้งคะ

บางทีหนูก็อดสงสัยไม่ได้ว่า การโอนอ่อนผ่อนตามเพื่อการอยู่รอด กับการยอมหักไม่ยอมงอ เพื่อรักษาความถูกต้องเนี่ย เราควรจะจัดสัดส่วนของมันอย่างไรดี

โห !!! หลังจากไปเก็บเกี่ยวความรู้มา 1 ปี มีคำคมเกิดขึ้นนะจ๊ะ น้องอาจารย์ หัวใจติดปีก :)

สัดส่วนของความดี กับ ความไม่ดี ... คนเลือกทำความดีมากกว่าความไม่ดี ย่อมมีชีวิตที่เป็นสุขมากกว่า คนที่เลือกทำความดีน้อยกว่าความไม่ดี :)

สู้ สู้ น้องสาว :)

เฮ้ย..ขอร้องดังๆนะคะ อ.

36ปีกับการดิ้นคล้ายๆอ.

และไม่ยอมจากไปด้วยหวังว่าวันหนึ่งฝันนั้นจะเป็นจริง

ระบบทาสมันตกผลึกในสายเลือดไปแล้ว

และมันทำให้เกิดสำนวน นายว่าขี้ข้าพลอยไงคะ 

แม้การปรับเปลี่ยนผู้นำกี่รุ่น กี่สมัย ขอถามสักคำเถิด ท่านอ.

มีไหมที่ไม่มีที่มา โนเนมนะ  มีไหมคะ

...ตอบครูตัวเล็กๆให้ชื่นใจหน่อยเถิดว่ามี ..แล้วเขาเป็นใคร...

เคยหวังว่า..ความพยบายามอยู๋ที่ไหน ..ความสำเร็จผลจะอยู่ที่นั่น 

และมุ่งมัน ปรับเปลี่ยนพิมพ์ตัวเองให้บรรเจิด

ร้อยรัดด้วยศีล 5 มิได้ขาด..เราก็สุขใจในสิ่งที่ทำวันนี้ให้ดีที่สุด

ดีกว่าสบายใจกว่ากันเยอะเลย

แล้วก็มุ่งเดินหน้าด้วยความคิดที่ทำดี และลงมือทำ มันก็หมดไปกับความสุขในแต่ละวัน

ฝันระดับประเทศมันใหญ๋เกินตัวครูต้อยหลายล้านเท่านัก จึงขอทำ และสร้างฝันให้เด็กน้อย สามารถเติบโตเป็นคนดี ดูแลตนเองไม่ให้ปากท้องมันหิวอย่างถูกต้องตามกฎหมายที่กำหนดมา ไม่ให้เดือดร้อนเพราะตัวเรา หากเหลือก็แบ่งปัน มันก็มีความสุข ช่วยสังคมได้ก็ช่วยเท่าที่เราจะสามารถทำได้

ไม่นานอ.คงจะพบหนทางนี้แน่นอนค่ะ

ขอบคุณค่ะ

พี่อาจารย์ Wasawat Deemarn คะ

เรื่องนี้ ลึก มากเลย....   ขอให้กำลังใจ พี่อาจารย์ Wasawat Deemarn  ด้วยค่ะ.......................

ขอบคุณครับ คุณ krutoi ... ร้องให้ดังลั่นทุ่งเลยครับ

เอาแบบ NO NAME เหรอครับ ... ตอบว่า มี

แต่...น้อยมากครับ เพราะคน ๆ นั้นต้องเป็นคนดี และเป็นที่ยอมรับของประชาคมจริง ๆ ครับ

สู้ สู้ ครับ ... กรรมใคร กรรมมัน ครับ ... ทำสิ่งใดก็ย่อมได้สิ่งนั้น

น้อง ใบไม้ ... เล่ห์กลของคนที่มีการศึกษาสูง ๆ ตำแหน่งทางวิชาการสูง ๆ หากคิดจะทำอะไรแล้ว ย่อมน่ากลัวเสมอ หากต้องการแค่คำว่า "ชนะ" ครับ ... ดังนั้น จงอย่าเชื่อในระดับการศึกษาและตำแหน่งทางวิชาการ จนกว่าจะได้มีโอกาสสัมผัสพวกเขาเป็นเวลานาน ๆ

ขอบคุณสำหรับกำลังใจนะครับ :)

แค่อ่านยังปวดหัวแทนเลยค่ะ .. ยิ่งให้น่าสงสารบรรดาท่านๆ เหล่านั้น ที่ต่างตะเกียกตะกายกันไป เพื่ออะไรก็ไม่รู้

อย่างนี้ก็ผิดวัตถุประสงค์และเป้าหมายหลัก ของวิชาชีพครู ข้าราชการมากๆ เลยนะคะ แล้วเข้าไปได้ไงกันเนี่ย ;)

ไม่ชอบระบบอุปถัมถ์ เลยค่ะ ไร้ศักดิ์ศรี ความภาคภูมิ นับถือตนเอง หายหมด แค่นี้ชีวิตก็จบแล้วนะคะ . รู้แล้วฮาดีค่ะ

ว้า แต่อยู่เหนือการควบคุม ของคนธรรมดา ๆ ก็คงต้องกำจุดยืน อุดมการณ์ที่กินไม่ได้แต่ยิ้มได้ สู้ๆ ฟ้ามีตาค่ะ ;)

ปล. เข้าใจแจ่มแจ้ง แดงแจ๋แล้วว่า ทำไมอ.เสือ จึงต้องลึกลับซะ งั้นหนับหนุน ส่งกำลังใจให้ลึกลับกันต่อไป เย้ ..

  • ธุ อาจารย์วสวัตดีมารค่ะ..

เกมการเมืองมีอยู่ในทุกที่ค่ะ ^^

 

ขอบคุณเสียงสนับสนุนจากคุณ poo ครับ ...

ป.ล. ปัจจุบัน ผู้ตีรวน คือ คนกุมบังเหียนสำคัญของคณะฯ

ไม่มีคนช่วยงานเลย ... ทำกันไม่กี่คน แถมยังไม่ใช่ตัวแทนของคณะที่ดีอีกต่างหาก

เออ ออ ห่อ หมก กับเขาไปเรื่อย คณะฯ ขาดจุดยืนอย่างแรง ;(

เช่นนั้นแล ครับ นู๋ต้อม เนปาลี ;)...

เชื่อมั่นในการดีกันก่อนเนอะ

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท