ชีีวิตคนเรานี่ก็แปลกดีเน๊อะ ทั้งความสบ และไม่สบอารมณ์ ความชื่นชอบ เสียงหัวเราะ เสียงร้องไห้ รอยยิ้ม และหน้าตาบูดบึ้ง สลับขึ้นลงเป็นกราฟอยู่ตลอดเวลา
ปีใหม่ปีนี้ไม่ได้กลับบ้าน ตจว. เพราะจะกลับช่วงกลางเดือน ให้ตรงกับเวลาที่น้องสาว
แม่น้องหมิง คลอดหลานชายคนแรกพอดี

จึงเป็นช่วงเวลาพิเศษ ที่จะได้ใช้เวลาอยู่กับตัวเอง ใช้ชีวิตช้าลง ไม่ต้องเร่งรีบ กระเหี้ยนกระหือรือ นู่นนี่ ชิงไหวชิงพริบกับใคร
นอนบิดไปบิดมาเล่นบนเตียง ทานผัดแครอทรูปดอกไม้ฝีมือตัวเองด้วยความภาคภูมิใจ นั่งเล่นกับเจ้ากุ๊งกิ๊งให้เบื่อหน้ากันไปข้างนึง หลังจากหล่อนต้องเรียกร้องความสนใจด้วยท่าแปลกใหม่ทุกวันตลอดปีที่ผ่านมา
มีเวลาเหลือพอที่จะได้นั่งทบทวนสิ่งที่ตัวเองทำมาตลอดทั้งปี
บางอย่างคิดแล้วก็... ทำไปได้เนอะเรา!
บางอย่างคิดไปก็ทำให้อมยิ้มไปได้ด้วยค่ะ
ชีวิตคนเรานี่ก็แปลกดีเน๊อะ ทั้งความสบ และไม่สบอารมณ์ ความชื่นชอบ เสียงหัวเราะ เสียงร้องไห้ รอยยิ้ม และหน้าตาบูดบึ้ง สลับขึ้นลงเป็นกราฟอยู่ตลอดเวลา
ได้ข้อคิดจากผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง ว่า "สิ่งดี ๆ ในรอบปีนี้ถือว่ามีมากมาย หรืออาจเป็นเพราะเรารู้จักมองโลกให้สวยงามมากขึ้นก็เป็นได้" จาก บันทึก นี้
จึงอยากบันทึกตะกอนความสุขของปีที่ผ่านมาเพื่อเป็นการสะกดจิตตัวเองให้คิดถึงแต่สิ่งดีๆ จะได้มีแรงผลักดันให้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องด้วยค่ะ
ต่อไปนี้คือตะกอนความสุขของชีวิตครูปูที่เกิดขึ้นตลอด ปี 2551 ที่เพิ่งผ่านมา
1. ปลดหนี้สินของครอบครัวจนหมด
ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นความเก็บกดของชีวิตครูปูเลยล่ะค่ะ เพราะตั้งแต่เด็กจะแอบเห็นแม่ร้องไห้เพราะเจ้าหนี้ตามมาทวงแล้วไม่มีจ่ายเขา หลายต่อหลายครั้ง
ความสงสารแม่จับหัวใจในวันนั้น ส่งผลต่อพฤติกรรมการใช้ชีวิต การใช้สตางค์ และทุกอย่างในชีวิตครูปูตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
เนื่องจากอาชีพประมงไม่มีความแน่นอน เที่ยวไหนดีก็กลายเป็นเสี่ยไปเลย เที่ยวไหนไม่ได้หรือได้น้อย หนี้ค่าน้ำมัน ค่าน้ำแข็ง ค่าซ่อมเครื่อง ค่าลูกน้อง เป็นหลักแสนก็จะเริ่มพอกเป็นหางหมู
จะว่าไปแล้วเงินที่หามาได้แค่เพียงนำมาใช้จ่ายหมุนเวียนเป็นค่ากินใช้ในบ้านและส่งพวกลูก ๆ เรียนเท่านั้น
เมื่อใดที่ประสบปัญหา บ้าน ที่ดินก็ต้องจำนำจำนอง ทองหยอง เพ็ชรพลอยเก่าแก่ของคุณยายก็ต้องขายเพื่อนำเงินมาหมุน
ตอนเด็ก ๆ แม่ครูปูเคยพูดว่า หากแม่แก่ ๆ แล้วเราลำบากแบบนี้ แม่ก็คงต้องไปนั่งปลอกกุ้งตามสะพานปลาเหมือนพวกคนงานที่เราเห็นแน่ ๆ
ครูปูจึงสวนไปทันควัน ทั้งที่ยังเรียนไม่จบด้วยซ้ำว่า
"แม่จำไว้นะ ความลำบากแบบนั้นจะไม่เกิดขึ้นกับแม่แน่นอน ตราบใดที่ปูยังอยู่ แม่คอยดูนะ"
แม่ก็ได้แต่ยิ้มแฮ่ะ ๆ คงคิดอยู่ในใจว่า "โธ่ ตัวเท่าลูกหมา" อิอิ
2. ปรับโครงสร้างความคิดของตัวเองได้บ้างแล้ว
จากที่ไม่เคยไว้ใจใคร เพราะคิดว่าแน่ ว่าเก่งอยู่คนเดียว ก็หัดฟังคนอื่นเป็น พยายามไม่เพ่งพิจพินิจความผิดผู้อื่นอย่างเดียว

ย้ายฐานคิดจากตัวเองเป็นศูนย์กลาง ไปที่ความคิดและมุมมองของคนอื่นบ้าง บังคับตัวเองให้เป็นนักขอโทษ อดทนเป็นผู้ฟังที่ดีได้ หัดเสริมแรง หัดหลับตากับความผิดเล็กน้อย เลยพอจะเป็นที่ปรึกษา (ที่คนเขาอยากปรึกษา) สำหรับที่ทำงาน และครอบครัวได้บ้างแล้วค่ะ
ทำให้บรรยากาศที่ทำงานดีมาก ทำงานเป็นระบบขึ้น น้อง ๆ มีความมั่นใจขึ้น เพราะมีโอกาสแสดงศักยภาพมากขึ้นและขยายผลต่อแขนขาได้อีกมาก โดยมีเราเป็นคุณอำนวยอยู่เบื้องหลัง การควบคุมก็ง่ายขึ้น
เมื่อคิดได้แล้ว ครูปูยิ่งลิงโลดใจ ด้วยการประกาศต่อคนนู้นคนนี้ว่า
อืม ต่อไปนี้เราจะไม่ทะเลาะกันเนอะ ทุกเรื่องที่เกิดขึ้นครูปูปวารณาตัวเอง ว่าจะเป็นฝ่ายใช้ความอดทนพยายามอธิบายให้ทุกคนเข้าใจให้ได้เอง
คอยดูนะ !
ตั้งแต่นั้น แทบจะไม่ค่อยได้ใช้ความพยายามอย่างที่ว่าเลยค่ะ ดูมันง่ายขึ้นเองโดยอัตโนมัติ
เหมือนในโฆษณาอะไรซักอย่าง ที่ว่า
"ดีใจจังค่ะ เดี๋ยวนี้ชีวิตเดี๊ยนง่ายขึ้นมากเลยค่ะ" อิอิ
3. รู้แล้วจริง ๆ ว่าชีวิตตัวเองมีคุณค่า
เพราะหลาย ๆ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับลูกศิษย์ แล้วมีเราคอยลาก จูง ตามจิก ตามตี ใช้ทุกกลเม็ด แกล้งงอน แกล้งไม่พูดด้วย ประกาศตัดศิษย์ตัดครู ลากตัวไปส่งสถานบำบัด บังคับขืนใจเอาไปส่งค่ายปรับพฤติกรรม เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เขาผ่านปัญหานั้น ๆ มาได้จนเติบโต มีหน้าที่การงาน มีครอบครัว
แล้วกลับมาหา มากอด มากราบ มาไหว้ วันไหว้ครู วันเกิด วันปีใหม่ ฯ

พวกเขาเล่าให้ฟังถึงเบื้องหลังแห่งการรับรู้ด้วยความโง่เขลาในวัยเยาว์ เล่าไปขำไปด้วยความสุข
แต่ครูอย่างเราฟังแล้วมันสะท้อนใจ ขำด้วยไม่ออกค่ะกลั้นน้ำตาไว้ไม่เคยอยู่ (ทั้ง ๆ ที่จริง ๆ เป็นสาวห้าวไม่ค่อยเสียน้ำตากับอะไรง่าย ๆ หรอกค่ะ)
เจ้าพวกลูกศิษย์ต่างก็ปลอบกันใหญ่ว่า "จารย์มันผ่านไปแล้ว ร้องไห้ไมอ่ะ ไม่เอาน๊า ไม่ร้องน๊า พวกผมขอโทษ"
ทีนี้เลยยิ่งหนักค่ะ กรรแสงกันเป็นหมู่คณะ ทั้งศิษย์ทั้งครู รวมทั้งพวกครูที่ผ่านมาเจอด้วยก็ไม่รอดค่ะ อิอิ
4. สำเร็จหลักสูตรประกาศนียบัตรการบริหารการศึกษา ด้วยเกรดเฉลี่ย 3.90 แถมด้วยประสบการณ์ความรู้อันทรงค่า
เรื่องนี้ใช้เวลาคิดอยู่นานพอควรเพราะกำลังถามตัวเองว่าใคร ๆ เขาก็จบกันมันดูธรรมดาไปไม๊
ตอบตัวเองว่า ไม่ค่ะ
นอกจากความคิดที่ว่าจะต้องหัดชื่นชมตัวเองบ้างแล้ว
ครูปูยังเป็นพวกที่จะไม่เรียนอะไรไปงั๊น ๆ แต่จะตั้งคำถาม จะค้น จะหา จะลงมือทำด้วยตนเองให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้

เหตุที่เป็นพวก perfectionist ที่อยู่ระหว่างการควบคุมนี่เอง จึงทำให้ต่อยอดการเรียนรู้ จนหลุดพร่วดเข้ามาใน gotoknow นี่ยังไงล่ะคะ
สิ่งที่เรียนจะถูกนำมาเทียบเคียงกับการงานและชีวิตทันที ทำให้สามารถสร้างระบบต่าง ๆ เพื่อควบคุม กำกับ ตรวจสอบและติดตามการทำงานได้หลายประการ
รวมทั้งนำเทคนิค Appreciative Inquiry และ Deep Listening มาใช้ในชีวิตด้วยค่ะ
ทั้ง ๆ ที่ถูกบอกกล่าวตลอดเวลาว่า อย่าไปอะไรมากเลย เราเป็นผู้บริหารใช้ลูกน้องทำก็หมดเรื่อง ส่ง ๆ ไปเดี๋ยวก็จบ
5. รางวัลผู้บริหารสถานศึกษาดีเด่น ของสมาคมโรงเรียนอาชีวศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ประจำปี 2551
เพิ่งได้รับแจ้งเมื่อวันที่ 29 ธันวาคม ที่ผ่านมา ว่าจะต้องไปรับรางวัลนี้ ในวันที่ 15 มกราคมนี้ ที่โรงแรมเอส ดี อเวนิว
เมื่อ 5 ปีที่แล้ว ตอนไปรับรางวัลครูดีเด่น ก็ยังขำ ๆ ไม่หาย เพราะดูแล้วครูปูจะค่อนข้างอาวุโสน้อยไปหน่อย
คราวที่แล้วแอบโทรบอกคุณแม่ตอนกำลังรอขึ้นเวที
คราวนี้ โทรบอกแม่แต่เนิ่น ๆ แม่แค่หัวเราะ อิอิ
จบข่าว ^_^

ขอเชิญเพื่อน ๆ ทุกท่าน เขียนบันทึกตกตะกอนความสุขในปีที่ผ่านมาของตัวเองกันนะคะ เพื่อแบ่งปันรอยยิ้มและความสุข เหมือนที่ครูปูกำลังตั้งใจทำอยู่นี่ไงคะ

เรียนเชิญจากหัวใจครูปูค่ะ
(^____^)
เมื่อ พฤ. 01 ม.ค. 2552 @ 21:50
1049382 [ลบ]
นอนบิดไปบิดมาบนเตียงเล่น
อยากเห็นจริง จิ๊ง
ไอ้ท่านอนบิดไปบิดมาเนี่ยนะ อิ อิ