จากระยะเวลากว่าสี่ปีที่ผมได้มีโอกาสคลุกคลีและได้สัมผัสกับโครงการ "กองทุนหมู่บ้าน" เห็นความเป็นไปของพ่อแม่พี่น้องชาวบ้านชนบทเราที่เข้ามาเป็นสมาชิกโครงการฯ จากการที่ได้เข้าไปสัมผัส ผมได้เห็นความเปลี่ยนแปลง ความเคลื่อนไหวและแนวความคิดของชาวบ้านเปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก มากซะจนผมอดที่จะเป็นห่วงไม่ได้ถึงอนาคตของประเทศไทยเรา ซึ่งความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นนี้ผมคิดว่ามันจะทำให้เกิดเป็นปัญหาที่เรื้อรังไม่รู้จบต่อไปในอนาคตอย่างแน่นอน ซึ่งผมขอสรุปปัญหาที่คาดว่าจะเรื้อรังนี้เล็กน้อยและอย่างคร่าว ๆ นะครับ
พฤติกรรมการใช้เงินของชาวบ้านเปลี่ยนไป เนื่องจากโครงการนี้เป็นโครงการกู้ยืมเงินเพื่อมาประกอบอาชีพหรือสร้างเสริมอาชีพ เสริมสร้างรายได้ให้กับครอบครับของสมาชิก(ตามรูปแบบนโยบายที่ไปก๊อปปี้เค้ามาว่างั้นเถอะ) แต่กลุ่มสมาชิกส่วนใหญ่ต่างใช้เงินผิดวัตถุประสงค์และขาดวินัยในการใช้เงินเป็นอย่างมาก(อาจเป็นเพราะชาวบ้านยังขาดความรู้ความเข้าใจในการบริหารจัดการทางการเงินที่ดี) จึงทำให้เมื่อครบกำหนดส่งคืนเงินจำเป็นต้องไปหยิบยืมเงินต่อจากเพื่อนบ้านหรือนายทุน
นายทุนเข้ามาแทรกแซงความเข้มแข็งของชุมชน (อันนี้ถ้าพูดออกไปมากเดี๋ยวผมกลัวจะเป็นไข้โป้งอ่ะครับ 555 แต่ถึงยังไงก็จะพูดให้ฟังนะครับ) ตัวอย่างง่าย ๆ เช่น เมื่อถึงกำหนดครบเวลาในการชำระหนี้คืนแก่โครงการ สมาชิกไม่สามารถนำเงินมาคืนให้กับกองทุนฯได้ จึงจำเป็นที่จะต้องไปกู้ยืมเงินจากนายทุนโดยการที่จะต้องยอมแลกเปลี่ยนกับดอกเบี้ยที่นายทุนคิด ซึ่งมีตั้งแต่ ร้อยละ 5, 10, 15, หรือบางรายมีอิทธิพลหน่อยก็จะคิดร้อยละ 20 ซึ่งสมาชิกบางคนก็ต้องยอม และที่สำคัญนายทุนบางกลุ่มยังเข้ามามีบทบาทในการบริหารงานของโครงการนี้ด้วยซึ่งทำให้คณะกรรมการและสมาชิกไม่กล้าออกสิทธิ์ออกเสียงใด ๆ ซึ่งเป็นการถูกจำกัดสิทธิ์และเสรีภาพของคณะทำงาน
โครงการฯ นี้ทำให้ชาวบ้านไม่กลัวการเป็นหนี้ ส่วนใหญ่มักจะถามว่าทำยังไงจะกู้เงินได้มากกว่าเดิม เพราะจากข้อมูลที่ได้ชาวบ้านส่วนใหญ่คิดว่าโครงการนี้เป็นเงินของรัฐบาล( เค้าเอามาแจกให้ใช้ฟรี ๆ ) แต่พอถึงเวลาที่จะต้องคืนเงินนี่สิครับ หนาววววว ทำให้เกิดเป็นหนี้ผูกพัน รุงรังกันไปเรื่อย ๆ ไม่รู้จบ แล้วปัญหาความยากจนก็คงจะยังคงอยู่แบบนี้ตลอดไป
ยังมีอีกหลายปัญหาที่เกิดขึ้นและผมคิดว่าจะเป็นปัญหาที่เรื้อรังแน่นอนหากไม่มีวิธีการแก้ไขที่ดี ที่ถูกต้อง ซึ่งโดยเนื้อแท้ของโครงการนี้นั้นเป็นสิ่งที่ดี และผมว่าดีมาก ๆ หากแต่ "เรา" ยังขาดความรู้ ขาดการดำเนินงาน การบริหารจัดการ การตรวจสอบ และยังขาดอะไร ๆ ดีดีอีกหลายอย่าง และผมคิดว่านั่นไม่ใช่ปัญหาของเราและไม่ใช่ปัญหาของใคร แต่มันเป็นปัญหาเกี่ยวข้องกับความมั่นคงของประเทศและเกี่ยวข้องกับคนในชาติโดยตรงเลยครับ
ปุจฉา ท่านคิดเห็นอย่างไรกับการแก้ไขปัญหาของภาครัฐบาล โดยการเปิดโครงการกองทุนหมู่บ้านล้านที่ 2 และ ล้านที่ 3 ครับ
หนึ้สินไม่รู้จบกำลังเติบโตและขยายวงกว้างขึ้นอย่างสบายใจ
( โปรดติดตามตอนที่ 2 ได้เร็ว ๆ นี้ จริง ๆ นะ )
ก็ดีนะครับ ที่สนับสนุนให้คนในชาติชอบการเป็นหนี้ ผมไปเที่ยวที่ สปป.ลาว คนลาวเขาบอกว่าที่บ้านเมืองเขาไม่มีหนี้ เพราะรัฐไม่ให้มีสิ้นค้าผ่อนส่ง เช่าซื้อแบบไทย แสดงว่ารัฐของ สปป.ลาว มีทัศนวิสัยที่ยาวไกลยิ่งนัก เมื่อสองสามวันมานี้ผมได้รับคำทายทามจากประธานกองทุนหมู่บ้านให้เข้าร่วมเป็นกรรมการล้านที่ 2 แต่ผมก็ปฏิเสธไปเพราะชาวบ้านทำผิดหลักนโยบาย นโยบายให้ชาวบ้านมากู้เงินจากกองทุนเพื่อไปดำเนินธุรกิจ เป็นทุนรอนสำหรับทำการค้าการเกษตร แต่ความจริงชาวบ้านเขียนโครงการเท็จ กรรมการกองทุนก็ทราบและยอมรับความเท็จนั้นเพื่อให้สมาชิกนำเงินไปใช้ในทางอื่นที่มิใช่การเกษตรหรือธุรกิจชุมชนดังนโยบาย ผมจึงเห็นเป็นเรื่องน่าสมเพชยิ่งนัก ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องควรทบทวนเรื่องกองทุนหมู่บ้านใหม่ทั้งระบบจึงจะดี
พี่แวะมาสนับสนุนเมนท์ของคุณ พิมล มองจันทร์
ชาวนาตาดำๆๆตาสายายมี..มีหนี้ตอนแก่..ฮา...สนุกล่ะซิ
พี่ลดาเคยได้ยินคำกล่าวที่ว่า "..ธกส.ผู้นำหนี้สินมาถึงบ้านท่าน.." พี่สะท้อนใจค่ะ
มันไม่ใช่เศรษฐกิจพอเพียง..แต่คืออะไรก็ไม่รู้ค่ะ..
พี่ทราบจากเพื่อนคนลาวว่า คนลาวไม่สามารถกู้เงินมาสร้างบ้านได้..ต้องมีเงินของตัวเองจึงจะสร้างได้..ดังนั้นปัญหาหนี้สินรุงรังก็ไม่น่าจะมีค่ะ..
น่าจะเอาเยี่ยงคนลาวค่ะ..ไม่ต้องสร้างหนี้..
ขอบคุณมากที่ยังคิดถึงพี่ลดา..
ขอให้ครอบครัวของมะเดี๋ยวมีความสุขตลอดปี 2552 ค่ะ..
สวัสดีปีใหม่ 2552 ค่ะ
มีความสุขในทุกๆวันนะคะ
โชคดี ตลอดปีและตลอดไป
J สุขภาพแข็งแรงค่ะ J