ในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่ผ่านมา คนชนบทที่ทำงานในกรุงเทพฯได้เดินทางกลับสู่บ้านเกิด เมื่อใช้ชีวิตในช่วงปีใหม่ที่บ้านนอกแล้วก็เดินทางกลับมาทำงานต่อที่ กรุงเทพฯ บางคนแบกขนข้าวสารจากบ้านนอกเข้ามาในกรุงเทพฯด้วย เพื่อเป็นการประหยัดหรือทุ่นค่าใช้จ่ายที่จะต้องใช้เงินซื้อข้าวสารในเมือง หลวง ซึ่งนับวันก็จะมีราคาแพงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เป็นที่น่ายินดีกับภาพคนชนบทอาศัยข้าวสารบ้านเกิดเข้ามาเลี้ยงตนเองในกรุงฯ
ก็ แล้วเงินที่คนชนบทเหล่านั้นต้อง "ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำสุราเบียร์เหล้า" ทั้งในและนอกช่วงเทศกาลปีใหม่นั้นเล่า เคยมีการใช้วิชาคณิตศาสตร์ระดับประถมศึกษาคำนวณดูผลลัพธ์บ้างหรือไม่ว่า ต้องใช้เงินมากกว่าค่าข้าวสารที่แบกขนมาจากต่างจังหวัดเพียงใด
คนที่ พยายามประหยัดเงินซื้อข้าวสารซึ่งเป็นอาหารที่จำเป็นแก่การยังชีพ เคยใช้ความคิดประหยัดเงินซื้อน้ำเมาซึ่งไม่ใช่เรื่องจำเป็นสำหรับชีวิต ซ้ำยังเป็นโทษสำหรับชีวิตของตนและครอบครัวอีกด้วยหรือหาไม่
"เสีย น้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย" เป็นคำพังเพยของคนไทยสมัยก่อน น่าจะนำมาใช้ได้ดีในยุคนี้ ถ้าคนเราผู้มัวเมาอยู่ในกระแสสุราจะมีเวลาหยุดดื่ม และใช้เวลานั้นนั่งคิด-พิจารณาอย่างแยบคาย แบบมี "โยนิโสมนสิการ" สืบสาวไปถึงสาเหตุแห่งการเกิดทุกข์ในปัญหาเศรษฐกิจและปากท้องของตนและคนใน ครอบครัวอย่างตรงไปตรงมา แล้วจะได้พบว่า "ความยากจน" นั้นเป็นปลายเหตุของปัญหา แต่การไม่รู้จักใช้ความคิดโดยแยบคายในเรื่องการใช้ชีวิตนั้นเล่าที่เป็น สาเหตุของปัญหาอย่างแท้จริง
อนุโมทนาขอบคุณข้อมูลจาก
ภาพประกอบจากอินเทอร์เนต
"ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำสุราเบียร์เหล้า"
อยากให้การตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ(สุราเบียร์เหล้า)หายไปจากโลกนี้จริ๊งจริง.....