ต้านลมหนาวสานปัญญา : ความลงตัวของ "งาน - เวลา - งบประมาณ - กำลังคน"


รู้สึกว่าตัวเองมีประโยชน์ต่อสังคม

ผมกลับไปยังค่ายต้านลมหนาวอีกครั้งในเช้าวันอาทิตย์ที่  14  ธันวาคม  2551  โดยมีผู้อำนวยการกองกิจการนิสิต  (อ.เกื้อกูล  ดวงจันทร์ทิพย์)  เจ้านุ  (อติรุจ  อัคมูล)  และนิสิตจีนที่มาฝึกงานกับผมอีก 2  คนร่วมเดินทางไปด้วย

 

คณะของเราเดินทางไปถึงในช่วง 4  โมงเช้า  เป็นเวลาที่ไม่ขาดไม่เกิน  เพราะก่อนหน้านั้น  ผมก็นัดหมายกำหนดการกับแกนนำชาวค่ายไว้ตามห้วงนี้พอดี 

  

  

 

หมู่บ้านมองในระยะไกลจากทางเข้าที่ถนนโรยด้วยลูกรัง

  

 

ทันทีที่ก้าวเท้าหลุดออกจากตัวรถตู้  ผมกับทีมงานก็ถึงกลับออกอาการ อึ้ง  อยู่พักใหญ่  เพราะแทบๆไม่น่าเชื่อว่า  ในเช้าวันนี้  อากาศจะหนาวเหน็บอย่างคาดไม่ถึง   เพราะก่อนหน้านั้น  ไม่มีวี่แววเลยว่าลมหนาวจะกรรโชกแรงถึงเพียงนี้

 

ผมเหลือบไปมองยอดไม้ที่เรียงรายอยู่รอบ ๆ โรงเรียน  เห็นได้ชัดเลยว่า  แต่ละจุดโบกพลิ้วพัดสะบัดไปตามแรงลมอยู่ตลอดเวลา  เช่นเดียวกับเจ้าเสียงลมหนาวที่กระโจนลงมาจากเทือกเขาภูพานนั้น  ฟังดูก็ประหนึ่งคำรามลั่นอย่างน่าเกรงขาม 

 

ลมหนาวยังคงพัดแรงอย่างต่อเนื่อง   ทำเอาฝุ่นและเศษฟางเศษหญ้าจากสนามกีฬาและท้องนาใกล้ ๆ โรงเรียนลอยละลิ่วไปมาอยู่อย่างต่อเนื่อง  และยิ่งเป็นลมหนาวที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของความ แล้ง  ในแบบอีสาน ๆ  นั้น  ยิ่งพลอยให้รู้สึกเจ็บ  คันและแสบไปตามผิวหนังอย่างสะท้านสะทก  

  

  

 

ในช่วงของการส่งมอบอุปกรณ์เครื่องกันหนาวและอุปกรณ์การเรียนต่าง ๆ นั้น  ผมมีโอกาสได้เดินเลียบ ๆ เคียง ๆ ไปยังสถานที่ต่าง ๆ  พร้อม ๆ กับการสอบถามความรู้สึกของบรรดาชาวค่ายและชาวบ้านอย่างเป็นกันเอง  -

 นิสิตชาวค่ายหลายต่อหลายคนประทับใจอย่างที่สุด  และแทบไม่เชื่อเลยว่าจะมีโอกาสได้สัมผัสกับบรรยากาศของความหนาวเย็นมากถึงเพียงนี้  ยิ่งมีโอกาสได้เป็นผู้ให้ ..ยิ่งพลอยให้รู้สึกว่าตัวเองมีประโยชน์ต่อสังคม

 

ขณะที่ชาวบ้านแทบทุกคนก็กล่าวในทำนองเดียวกันว่า  ประทับใจและซาบซึ้งกับนิสิตมาก ๆ  โดยเฉพาะความประทับใจที่มีต่อการทำงานที่ไม่ย่อท้อ  รวมถึงการที่นิสิตวางตัวแบบง่าย ๆ ติดดินและเป็นกันเองกับชาวบ้าน

 

ส่วนเด็กนักเรียนนั้น  ก็บอกกับผมอย่างใสซื่อว่า  ดีใจที่ได้ตุ๊กตา  ดีใจที่ได้สมุดดินสอ  ดีใจที่ได้เวทีในการจัดกรรม  และที่สำคัญคือดีใจที่มีพี่สาวและพี่ชายเพิ่มมาอีกคน

 

 

 

ถ้อยคำที่ผมได้รับรู้จากการพูดคุยนั้น  ดูเป็นคำตอบที่พยากรณ์ได้ล่วงหน้าอยู่แล้วว่า ต้องออกมาในรูปนี้  แต่เมื่อมารับรู้ด้วยตนเอง  ก็อดที่จะสุขใจกับปรากฏการณ์อันง่ายงามของความสุขที่เกิดจากการเป็น ผู้ให้  และ ผู้รับ  นี้ไม่ได้

 

  

 

  

กลับมายังภาพกิจกรรมที่เกิดขึ้นในโครงการนี้บ้าง..
ในเช้าวันเสาร์ที่ 
13  ธันวาคม  2551  ภายหลังการรับประทานอาหารเช้าในแบบชาวค่ายได้เสร็จสิ้นลง  นิสิตก็แยกย้ายกันไปตามภาระที่มอบหมาย

 

กลุ่มแรกออกเดินทางไปยังเมือกเขาภูพานที่ทอดตัวยาวเหยียดอยู่หลังโรงเรียน  โดยมีภารกิจอันสำคัญคือการตัดไม้ไผ่มาทำเป็นรั้วโรงเรียน  ซึ่งในกลุ่มนี้ดูคร่าว ๆ แล้วน่าจะใช้กำลังพลไม่น้อยกว่า  30  คน

 

จากคำบอกเล่าพนักงานขับรถของมหาวิทยาลัย  ทำให้รับรู้โดยรวมว่า  ทางขึ้นเขานั้นค่อนข้างแคบ สูงชันและทุรกันดารมาก  รถหกล้อวิ่งขึ้นด้วยความยากลำบาก  ขณะที่ไหล่ทางอันขรุขระนั้นก็เต็มไปด้วยหุบเหว ... 

 

เมื่อได้ฟังเช่นนั้น  ผมก็ยิ่งอดห่วงไม่ได้  จึงได้กำชับคนขับรถให้ระมัดระมัดให้มากที่สุด  และฝากให้ดูแลความปลอดภัยของนิสิตอย่างเต็มกำลัง  ทั้งในด้านการเดินทางและการตัดไม้ ลำเลียงไม้

  

 

 

 

กลุ่มที่สอง  เป็นกลุ่มที่ลุยงานอยู่กลางลานโล่งแจ้ง  ไม่สะทกสะท้านต่อลมหนาวและแสงแดดที่ผ่าวร้อน  โดยการรื้อรั้วโรงเรียนที่ชำรุดทิ้งไป พร้อม ๆ กับการล้อรั้วใหม่  โดยใช้ไม้ไผ่จากที่หามาได้เป็นวัตถุดิบหลัก  รวมถึงการดาหญ้าให้โล่งเตียน  เพื่อให้ภูมิทัศน์ของโรงเรียนดูสะอาดสะอ้าน  และเป็นระเบียบเรียบร้อย

 

ขณะที่อีกกลุ่มหนึ่งที่อยู่ในบริเวณใกล้ ๆ  กันนั้น   ก็ก้มหน้าก้มตาละเลงสีลงบนแผ่นไม้เพื่อเขียนเป็นชื่อหมู่บ้าน   เพราะนิสิตเล่าให้ฟังว่า  ป้ายเดิมที่มีอยู่ชำรุดผุกร่อนชนิดไม่เหลือซาก  จึงจำต้องเร่งทำขึ้นมาใหม่  แต่ในบรรดาคนค่ายทั้งหลายนั้น  ต่างก็ขัดสนคนลายมือดี ๆ และมีศิลปะในการจับพู่กัน   จึงได้แต่พยายามและพยามเขียนอย่างเต็มกำลัง  จะสวย หรือไม่สวยไม่สำคัญ  ตั้งเป้าไว้เพียงสั้น ๆ ว่า อ่านออกเป็นพอ

 

 

 

 

อีกกลุ่มหนึ่ง  ก็ปักหลักอยู่ในห้องเรียนต่าง ๆ เพื่อจัดทำสื่อการเรียนการสอนในรูปแบบต่าง ๆ  รวมถึงการจัดแต่งห้องสมุดให้เป็นระบบระเบียบ  และนั่นก็รวมถึงการจัดบอร์ดเสริมสร้างการเรียนรู้ประดับไว้ในห้องเรียน

 

 

 

และในบริเวณอาคารเดียวกันนั้น  อีกกลุ่มก็ยังคงมุ่งมั่นกับการลำเลียงอิฐดินหินทรายเพื่อก่อสร้างเป็นเวทีกิจกรรมไว้ใต้ถุนอาคารเรียน  โดยมีวัตถุประสงค์หลักให้นักเรียนได้มีเวทีในการแสดงความสามารถ  และเพื่อใช้เป็นสถานที่จัดกิจกรรมร่วมกันระหว่างโรงเรียนกับชุมชน 

 

งานนี้เป็นงานหนักมิใช่น้อย  ภายใต้เวลาและงบประมาณอันจำกัด  แต่นิสิตทั้งหลายก็ไม่เคยแสดงออกถึงความอ่อนล้าและท้อถอย  ทุกคนทำงานด้วยแววตาอันเปี่ยมสุข  และสนุกสนานกับเรื่องราวและบรรยากาศของชีวิตที่เกิดขึ้นกับกิจกรรมอย่างน่าชื่นชม  ยิ่งได้เห็นภาพของการลำเลียงน้ำจากสระที่ขุดไว้หลังโรงเรียนเพื่อมาผสมปูน  ยิ่งเห็นภาพอันแจ่มชัดว่า  งานอาสาพัฒนา หรืองานค่ายนั้น  มีมนต์ขลังอันวิเศษสุดต่อการสร้าง "คน" ... และสร้าง "สังคม"  ไปพร้อม ๆ  กัน

 

 

นี่เป็นเพียงเรื่องราวอันสังเขปของกิจกรรมที่เกิดขึ้นใน ต้านลมหนาวสานปัญญา  ที่เต็มไปด้วยความหลากหลายของกิจกรรม และเต็มไปด้วยความพยายามอันแสนงามของนิสิต

 

นี่เป็นค่ายอาสาพัฒนาเล็ก ๆ  อีกค่ายหนึ่งที่ผมให้ความชื่นชมและยกย่องเสมอมา  เพราะค่ายนี้สามารถบูรณาการกิจกรรมต่าง ๆ ได้อย่างเป็นรูปธรรม  และกิจกรรมที่ว่านั้นก็เป็นความ ลงตัว  ของระยะเวลาอันน้อยนิด และงบประมาณอันจำกัดของนิสิต  รวมถึงการสะท้อนให้เห็นภาพความสำเร็จของการทะลายกำแพงวัฒนธรรมต่างองค์กรในด้านการทำงานร่วมกันลงอย่างสิ้นเชิง

 

และถัดจากนี้ไปในอีกไม่ช้า  ต้านลมหนาวสานปัญญา  ก็คงเปิดตัวครั้งใหม่ขึ้นอีกครั้ง  ส่วนจะเป็นที่ไหน, อย่างไร  ก็คงบอกกล่าวกันอีกรอบ

หมายเลขบันทึก: 231307เขียนเมื่อ 22 ธันวาคม 2008 23:25 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 20:03 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (37)

@ กราบสวัสดีปีใหม่ ๒๕๕๒

@ งานอาสาพัฒนา หรืองานค่ายนั้น มีมนต์ขลังอันวิเศษสุดต่อการสร้าง "คน" ... และสร้าง "สังคม" ไปพร้อม ๆ กัน

@ ขอชื่นชมยินดีกับโครงการดีดี ครับ

สวัสดีครับ มาชื่นชมกิจกรรมดีๆ

สวัสดีค่ะอาจารย์

***ชอบกิจกรรมสร้างสรรค์ของคนหนุ่มสาว

***พวกเขาคือพลังของแผ่นดิน

***นอนดึกนะคะ...รักษาสุชภาพค่ะ

สวัสดีปีใหม่ 2552 ค่ะ

  • จากจิตกุศลของการทำกิจกรรมดีๆในทุกๆครั้ง จงบันดาลให้อาจารย์และครอบครัวมีความสุขตลอดไปค่ะ

เป็นการออกค่ายที่นิสิต ได้พัฒนาทั้งความคิดและสติปัญญาและจัดการได้ดีมากค่ะ พี่ขอชื่นชม

เอาหัวใจแห่งความสุขมาฝากนะคะ

สวัสดีค่ะคุณพนัส

ตามมาเยี่ยม   กิจกรรม การให้บริการชุมชน ต้านลมหนาวสานปัญญา 

หนูเหว่า หายไปนานเลยนะคะ เนื่องจากภาระมากมายลือเกิน

พอดีไปคุยงานกับ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติภูลังกา เค้าต้องการให้ นศ.เกษตรไปออกค่าย ช่วยทำฝายแม้ว บนภู น้องเหว่าก็เลยต้องรันกิจกรรม มีปัญหาาใจจะโทรไปขอคำแนะนำนะคะ

อีกเรื่องเล่า น้องไปเดินป่ามากับพี่ๆ ที่ สำนักงานส่งเสริมการท่องเที่ยวังหวัดนครพนม เค้าสอนทริคการถ่ายรูป การใช้กล้อง และเค้าใช้กล้อง nikon d300 โอ้ยยยยย คิดถึงคุณพี่มาก อยากให้มาเดินป่าด้วยกัน อยากให้มาร่วมแลกเปลี่ยนมุมมองการใช้กล้องมากๆ เลย ได้ความรู้เยอะมาก คุ้มค่าจริงๆ ทั้งเที่ยว ทั้งทำงาน แถมได้ความรู้เพิ่มเติมอีกตะหาก

สวัสดีปีใหม่ล่วงหน้าค่ะคุณแผ่นดิน...มาส่งความสุข - - ขอให้สุขีๆนะคะ

แวะมา สวัสดีปีใหม่นะคะ อ.แผ่นดิน 
อยากเรียนถามด้วยว่าหนังสือที่เคยส่งไปบริจาคนั้น ถ้าปกเก่า เป็นไรมั้ยคะ แต่ข้างในยังดี ๆ น่ะค่ะ

เพราะส่วนหนึ่งเป็นหนังสือที่คัดเก็บจากการปิดตัวลงของร้านขายหนังสือของเราเอง ค่ะ

(ส่วนตัวเป็นนักล่า หนังสือปกเก่าดั้งเดิม-หนึ่งนั้นราคาถูก สองได้ความรู้สึกดี ๆ สาม..)

ฝากภาพสวัสดีปีใหม่นะคะ

Life is not long. 

Open mind to see all with real love.

All is alive, isn’t it?    

Even though the stars are blind.

We can find the real life inside.

 

200733

สวัสดีปีใหม่ค่ะอาจารย์

Ny

สวัสดีครับ อ.พนัส

    สวัสดีปีใหม่   

สวัสดีค่ะ อาจารย์ แวะมาอวยพรวันปีใหม่ค่ะ

ตามมาชมภาพความร่วมมือร่วมใจในการทำงานเพื่อสังคม ของนิสิต มมส.และผู้เกี่ยวข้อง และสวัสดีปีใหม่ครับ..

ขอให้อาจารย์พนัสและครอบครัวมีความสุขมากๆนะคะ...ตลอดปีและตลอดไปเลยค่ะ..

^^

 

ดูน้องๆรวมพลังสร้างความดีแล้วมองย้อนดูตัวเอง

เราก็เคยทำกันอย่างนี้ ครูต้อยเคยไปกับเพื่อนๆ

มีอ.ดร.เสวนีย์ เสนาสุ เป็นพี่เลี้ยง เราไปกันที่อรัญประเทศ ตกกลางคืน เสียงตูมใหญ๋ เช้าขึ้นได้ข่าวว่าเมื่อคืนคนฝั่งโน้น เขาล่อกันแล้ว ลูกปืนใหญดันมาตกลงที่หลังค่โรงเรียนมัธยม แต่พวกเราก็ยังสนุกสนานกับงาน  มันผ่านมาหลาย สิบปีแล้ว

สวัสดีครับ  ไทบ้านผำ

ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมนะครับ,

ขอให้มีพลังต่อการสร้างสรรค์ชีวิตและสังคมสืบไปๆ นะครับ

สวัสดีครับ เบดูอิน

  • ขอบคุณที่แวะมาให้กำลังใจนะครับ
  • กิจกรรมนี้ดำเนินการมาเป็นสิบๆ ปีแล้วนะครับ แต่จัดโดยพรรคชาวดิน
  • แต่ที่รวมกันจัดครั้งนี่  ทำต่อเนื่องมาเป็นครั้งที่ 3
  • ทั้งแรกไปที่ชัยภูมิ
  • ครั้งที่สองจัดที่ อ.วังสามหมอ  จ.อุดรธานี
  • ครั้งที่สาม จัดที่ อ.สมเด็จ  จ.กาฬสินธุ์

 

สวัสดีครับ  กิติยา เตชะวรรณวุฒิ

เสียดายมากที่ปีนี้ตั้งใจไว้จะจัดให้ได้สัก 3 ครั้ง แต่สุดท้ายก็ได้เพียง 2 ครั้งเอง  เนื่องจากช่วงนี้เป็นช่วงงดจัดกิจกรรม  ให้นิสิตหยุดกิจกรรมเพื่อเตรียมสอบปลายภาค

กิจกรรมนิสิต ยังเป็นทางเลือกในการเติมเต็มการเรียนรู้ของหนุ่มสาวในรั้วมหาวิทยาลัยเสมอ

ผมเชื่อเช่นนั้นครับ

ติดตามมาดูกิจกรรมค่ายอาสาพัฒนา

เห็นภาพของนิสิตแล้วให้นึกถึงวันวาน

ขอเป็นกำลังใจให้สร้างสรรค์สิ่งๆดีแก่สังคมต่อไปนะคะ

สวัสดีครับ...NU 11

ปีใหม่ผ่านเลยมาหลายวัน  แต่ถึงยังไงก็ยังอยากจะเอ่ยว่า...ขอให้ทุกๆ วันเป็นวันแห่งชีวิต..และในยามที่ต้องหม่นเศร้า ก็ขอให้เชื่อมั่นตลอดเวลาว่า "ชีวิตย่อมมีวันใหม่เสมอ..."

ขอบคุณครับ

สวัสดีครับ พี่ แก้ว..อุบล จ๋วงพานิช

  • งานค่าย  คือบทเรียนอันท้าทายของคนหนุ่มสาว
  • ไม่มีคราใดที่ค่ายอาสาจะสิ้นมนต์ขลัง
  • ค่ายอาสาพัฒนา  ได้เรียนรู้เรื่องราวชีวิตอย่างหลากหลายรสชาติ  ทั้งชุมชนและคนรอบกายจากสถาบันเดียวกัน
  • ซึ่งนั่นก็รวมถึงกระบวนการของการทำงานและการใช้ชีวิตอีกจิปาถะ
  • ....
    ขอบคุณครับ

แวะมาเยี่ยมครับ

ค่ายสร้างคน

คนสร้างค่าย

คนดูแลค่ายก็เหนื่อยใช่ย่อยครับ

มาเป็นกำลังใจให้ครับ

มข.ก็กำลังจะออกค่ายฯครับ

http://sac.kku.ac.th/main/index.php?option=com_content&task=view&id=146&Itemid=37

สวัสดีครับ น้อง ออต

ปีนี้ลมหนาวจากหายไปเร็วมาก..ยังไม่สิ้นเดือนแห่งความรัก

ลมหนาวก็ร้างหนีไปแล้ว...

ลมร้อยมาเยือน คิดถึงโคกแถวบ้าน, ..คิดถึงไข่มดแดง, คิดถึงการคล้องกะปอมของเพื่อนๆ ฯลฯ

 

สวัสดีครับ..add

ขอบคุณที่แวะมาอวยพรและให้กำลังใจ

เช่นกันนะครับ

ขอให้มีพลังชีวิตอันยิ่งใหญ่เสมอไป

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท