ถ้านึกย้อนไปเมื่อหลายสิบปีก่อนจะได้ยินตำนาน “เสื่อผืนหมอนใบ” ที่คนรุ่นพ่อ รุ่นแม่ ได้สู้ ตรากตรำ ขวนขวาย สร้างฐานะ สร้างธุรกิจ สร้างประเทศไทยมาได้จนเป็น “ไท” ในทุกวันนี้...
แต่วันนี้ วันที่คนรุ่นพ่อ รุ่นแม่ต้องส่งไม้ต่อให้กับ “ลูก”
ไม่ว่าจะเป็นลูกสาว (A Daughter) โดยเฉพาะอย่างยิ่งลูกชาย (A Son) ที่เข้าสืบทอดกิจการ บริษัทห้างร้านต่อจากคนผู้พ่อ
ลูก ๆ ที่ต่างเกิดมามีบุญ เกิดมามีทุนอุดหนุนได้อยู่บนกองเงินกองทอง
ทรัพย์สิน เงินทอง ความรู้ที่สูงส่ง ทั้งจากสถาบันการศึกษาไทย และโดยเฉพาะการเดินทางไปยังเมืองนอกอันศิวิไลซ์ด้วย “ความรู้ (Knowledge)”
ความรู้แบบแห้ง ๆ ที่ซ่อนแฝงไปด้วยกิเลสจากสังคม
สิ่งที่ลูก ๆ ได้รับกลับมากำลังหมักหมมให้สังคม “วิกฤต”
ความหยิ่ง ผยอง ลำพอง ก้มหัวให้ใครไม่เป็น
ความทะนงในลาภ ในทรัพย์ ในสมบัติ ทำให้องอาจ และโอ้อวดในที่ ในกาลที่ไม่ควร
การตัดสินใจบนฐานความรู้ในตำรา นำพาประเทศชาติ “ล่มจม”
วันนี้สังคมต้องเตรียมรับมือกับผู้นำองค์กรรุ่นลูก ๆ ที่ภายนอกดูดีด้วยทรัพย์และชื่อเสียงที่คนรุ่นพ่อก่อรอไว้ให้
วันนี้สังคมต้องเตรียมรับมือกับผู้บริหารที่กลวงด้วยภายใน ที่ขาดไร้ซึ่งพลังแห่งความดีงาม
การต่อสู้ อุตสาหะ วิริยะ ไม่สามารถถ่ายทอดกันได้จากการอ่านหนังสือ
ความเคารพ นบนอบ ความอ่อนน้อม ถ่อมตน ไม่สามารถเรียนรู้ได้จากชั้นเรียนปริญญาเอก
จริยธรรม คุณธรรม ไม่สามารถหาได้ในปริญญาจากต่างประเทศ
แหล่งท่องเที่ยว การพนัน ผู้หญิง เหล้า และยาเสพติด เป็นสิ่งที่จะพาลูก ๆ ของพ่อนี้พบวิกฤตได้
นักการเมือง นักธุรกิจ ผู้บริหาร ข้าราชการ ทั้งน้อย ทั้งใหญ่ เวลาที่จะแปะไม้ ส่งมือให้ลูกนี้ ต้องระวังให้ดี
ความสุขุม รอบคอบ ของลูกน้อยนี้ย่อมไม่มีวันจักเทียมเท่าผู้สู้มา
ลูก ๆ ทั้งหลายที่เข้ามาบริหารกิจการพึงระวัง
ลูก ๆ นั้นไม่สามารถย้อนเวลากลับไปต่อสู้ด้วยตำราเสื่อผืนหมอนใบแบบพ่อและแม่ได้
ลูก ๆ นั้นไม่ควรทะนงตน ถกเถียงกันบนฐานแห่งความรู้จากตำราที่เล่าและเรียนมา
ลูก ๆ ทั้งหลายถ้าไม่ระวังจักนำพาประเทศชาติพบวิกฤตรวดเร็วพลัน…