วันที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๕๒ หลังจากที่เจ็บเท้ามาหลายวัน เอ๊ะใจว่าทำไมจึงไม่หายเจ็บสักที มิหนำซ้ำตรงที่เจ็บนั้นมีหนังดำเหมือนกับไหม้ เอ๊ะ อะไรกันหนอ
ก่อนนั้นผมได้ไปซ้อมฟุตบอลที่สนามบาสก์ เป้าหมายคือ "เหงื่อออก" วันนั้นเท้าขวาพลิก เสียงดัง "พล็อก" สงสัยข้อกระดูกลั่น เหมือนหักนิ้ว แต่ทำไมเสียงดังแน่นจัง ไม่ต้องใส่ใจ เล่นฟุตบอลต่อไป ผ่านไป ๒ วันก็แล้ว ๓ วันก็แล้ว ยังไม่หายเจ็บ "ทำไมเส้นจึงหายช้าจัง" แต่ไม่วายที่จะไปเล่นอีก จวบจนวันที่ ๑๖ เที่ยงตรง เดินทางออกจากสถานทำงาน มุ่งสู่โรงพยาบาล "แค่อยากรู้ว่าเป็นไร มันแปลกๆ ยังไงชอบกล" พบหมอรักษาโรคทั่วไป ท่านบอกว่า คงเป็นเรื่องเส้น ทำท่าจะเขียนใบสั่งยา แต่ผมก็บอกเหตุการณ์ไปว่า ตอนที่เล่นฟุตบอลนั้น เสียงดังบล๊อกด้วยนะ หมอน่าจะสั่ง X-ray ให้หน่อยนะครับ ผมเสนอไป และได้รับความเห็นชอบ จึงได้ไปดำเนินการตามคำอนุญาต รอบแรก หมอไม่มั่นใจ จึงให้ไป x อีกครั้งหนึ่ง แต่ก็ไม่มั่นใจอีก ต้องไปตามน้องร่วมวิชาชีพเดียวกันมาดูให้หน่อย พบว่า "กระดูกร้าว"
"นั่นไง" ผมคิดในใจ "มันเกิดขึ้นกับผมด้วยหรือนี่ ตลกดีแท้ ฮาฮา ไม่น่าเชื่อ"
หมอโทรติดต่อหมอเฉพาะทาง และเขียนใบส่งให้ไปอีกห้องหนึ่ง คราวนี้เขาบังคับให้นั่งบนรถเข็ญ ให้รู้สึกละอายใจนัก เพราะยังเดินได้อยู่ แต่....นั่งก็นั่ง พบพยาบาลประจำห้อง พี่พยาบาลให้นั่งรอก่อนและพูดเปรยออกมาว่า หมอเรียนหนังสืออยู่ ผมอุทานออกไปว่า "ห๋า หมอเรียนหนังสือ หรือครับ" "เปล่าๆ เดี๋ยวหมอมา ประมาณสี่โมงครึ่ง" พยาบาลกล่าว
ผมรอจนหมอมา ท่านดูแผ่น X เรียบร้อย จึงบอกให้ขึ้นเตียง จัดการเข้าเฝือกให้เรียบร้อย "๑ เดือนนะ" หมอกล่าว
"โอ นี่ผมต้องใส่เฝือกตั้งเดือนเชียวหรือ" ผมคิดในใจ ระหว่างนั้น หมอถามว่า "จะเอาใบรับรองแพทย์ไหม" ผมนิ่งคิดนิดหนึ่ง ประมาณว่า เอาไปทำไมหนอ ยังไงก็หยุดงานไมได้อยู่แล้ว ไม่มีใครทำหน้าที่แทนและไม่อยากรบกวนให้ใครแทนด้วย แต่แล้ว "ครับ ดีครับ" หมอได้ฟังจึงเขียนเอกสารให้ พร้อมกับให้ใบนัด เพื่อมาพบหมอในวันศุกร์ถัดไปคือวันที่ ๒๓
พยาบาลมอบเอกสารให้ผมพร้อมด้วยไม้เท้า และให้ผมนั่งบนรถเข็น มีบุรุษคนหนึ่งช่วยเข็ญ "ไม่มีญาติมาหรือ" ผมได้ยินคำถาม จึงตอบไปว่า "ไม่มีครับ เพราะไม่คิดว่าจะได้ใส่เฝือกครับ" ผมไปนั่งพักอยู่หน้าห้องจ่ายยา ส่วนบุรุษคนนั้นไม่รู้ไปไหน ยังไม่ทันได้ขอบคุณเลย ผมใช้ไม้เท้ากระดึ๊บๆ (เพราะไม่เคยใช้เลยตั้งแต่เกิดมา" ไปส่งเอกสารช่องนั้น กลับมานั่งรอ และรับยา เสร็จเรียบร้อย น่าจะประมาณ ๕ โมงกว่าๆ "ตายละหว่า คราวนี้จะกลับยังไงดี ขาก็เดินไม่ได้ มีขาใหม่ให้สองอัน คิดถึงอาจารย์เพื่อนที่มีรถ แต่อย่าโทรเลย เกรงใจ ใครๆ มักเรียกขอรบกวนบ่อย แค่นี้เองเดี๋ยวไปเองก็ได้" ผมหย่อนตัวนั่งบนรถเข็ญ เอาขาไม้ที่พยาบาลให้มาพาดลงบนพนักแขน นึกถึงในภาพยนต์ตอนที่คนไข้ใช้มือหมุนล้อ (เริ่มเกิดการจัดการความรู้แล้ว) ผมพยายามประคอง อายคนอยู่เหมือนกัน เพราะรถจะหันไปโน้นบ้างนี้บ้าง ควบคุมยาก แต่พยายามใช้สติ หากหมุนล้อขวา มันจะเลี้ยวซ้าย หากหมุนล้อซ้าย มันจะเลี้ยวขวา หากหยุดล้อขวา มันจะหันขวา หากหยุดล้อซ้าย มันจะเลี้ยวซ้าย ดังนั้น จะต้องหมุนให้พอดีกัน ตอนนี้สติเข้ามาควบคุมมือทั้ง ๒ เป็นอย่างดี
แต่แล้วเมื่อมาถึงเนินที่จะต้องลงไปอีกชั้นหนึ่ง ผมจึงหยุดรถ นั่งคำนวณว่าจะดำเนินการอย่างไรดี เมื่อเห็นว่า ขาไม้ไม่น่าจะหล่นแน่ ถุงใส่ยาเอาใส่ในกระเป๋า หยุดทำใจให้สบายครู่หนึ่ง หายใจเข้าออกทำสมาธิ พร้อมกับใช้มือทั้ง ๒ ให้เป็นประโยชน์ มือซ้ายคือเบรคซ้าย มือขวาคือเบรคขวา และเริ่มปล่อยรถไปตามเนินปูน เกือบจะถึงพื้นเรียบแล้วเชียว ปรากฎว่ารถหมุนซ้าย นั่นแสดงว่า ล้อขวาหมุนมากเกินไป ถ้าจับล้อซ้ายให้หยุดเป็นต้องกลิ้งแน่ จึงจับล้อขวาหนาหน่อยหนึ่ง "ฮ้ายยยยย โล่งอก ลงจากเนินด้วยความปลอดภัย ตื่นเต้นนิดหน่อย" จากนั้นจึงพยายาม หมุนล้อไปถึงหน้าตึก ลุกขึ้นจากรถด้วยขาไม้ทั้ง ๒ น่าอนาถจริงๆ ชีวิตเจ้ากรรม
หวนนึกถึง หลวงพ่ออดีตเจ้าอาวาสวัดท่ายางกลาง ที่ต้องเสียขาไปข้างหนึ่ง ในขณะนั้นอายุ ๖๐ กว่า "ท่านลำบากน่าดู ความลำบากนี้ไม่ใช่เรื่องธรรมดา ดูตัวเองขณะนี้สิ" คราวนี้ ทำให้ผมเข้าใจเลย ผมแค่นี้ แต่ท่านไม่ใช่แค่นี้ ผมใช้ขาไม้ทั้ง ๒ เดินออกจากหน้าอาคาร เพื่อไปรอ taxi นานอยู่กว่ารถจะมา อ้อ ลืมบอกไปว่า ขาไม้ ๒ อันนั้น คนละเบอร์ และขั้นของมือจับก็ไม่เท่ากัน แต่ผมไม่รู้เรื่องนี้ นึกว่ามาตรฐานแล้ว เพิ่งรู้เมื่อมาพบเพื่อนที่เคยขาหัก ท่านเพิ่งมาปรับขาไม้ให้ในภายหลัง แต่ก็ไม่ได้อยู่ระดับเดียวกัน เพราะคนละเบอร์
ผมกลับมาถึงห้องพักด้วยความเรียบร้อย ด้วยความไม่ถนัดกับขาไม้ จึงกระโดดขาเดียวขึ้นบนชั้น ๒ โชคดีที่เคยเป็นแชมป์หมากฉุดและ ม้าแขย่ง มาตั้งแต่ตอนเด็ก คืนนั้นนอนไม่หลับ มันรู้สึกอึดอัด เอาเป็นว่า แม้แต่สร้อยและแหวน ที่ถูกบังคับให้ใส่จากแม่บ้าน ผมยังทำให้ไม่ได้ "มันอึดอัด"
แม้ว่าจะได้ใบรับรองแพทย์มา แต่ไม่ได้ใช้ ยังคงทำหน้าที่ต่อไป กระโดดบ้าง ฝึกใช้ไม้บ้าง และรอคอยวันศุกร์ วันที่จะได้พบหมอและเอาขาปลอมออก
คืนวันพฤหัส รู้สึกดีใจมากๆ กับการที่จะได้เอาขาปลอมออก รุ่งเช้าวันศุกร์หลังจากไปทำหน้าที่บนห้องบรรยายเรียบร้อย จึงรีบเดินทางไปโรงพยาบาลตามนัด คราวนี้นำคนเข็ญรถไปด้วย และไปนั่งรอ หลังจากไป x มาแล้ว แต่กว่าจะได้พบหมอก็เกือบบ่าย ๒ โมงแล้ว ใกล้บ่าย ๒ โมง หัวใจรุ่มร้อน เพราะมีประชุมสภามหาวิทยาลัย ไม่เคยขาด และไม่อยากขาด แต่เมื่อเห็นว่าไม่ทัน จึงโทรไปบอกอาจารย์ที่เคารพ "กราบขอโทษด้วยครับ เห็นว่าคงไม่ทันแล้ว เพราะยังอยู่โรงพยาบาล" ท่านรับทราบ
ผมเข้าไปหาหมอพร้อมด้วยเอกสาร หมอเขียนหยุกหยิกบนเอกสาร และบอกให้ผมไปรอที่ห้องเพื่อเข้าเฝือกใหม่ ผมคิดในใจว่า "ตายละหว่า ยังไม่ถอดอีกหรือนี่ แต่....หมอไม่ดูแผ่นฟิล์มก่อนหรือครับ ผมไม่อยากใส่เฝือกแล้ว" หมอเงยหน้าขึ้น ด้วยความสีหน้าเครียดๆ ท่านคงจะเหนื่อยเพราะยังไม่ได้ทานข้าวเที่ยง คนบาดเจ็บเยอะจริงๆ แต่ก็ต้องทำใจ หมอรักษาคนไข้ ครูสอนเด็ก แม่เลี้ยงลูก เป็นธรรมดา ไม่ชอบก็ต้องทำ "เดี๋ยวหมอตามไปดูที่ห้องโน้นละกัน ไปรอก่อน"
ผมไปรอที่ห้องเข้าเฝือก รู้สึกเสียใจจังที่ไม่ได้ถอดเฝือก แต่ก็ทำใจ หมอคงเป็นห่วงเกรงว่ากระดูกจะคด ครู่ใหญ่หมอก็ตามมาและเปิดซองใส่ฟิล์ม ไปทาบที่ช่องไฟ "อืม ดีขึ้น เดี๋ยวเปลี่ยนเฝือก" เป็นอันว่า ความหวังว่าจะไม่ต้องใส่เฝือกก็สูญสิ้นไปโดยปริยาย....................
รอบนี้ผู้ช่วยพยาบาลใส่เฝือกให้ ผมก็คุยไปเรื่อยๆ ยอมรับว่า ท่านทำได้สวยกว่าหมอคนก่อนโน้นอีกแน่ะ มีช่องระบายตรงนิ้วสวยงามมาก แต่ปัญหาคือ เฝือกรอบนี้หนักมากๆ ระหว่างที่รับใบนัดใหม่ มีเสียงโทรศัพท์เข้า "น้อง รีบมาเร็ว เปิดประชุมไม่ได้ องค์ประชุมไม่ครบ" "ตายละหว่า" แต่ก็ตอบไปว่า "ครับๆ กำลังไปครับ" จึงมอบขาไม้ให้พยาบาล และบอกว่า "เพื่อนคนหนึ่งให้อันใหม่มาแล้ว จึงขอคืนไม้นี้แก่โรงพยาบาลครับ " ไม่ลืมที่จะเอ่ยปากขอบคุณหมอและผู้ช่วยพยาบาล เมื่อมาถึงจึงรีบขึ้นไปห้อง เปลี่ยนเสื้อให้เหมาะสมกับการประชุม ปั่นจักรยานยางอ่อนไป ห้องประชุม ทำหน้าที่จนทุ่มกว่าๆ
ขณะนี้ เฝ้ารอ จะได้ถอดเฝือก และเล่นฟุตบอลต่อ เหงื่อไม่ออกมาหลายวันแล้วนะ ขา..... :=)
มีความสุขค่ะ
ขอให้หายเร็ว ๆนะคะ อย่าใจร้อนถอดเฝือกออกก่อน
เพื่อนที่ทำงานใจร้อน ใส่เผือกอ่อน แอบถอดเอง ยังไม่หาย
สวัสดีค่ะ น้อง
เรียนเชิญที่ ... เราชาวโกทูโน..มาทำอะไร..สนุกๆในวันตรุษจีนกันนะ
เป็นกำลังใจให้ค่ะ
ขาเจ็บแบบนี้...ต้องใช้เพื่อนให้หนักๆค่ะ...
อิ อิ อิ
สู้ๆ
สวัสดีครับคุณครูอ้อย
สวัสดีครับ ประกาย~natachoei ที่~natadee
สวัสดีครับ my sister
มาอ่าน
จงอยู่กับมันด้วยความสุขสนุกรื่นเริงบันเทิงใจ
หาโอกาสอย่างนี้ได้ไม่บ่อยนัก
เป็นได้เดี๋ยวก็หายได้นะครับ.