เมื่อปลายปี ๒๕๕๑
ที่ผ่านมา
ผมกลับไปเยี่ยมบ้านเกิดเมืองนอน ที่บ้านตาลิน
ตำบลหนองบัว+ห้วยถั่วใต้+ห้วยร่วม(แสดงว่าเป็นชุมชนหมู่บ้าน
ที่คร่อมอยู่บนรอยต่อของสามตำบล) อำเภอหนองบัว จังหวัดนครสวรรค์
ตอนอาบน้ำ ก็ให้แปลกใจว่าน้ำท่าใสแหน๋วอย่างผิดหูผิดตา
จนอดถามแม่และน้องๆไม่ได้
เลยก็ได้ความว่า บ้านผมมีน้ำประปาประจำหมู่บ้านแล้ว ก่อนหน้านั้นแถวนั้นใช้น้ำอุปโภคบริโภคจากสระ
หนอง คลอง และน้ำฝน
ผมเดินออกไปดูก็แลเห็นถังน้ำประปา
ก่อสร้างขึ้นริมถนนเชื่อมต่อละแวกบ้านกลางทุ่งนาเวิ้งว้าง
สีขาวโพลนตัดกันกับสีเขียวครึ้มของแมกไม้และนาข้าว ทำให้มองย้อนกลับไปและเห็นความเคลื่อนไหวเปลี่ยนเปลี่ยนแปลงที่ดำเนินมาอย่างสืบเนื่อง
ในอดีตนั้น บ้านตาลินมีแหล่งน้ำสาธารณะที่สำคัญอยู่สามแห่ง
และผู้นำชุมชน รวมทั้งคนเฒ่าคนแก่
ได้พยายามระดมทุนกันเพื่อว่าจ้างให้เอกชนมาสำรวจและขุดเจาะน้ำบาดาล
ค้นหาและขุดเจาะอยู่หลายปีนับแต่ยุคกว่า ๓๐-๔๐
ปีก่อนโน้น แต่ก็ไม่สามารถขุดค้นพบตาน้ำบาดาล
สร้างได้เพียงสระสาธารณะ ๓ แห่ง คือ
-
สระธารณ์(1)
เป็นสระน้ำสาธารณะขนาดใหญ่
ที่ชาวบ้านระดมน้ำใจและแรงงานช่วยกันขุดขึ้นด้วยมือ
ที่ดินบริจาคโดยตาลิน บ้านถนน
และค่าจ้างคนขุดบริจาคโดยพ่อใหญ่เบ้า พินสีดา
บ้านห้วยถั่วกลาง อยู่ติดกับบริเวณที่เป็นสนามหน้าโรงเรียนวันครู(๒๕๐๔)
ดังที่เห็นอยู่ในปัจจุบัน น้ำจากสระธารณ์นี้เป็นน้ำที่ใสสะอาด
ชุมชนใช้ดื่มกินและใช้อุปโภค บริโภค ร่วมกันทั้งชุมชน ในหน้าแล้ง
บริเวณโดยรอบจะเป็นแหล่งพบปะ สร้างสังคม พูดคุย
ช่วยกันตักน้ำ
และอาบน้ำด้วยกันทั้งเด็กผู้ใหญ่ เก็บกักน้ำสำหรับใช้ในชุมชนได้ตลอดหน้าแล้ง
-
สระหลังโรงเรียนวันครู
เป็นสระน้ำขนาดใหญ่เช่นกัน
ขุดโดยใช้รถแทรคเตอร์ซึ่งส่วนหนึ่งก็มาจากงบประมาณของราชการ
ทว่า หากขุดไปตามกำลังงบประมาณแล้ว
จะได้สระน้ำเล็กนิดเเดียวเท่านั้น
การที่สามารถขุดให้เป็นสระขนาดใหญ่ได้
ก็โดยการระดมทุนและน้ำใจของชาวบ้าน
รวมทั้งเจ้าของรถแทรคเตอร์ ทั้งว่าจ้างจากภายนอก
และรถแทรคเตอร์ของพ่อผู้ใหญ่แถว แสงอาภา
ผู้นำชุมชนเก่าแก่อันเป็นที่รักคนหนึ่งของชุมชน(ถึงแก่กรรมแล้ว)
-
สระวัดกลาง วัดกลางเป็นศูนย์รวมจิตใจและเป็นศูนย์กลางของชุมชนมาแต่เก่าก่อน
ที่นั่นมีสระน้ำขนาดใหญ่ขุดด้วยแรงงานของชาวบ้าน
สระน้ำสาธารณะทั้งสามแห่ง สามารถหล่อเลี้ยงชุมชนได้ตลอดหน้าแล้ง
ยกเว้นในบางปีที่แล้งมากอย่างผิดปรกติเท่านั้น
การขุดสระน้ำสาธารณะแห่งที่ ๒
ของชุมชนบ้านตาลิน
ที่ด้านหลังอาคารเรียนโรงเรียนวันครู(๒๕๐๔)
ชาวบ้านระดมแรงงานและทรัพยากรร่วมสมทบกับงบประมาณของราชการ
รถแทรคเตอร์ขุดสระเป็นของผู้ใหญ่แถว
แสงอาภา และทิดสวอง แสงอาภา
สระน้ำสาธารณะแห่งแรกชาวบ้านเรียกสระธารณ์
อยู่ติดกับถนนและสนามของโรงเรียนวันครู(๒๕๐๔)
ที่ดินของโรงเรียนและแหล่งน้ำรวมกัน ๑๒
ไร่เดิมเป็นที่ดินของพ่อใหญ่เถา-แม่ใหญ่นาย
แสงอาภา ซึ่งขายให้ราชการและการระดมทุนช่วยกันของชาวบ้านเพื่อแสดงความพร้อมในการนำเอาโรงเรียนวันครูมาตั้งที่บ้านตาลินไร่ละ
๑,๒๐๐ บาท
ในทางสาธารณสุขนั้น น้ำ อาหารการกิน
การอุจจาระและขับถ่ายสิ่งต่างๆออกจากร่างกายนั้น เป็นหนทางที่ปัจจัยภายนอกเข้าสู่ร่างกาย
และเป็นทางแพร่กระจายออกของสิ่งที่ก่อเกิดขึ้นภายในร่างกายไปสู่วงกว้างภายนอก
ดังนั้น จึงจัดว่าเป็นช่องทางหนึ่งของการก่อเกิดปัญหาสุขภาพในชุมชนและเป็นการดำเนินไปของปัญหาสาธารณสุข
การพัฒนาเกี่ยวกับแหล่งน้ำ การจัดการเกี่ยวกับส้วม(2)
และสุขาภิบาลภายในละแวกที่อยู่อาศัย(3) จึงเป็นองค์ประกอบหนึ่งของความเปลี่ยนแปลงที่มีผลต่อวิถีชีวิต
สุขภาพ และสุขภาวะของชุมชน(4)
นอกจากแหล่งน้ำกับสุขภาพและสุขภาวะของชุมชนแล้ว ในอดีตสักประมาณ
๓๐-๔๐ ปีที่ผ่านมานี้ ชาวบ้านแถวบ้านตาลิน
มีปัญหาสุขภาพหลายอย่างในระดับพื้นฐาน
ซึ่งในระยะต่อมาจนถึงปัจจุบันได้เปลี่ยนแปลงและหายไปสิ้นเชิงอย่างไม่น่าเชื่อ
เช่น ชาวบ้านกว่าร้อยละ ๗๐
ในอดีตจะกินหมากและสูบยาเส้น แต่ปัจจุบันก็เลิกและแทบจะไม่มีให้เห็นอีกเลย
ภาพส้วมที่ดีที่สุดในยุคแรกของชุนบ้านตาลิน
: ส้วมหลังเดิมของโรงเรียนวันครู(๒๕๐๔)
ตั้งอยู่ด้านทิศตะวันตกของโรงเรียน
ก่อนที่จะมีวัดใหม่(นิกร ปทุมรักษ์)
ด้านหลังของส้วมแต่เดิมนั้นเป็นที่นาของ ตาไหล
พูลสวัสด์ บ้านเตาอิฐ และ
พ่อใหญ่อิ้ม คนรังย้อย เป็นส้วมหลุม
ใช้ไม้แก้งก้น ปะโดยรอบด้วยสังกะสี
แต่ก็นับว่าเป็นส้วมหลุมที่ดีที่สุดที่มีอยู่ในยุคแรกของชุมชนบ้านตาลิน ภาพประกอบวาดโดย :
ดร.วิรัตน์
คำศรีจันทร์
ส้วมและถาน
แต่เดิมก็เป็นการนั่งทุ่งเกือบทั้งสิ้น
อย่างดีที่สุดก็เป็นส้วมหลุม ของโรงเรียน วัด
และชาวบ้านที่รู้จักทำที่อยู่อาศัยให้เป็นสัดเป็นส่วน
จึงเป็นที่แน่นอนว่า โรคภัยไข้เจ็บ รวมทั้งโรคพยาธิ
จึงแพร่ระบาดอย่างง่ายดาย เมื่อเป็นก็มักจะเป็นไปตามๆ
กันทั้งหมู่บ้านและชุมชน เช่น บิด ท้องร่วง พยาธิตัวตืด
พยาธิไส้เดือน ตัวจี๊ด พยาธิเส้นด้าย
ในยุคนั้น หนังเร่และรถขายยาถ่ายพยาธิ จึงเข้าออกหมู่บ้านและขายดิบ-ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า
ประมาณปี ๒๕๑๕ ทางโรงเรียนวันครู(๒๕๐๔)
ซึ่งมีบทบาทเสมือนเป็นองค์กรจัดการชุมชนไปในตัว
โดยครูและหมออนามัยที่มาปลูกฝีเด็กๆ รวมทั้งให้สุขศึกษาชุมชน
รณรงค์การมีส่วนร่วมเพื่อแก้ปัญหาสุขภาพ และพัฒนาสาธารณสุขชุมชน
ก็เริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลงระดับวัฒนธรรมขึ้นในวิถีชีวิตดั้งเดิมหลายอย่าง
โดยเฉพาะโครงการโภชนาการ การทำสวนครัว และการใช้ส้วมซึม
โดยเริ่มที่โรงเรียน วัด
และผู้นำชุมชนที่ชาวบ้านให้ความเคารพนับถือ
ในละแวกบ้านผมนั้น
พ่อผมเป็นผู้ร่วมนำการเปลี่ยนแปลงอย่างจริงจังคนหนึ่ง
ซึ่งนึกถึงพัฒนาการที่ชาวบ้านเปลี่ยนผ่าน ย้ายก้นจากการนั่งทุ่งไปสู่การนั่งส้วมซึมคราใด
ก็ให้นึกขัน
ที่บ้านผม พ่อกับผู้ใหญ่ ๒-๓ ครอบครัว
ของญาติพี่น้องในละแวกใกล้เคียง ช่วยกันประเดิมติดตั้งส้วมซึม จากนั้น
ก็เกิดความโกลาหล หรือภาวะไร้ระเบียบอยู่เป็นนาน เนื่องจาก
ทั้งพวกเด็กๆ และชาวบ้าน กว่าจะยอมใช้ส้วมซึมแทนการนั่งทุ่งนั้น
ก็เกิดกิจกรรมและกระบวนการทางสังคมก่อนการเปลี่ยนแปลงที่นึกถึงแล้วก็สนุก
คือ
อย่างแรก
แทนที่ส้วมซึมที่สร้างเสร็จแล้วจะถูกชาวบ้านใช้
ก็กลายเป็นสิ่งอัศจรรย์ของชาวบ้าน
เนื่องจากทั้งเด็กๆและชาวบ้าน
มักอยากลองดูด้วยตนเองที่จะนำน้ำไปเทใส่ แล้วก็ได้เห็นกับตาว่า
จะเทน้ำลงไปอย่างไรน้ำก็ไม่ล้น ไม่เต็ม อีกทั้งไม่ยุบ
มีน้ำอยู่ในคอห่านอยู่ตลอดเวลา ซึ่งในยุคแรกมีนั้น
ต่างเห็นเป็นเรื่องประหลาดและอัศจรรย์ดีแท้
ขณะเดียวกัน ชาวบ้านก็ยังแปลกแยกกับส้วมซึม
โดยถ่ายนั่งทุ่งกระจายไปตามบิรเวณรอบๆส้วมซึม จึงกว่าส้วมซึมจะเข้าไปอยู่ในวิถีชีวิตของชาวบ้านได้ก็ล่วงไปหลายปี
จากการปฏิวัติทางเทคโนโลยีและวิถีวัฒนธรรมของการขับถ่าย
การเลิกกินหมากและยาสูบ ผ่านพ้นไปนานนับ ๒๐-๓๐
ปีหรือกว่าสามทศวรรษ ณ เวลานี้
ชุมชนบ้านตาลินก็มีน้ำประปาชุมชน
ยิ่งไปกว่านั้น ปัจจุบัน
ก็เริ่มมีลูกหลานของชาวบ้านเริ่มมีโอกาสศึกษาเล่าเรียนสูงกว่าการศึกษาภาคบังคับ
บางส่วนเป็นสาขาสุขภาพ เมื่อจบก็กลับไปเป็นหมออนามัย
และเมื่อปีที่ผ่านมา ผมก็ได้ทราบอีกว่า
ลูกหลานของญาติพี่น้องแถวบ้านใต้ ซึ่งมาจากครอบครัวของชาวนาแท้ๆ
สอบเข้าเป็นเป็นนักศึกษาพยาบาลของวิทยาลัยพยาบาล โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ นครสวรรค์
ความเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง
ไม่เพียงมีส่วนทำให้สาธารณสุขชุมชน และสุขภาวะโดยรวมของชาวบ้าน
ดีขึ้นมากแล้วเท่านั้น สุขภาวะของชุมชนที่ดีขึ้น
นำมาซึ่งโอกาสหล่อหลอมและสร้างคนรุ่นใหม่ๆ
ให้กลายเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงและผู้นำการพัฒนาให้กับสังคม
แม้นเพียงทีละเล็กละน้อย
แต่ก็เปลี่ยนผ่านจากการเป็นผู้รอได้รับการพัฒนาและให้ความช่วยเหลืออย่างเดียว
สู่การเป็นผู้มีสุขภาวะพอสมควรและเริ่มแบ่งปันเกื้อกูลให้กับสังคมในวงกว้างได้
บ่งบอกถึงความเป็นชุมชนที่เข้มแข็งขึ้นได้อย่างหนึ่ง.
----------------------------------------------------
(1)
ชาวบ้านในท้องถิ่น ออกเสียงว่า
สะ-ทาน
ซึ่งยังไม่มีโอกาสศึกษาค้นคว้าว่าที่ถูกเป็นอย่างไร และมีที่มาอย่างไร
เพราะทั้งในแง่ที่เป็นสระสาธารณะของชุมชน
โดยเรียกว่าสระธารณ์
กับการเป็นสระที่ชาวบ้านและชุมชนสร้างขึ้นให้เป็นทานแก่คนทั่วไป
โดยเรียกว่า สระทาน นั้น
ต่างก็มีความหมายที่สื่อถึงความเป็นทรัพย์สินเพื่อบำรุงส่วนรวมเหมือนกัน
(2) ต่อมา ประเทศไทย
โดยกรมอามัย กระทรวงสาธารณสุข
ได้ดำเนินโครงการส้วมร้อยเปอร์เซนต์ทั้งประเทศ
(3) ในทศวรรษ 2530
ประเทศไทยก็ดำเนินการขยายผลโครงการพัฒนาสุขภาพและคุณภาพชีวิต
โดยกลวิธีการสาธารณสุขมูลฐาน
งานสุขาภิบาลและการป้องกันควบคุมโรคระบาดในท้องถิ่น
ผ่านการจัดหาแหล่งน้ำสะอาด และการสร้างส้วมที่ถูกสุขลักษณะ
ได้จัดเป็นองค์ประกอบสำคัญอย่างหนึ่ง
ของการสาธารณสุขมูลฐาน
(4) ในทศวรรษ 2540
เริ่มขยายกรอบแนวคิดด้านสุขภาพให้เป็นเป้าหมายการพัฒนาสังคมที่กว้างขวางและครอบคลุมมิติต่างๆทุกด้าน
ก่อเกิดกลวิธีการพัฒนาเชิงรุก
เน้นการสร้างนำซ่อมให้บูรณาการมิติส่วนรวมของชุมชนระดับต่างๆ เช่น
ชุมชนน่าอยู่ เมืองน่าอยู่ การสร้างเสริมสุขภาพ
และการสร้างสุขภาวะชุมชน เป็นต้น