แตงไทย
นฤมล ชื่อเล่น "แตงไทย" (สำหรับครอบครัว), "แตงอ่อน" (สำหรับเพื่อนๆ), "I tang" (สำหรับพี่ๆ ทั้งหลาย) จันทรศรี

"คิม ฟุค" ความสุขดุจทองคำ


แตงได้ Mail นี้จาก fwd จากน้องคนหนึ่ง อยากกอดน้องเพื่อขอบคุณ ที่น้องส่งบทความนี้ออกมา เพื่อให้กำลังใจและการอภัยทานที่ยิ่งใหญ่เป็นอย่างมาก


เธอ ชื่อ ' คิม ฟุค ' 
(Kim Phuc is Her Name)ฦ
แปลว่า 'ความสุขดุจทองคำ' 
(Golden Happiness)


เบื้องหน้าของ คิม ฟุค


เบื้องหลังของ คิม ฟุค


เบื้องหลังผ่าตัดแล้ว ๑๗ ครั้ง ขณะที่ลูกพี่ลูกน้อง ๒ คนตายเพราะทนพิษบาดแผลไม่ไหว


เธอเกิดที่ Trang Bang ตะวันตกเฉียงเหนือกรุงไซ่ง่อนในเวียตนามใต้ เมื่อ พ.ศ.๒๕๐๖


เวลา บ่าย ๒ โมง วันที่ ๘ มิถุนายน ๒๕๑๕ ระเบิดไฟนาปาล์ม ๔ ลูก ถูกทิ้งลงที่บ้านเธอ


ขณะนั้น คิม ฟุค มีอายุ ๙ ขวบ ระเบิดเพลิงตกใส่เธอ เธอถอดเสื้อผ้าที่ไฟกำลังลุกออกแต่ไฟยังคงไหม้บนตัวเธอ 


ผู้คนช่วยราดน้ำบนตัวเธอ เพื่อดับไฟที่กำลังลุกไหม้อยู่บนตัวเธอ จนเธอหมดสติไป
  
Huynh Cong (Nick) Ut ช่างภาพ ช่วยพาเธอส่งโรงพยาบาล คอยให้กำลังใจ และจัดตั้งกองทุนช่วยเหลือ

ภาพของเธอ ที่ Nick Ut ถ่ายไว้ ถูกเผยแพร่ไปทั่วโลกและได้รับรางวัล Pulitzer ในปีถัดมาคือ พ.ศ. ๒๕๑๖

ด้วยรางวัลดังกล่าวช่วยเปลี่ยนชีวิตของเธอและ Nick Ut แต่เธอต้องทนทุกข์ทรมานจากบาดแผลไฟไหม้กว่าครึ่งตัว หมอศัลยกรรมพลาสติค Dr. Mark Gorney จาก San Francisco อาสาสมัครประจำอยู่ที่ โรงพยาบาลศัลยกรรมเด็ก Barksy ในกรุงไซ่ง่อนกล่าวว่า 
'เธอไม่น่าจะอยู่รอดได้ ตอนแรกคางของเธอเชื่อมติดกับหน้าอกโดยเนื้อเยื่อจากแผลเป็นแขนซ้ายของเธอไหม้จนถึงกระดูก' 
ด้วยความรักของแม่ที่คอยดูแลอยู่ข้างเตียง เธอค่อย ๆ ฟื้นตัวและตัดสินใจว่าโตขึ้นเธอจะเป็นหมอเหมือนผู้ที่ช่วยชีวิตเธอ หลังจากรักษาตัวอยู่ ๒ ปีเธอจึงได้กลับบ้านและเวียตนามใต้ก็ถูกปกครองโดยคอมมิวนิสต์ ในปี พ.ศ. ๒๕๑๘ ชื่อของกรุงไซ่ง่อนถูกเปลี่ยนเป็นโฮจิมินห์

๒๑ ปีต่อมา พ.ศ. ๒๕๓๙ 
คิม ฟุค ได้มาปรากฏตัวอยู่ต่อหน้าชาวอเมริกัน ซึ่งเคยผ่านสมรภูมิเวียดนาม เธอได้รับเชิญให้มาพูดเนื่องในวันทหารผ่านศึก ณ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี.

เธอได้มาเผชิญหน้ากับบุคคล ซึ่งครั้งหนึ่งได้เคยมาทำลายบ้านเกิดเมืองนอนของเธอ
ทำให้ญาติพี่น้องของเธอต้องตาย และเกือบฆ่าเธอให้ตายไปด้วยนั้น ไม่ใช่เป็นเรื่อง
ทำใจได้ง่าย แต่เธอมาก็เพื่อจะบอกให้พวกเรารู้ว่า สงครามนั้นได้ก่อความทุกข์ทรมานแก่ผู้คนอย่างไรบ้าง

คิม ฟุค เล่าถึงประสบการณ์อันเจ็บปวดของเธอ
แล้วเธอก็ได้เผยความในใจว่ามีเรื่องหนึ่งที่เธออยากจะบอกต่อหน้านักบินที่ทิ้งระเบิดใส่หมู่บ้านของเธอ

พูดมาถึงตรงนี้ ก็มีคนส่งข้อความมาบอกว่า คนที่เธอต้องการพบกำลังนั่งอยู่ ในห้องประชุมนี้ 
เธอจึงเผยความในใจ ออกมาว่า 
'ฉันอยากบอกเขาว่าเราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ได้ แต่เราควรพยายามทำสิ่งดี ๆ เพื่อส่งเสริมสันติภาพ ทั้งในปัจจุบันและอนาคต'

เมื่อเธอบรรยายเสร็จ ลงมาจากเวที อดีตนักบินที่เกือบฆ่าเธอก็มายืนอยู่เบื้องหน้าเธอ
เขามิใช่ทหารอีกต่อไปแล้ว แต่เป็นศาสนาจารย์ประจำโบสถ์แห่งหนึ่ง
 
เขาพูด ด้วยสีหน้าเจ็บปวด ว่า 'ผมขอโทษ ผมขอโทษจริงๆ' 

คิม เข้าไป โอบกอดเขา แล้วตอบว่า 'ไม่เป็นไร ฉันให้อภัย ฉันให้อภัย'

ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่เราจะให้อภัย โดยเฉพาะกับคนที่ทำร้ายเราปางตาย 
คิมฟุคเล่าว่า เหตุการณ์ครั้งนั้นสร้างความทุกข์ทรมานแก่เธอทั้งกายและทั้งใจ จนเธอเองก็ไม่รู้ว่าจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อย่างไร

แต่แล้ว เธอก็พบว่า สิ่งที่ทำร้ายเธอจริงๆ มิใช่ใครที่ไหน หากได้แก่ความเกลียดชังที่ฝังแน่นในใจเธอนั่นเอง
' ฉันพบว่า การบ่มเพาะความเกลียดเอาไว้ สามารถฆ่าฉันได้ ' 

เธอพยายามสวดมนต์ และแผ่เมตตาให้ศัตรู และแก่คนที่ก่อความทุกข์ให้เธอ 
แล้วเธอก็พบว่า 
'หัวใจฉันมีความอ่อนโยนมากขึ้นเรื่อยๆ เดี๋ยวนี้ฉันสามารถอยู่ได้โดยไม่ต้องเกลียด' 

เราไม่อาจควบคุมกำกับผู้คน ให้ทำดี หรือไม่ทำชั่วกับเราได้ 
แต่เราสามารถควบคุมกำกับจิตใจของเราได้

เราไม่อาจเลือกได้ว่า รอบตัวเราต้องมีแต่คนน่ารัก พูดจาอ่อนหวาน 
แต่เราสามารถเลือกได้ว่า จะทำใจอย่างไร เมื่อประสบกับสิ่งไม่พึงปรารถนา

คิมฟุค ได้เรียนรู้จากประสบการณ์ของตัวเองว่า 
'ฉันน่าจะโกรธ แต่ฉันเลือกอีกทางหนึ่ง แล้วชีวิตฉันก็ดีขึ้น' 

บทเรียนของคิมฟุค คือ 
ในเมื่อเราเปลี่ยนแปลงอดีตไม่ได้ เราจึงไม่ควรปักใจอยู่กับอดีต
แต่เราสามารถเรียนรู้จากอดีตเพื่อทำปัจจุบันและอนาคตให้ดีขึ้นได้

บทเรียนจากอดีตอย่างหนึ่งที่เธอได้เรียนรู้มาก็คือ 
การอยู่กับความโกรธ เกลียด และความขมขื่น นั้น 
ทำให้เธอเห็นคุณค่าของการ ให้ อภัย.


หมายเลขบันทึก: 238005เขียนเมื่อ 27 มกราคม 2009 19:41 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 20:13 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (18)

เจริญพร โยมแตงไทย

เรื่องราวของ คิม ฟุค เคยลงใน

นิตยสารรีดเดอร์ส ไดเจสท์ สรรสาระ

ทำให้เธอมีชื่อเสียงไปทั่วโลก

เจริญพร

กราบขอบพระคุณมากค่ะ พระคุณท่าน

แตงก็เคยได้ยินเรื่องราวของเธอมาเหมือนกันค่ะ
แต่อยากเก็บเรื่องราวของเธอไว้ในบันทึกหนึ่งของตัวเองค่ะ

เพราะตอนนี้ตัวเองพยายามที่จะให้อภัยกับมิตรที่เคยให้ตะเกียงกัีบชีวิตของแตง ที่ทำให้แตงพบเส้นทางสายนี้ แต่นั่นแหล่ะเขาก็ทำร้ายแตงจนสาหัสเช่นกัน แต่เขามักจะพูดว่า "เขาฝึกให้แตงเข้มแข็ง" เป็นคำตอบที่เจ็บปวดมากค่ะ ... พยายามฝึกให้รู้จักกับคำว่า "อภัย" ให้มากกว่านี้ค่ะ

 

positive thinking ดีกว่า

หากเรารักตัวเอง แล้วจะยอมทำให้ใจตัวเก่าเป็นทุกข์ทำไม ? ? ?

สวัสดีครับ

นับว่าโชคดีนะครับ

ดูแล้วก็สะท้อนภาพประวัติศาสตร์

สงครามไม่เคยหายไปจากโลกนี้เลย ไม่ว่าสมัยไหนๆ

สงครามครั้งสุดท้าย คงไม่มี?

สวัสดีค่ะพี่แตง...

ในเมื่อเราเปลี่ยนแปลงอดีตไม่ได้ เราจึงไม่ควรปักใจอยู่กับอดีต ง

แต่เราสามารถเรียนรู้จากอดีตเพื่อทำปัจจุบันและอนาคตให้ดีขึ้นได้

บทเรียนจากอดีตอย่างหนึ่งที่เธอได้เรียนรู้มาก็คือ

การอยู่กับความโกรธ เกลียด และความขมขื่น นั้น

ทำให้เธอเห็นคุณค่าของการ ให้ อภัย...

ขอบคุณมากๆเลยค่ะ พี่ ที่ได้นำมาให้เรียนรู้ค่ะ

ขอบพระคุณ คุณจิด้า มากค่ะ

เห็นด้วยค่ะ
แตงเคยส่งคำอวยพรให้กับพี่สาวว่า "รักตัวเองมากๆ แต่ไม่ใช่ตามใจตัวเอง" ...
แต่พี่สาวกลับตอบมาว่า ... เห็นแก่ตัว...เงียบไปเลยค่ะ...
ก็เลยรู้ว่า ... ต่างฐานความคิด ต่างประสบการณ์ ...
จึงได้คำตอบที่ต่างกัน

มันมีแง่มุมมองหลายด้านในคำพูดเพียงคำเดียว...
คำว่า "อภัย" ก็เช่นเดียวกัน ...
อยู่ที่ ฐานความคิด ประสบการณ์ชีวิต ของแต่ละคนจริงๆ ค่ะ

ขอบพระคุณ คุณจิด้า อีกครั้งที่แวะเข้ามาเยี่ยมเยียน

 

สวัสดีค่ะ   การอยู่กับความโกรธ เกลียด ทำให้เราเครียด ขาดความสุขในชีวิตค่ะ ชีวิตเราจะไม่คุณค่าหากเรามีการให้อภัยกันและกันค่ะ

การให้อภัย เหนือ การให้ทั้งปวง

ได้รับเมล เรื่องนี้ แล้วรู้สึกดี ๆ

ขอบคุณค่ะ ...

สวัสดีค่ะ คุณ ธ.วั ช ชั ย 

สงคราม....มันจะเกิดขึ้นอีกครั้งหรือไม่

และจะออกมาในรูปแบบไหน...
มันอยู่ที่ตัวเรา...ใช่ไหมคะ

ปัจจุบันนี้ ... ตัวเราเองก็ยังอยู่ในสงครามไม่ใช่หรือ

มันขึ้นอยู่กับเราว่า...สงครามนั้น..คือสงครามอะไร...งง...ไหมคะ

ขอบคุณค่ะ ที่แวะเข้ามาแวะเวียนไม่ห่างหาย

สวัสดีค่ะ น้องพอลล่า

 

ในเมื่อเราเปลี่ยนแปลงอดีตไม่ได้ เราจึงไม่ควรปักใจอยู่กับอดีต 

แต่เราสามารถเรียนรู้จากอดีตเพื่อทำปัจจุบันและอนาคตให้ดีขึ้นได้

บทเรียนจากอดีตอย่างหนึ่งที่เธอได้เรียนรู้มาก็คือ

การอยู่กับความโกรธ เกลียด และความขมขื่น นั้น

ทำให้เธอเห็นคุณค่าของการ ให้ อภัย...

พี่เคยผ่านความรู้สึกนั้นมาเป็นระยะเวลาหลายปีมาก
แม้ปัจจุบันก็ยังจำความรู้สึกนั้นได้ 
พี่ให้อภัยเพื่อนคนนั้น แต่ไม่ขอเป็นเพื่อนกับเธออีกไป
เพราะที่ผ่านมาเราเป็นคนเลือกที่จะเชื่อ ไม่มีใครบังคับ 
ตัวเราเองทำร้ายตัวเราเอง เพราะฉะนั้นตัวเราเองนั้นแหล่ะที่ต้องรักษาเยียวยาตัวเราเอง...ใช่ไหมคะ
พี่เป็นกำลังใจให้กับพยาบาลคนเก่งคนนี้นะ...สู้ๆ อย่างเด็ดเดี่ยวนะคะ 
แต่จำไว้นะ...น้องพอลล่า ยังมีกัลยณมิตรอยู่รอบกายนะ 
โอบกอดความรู้สึกนั้นเอาไว้นะ...น้องสาว...คนเก่ง

สวัสดีค่ะ  คุณสุนันทา 

กว่าจะผ่านมา ณ จุดนี้ได้

เราก็ผ่านโจทย์มาเยอะมากเลยนะคะ

"โชคดีจัง...ที่ได้เจอโจทย์เหล่านั้น....จึงได้เจอคำนี้"

การอยู่กับความโกรธ เกลียด ทำให้เราเครียด ขาดความสุขในชีวิตค่ะ ชีวิตเราจะมีคุณค่าหากเรามีการให้อภัยกันและกันค่ะ

ขอบพระคุณมากค่ะ 


 

  • เป็นเรื่องที่เตือนใจดีนะครับ พี่แตงไทย
  • สวัสดีครับ
  • สบายดีไหมครับ
  • รักษาสุขภาพด้วยนะครับ

พี่แตงจ๋า...ซึ้งค่ะ

มีกำลังใจขึ้นมากเลยค่ะพี่ พี่แตงก็สู้นะคะ พอลล่าจะเป็นกำลังใจให้พี่ทุกเรื่องค่ะ

สวัสดีค่ะ  คุณ poo 

การให้อภัย เหนือ การให้ทั้งปวง

ำว่า "อภัย" จึงมีความรู้สึกว่าสำคัญมาก...ว่าไหมคะ

ขอบพระคุณมากค่ะ 


สวัสดีค่ะ คุณพลัดถิ่น

ดีใจจัง...ค่ะ ...เหมือนกลับมาเจอะเจอ เืพื่อนเก่ายังไงไม่รู้ค่ะ
ขอบพระคุณมากนะคะ สำหรับความห่วงใย

คุณพลัดถิ่นก็เช่นกันนะคะ
ดูแลตัวเองมากๆ นะคะ ....สู้ๆ 

นิดนึง...เพิ่งรู้นะเนี่ย..ว่า ต้นตอ...natachoei (เชย...เอ๊ย...เฉย...kri kri)

ขอบคุณมากจ๊ะ น้อง love 

ผลัดกันให้กำลังใจเนอะ...

สวัสดีครับคุณแตง

ต้องขอขอบคุณที่เข้าไปร่วมให้กำลังใจครับ

แต่พอมาอ่านประวัติ คิม ก็นึกว่าเรานี้ช่างอ่อนแอเสียจริง ๆโดนแอบอ้างก็ยังออกมาโวยวาย ให้เห็นความอ่อนแต่ แต่ถึงอย่างไรก็ ขอบคุณ

ขอแลกเปลี่ยนเรื่องสุขภาพครับ ผมก็โดนตัดถุงน้ำดีทิ้งไปแล้วครับเมื่อปี 40 ถุงน้ำดีแตกตอนที่กำลังสนุกกับ งามชุมนุมช่างวรรณกรรม ช่อการะเกดที่กรุงชิง ของท่านสุชาติ

รักษาอาการอยู่ 3 ปี ตอนนี้ปกติแล้วครับ แต่ต้องระวังเรื่องอาหารไม่ไประรานทานเนื้อเพื่อนร่วมโลกครับ

ก็ขอให้คุณแตงหายจากการปวดป่วยด้วครับ

ขอบพระคุณท่านผู้เฒ่า-วอญ่า มากค่ะ

เข้าไปเยี่ยมเยียนชื่อใหม่แล้วนะคะ
และขอบพระคุณมากมายสำหรับความห่วงใยที่มีให้

ท่านผู้เฒ่าก็หมั่นดูแลตัวเองมากๆ นะคะ
ไม่มีใครรักตัวเรา เข้าใจตัวเราเอง มากเท่ากับตัวเราเองนะคะ

อย่าฝากความหวังไว้กับใครให้คอยดูแลเรา
จิตใจที่เข้มแข็งของเรา ที่ทำให้ร่างกายของเราแข็งแรงนะคะ...ท่านผู้เฒ่า

สู้ๆ...บังหัวใจแกร่ง

 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท