ครั้งนี้เป็นครั้งที่สามที่ฉันได้มาที่เมืองเจียงฮายแห่งนี้ เจ้าภาพนำพาไปชมเพื่อเรียนรู้รากของเมืองไทย อันมีที่มาที่แสนยิ่งใหญ่ เกี่ยวข้องกันไป ไทยใหญ่ ไทยดำ ขอม ลาว พม่า
ในภาพล่างที่เห็นตระหง่านตรงมุมซ้ายบนที่เป็นโบสถ์วิจิตรพิสดารนะ คือ โบสถ์วัดมิ่งเมือง ซึ่งอยู่ใกล้ๆกับตลาดสดเช้า เดินไปไม่ถึงครึ่งของครึ่งกิโลแม้วก็ถึงได้
ถัดเข้าไปภาพของอาคารที่ภาคเอกชนได้สร้างขึ้นเพื่อเก็บหลักฐานอันรุ่งเรืองยิ่งของเมืองไทยเรานี้ในอดีตกาลที่รวบรวมมามาไว้ สถานที่แห่งนี้ชื่อ พิพิธภัณฑ์กูบคำ
ถัดไปที่เห็นสายน้ำอยู่เบื้องหลังช้างนั่นคือแม่น้ำกก ส่วนคนที่อยู่บนหลังช้างสองสาวสองวัย คือ ป้าจุ๋มและน้องจิค่ะ ที่นี่คือปางช้างของชาวกะเหรี่ยงที่พัฒนาแล้ว ทำให้เมื่อเข้าไปแล้ว จะเห็นว่าพวกเขาแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าแบบคนเมือง หมู่บ้านที่นี่มีชนเผ่าอยู่ปะปนกันอยู่ค่ะ น้องจิ ป้าจุ๋มมาที่นี่ สนุกสนานมากกับการเรียนภาษาที่เขาใช้พูดกัน เป็นคำอะไรบ้างนั้น ลองภูมิน้องจิดูหน่อยก็ได้ ซึ่งฉันประกันไม่ได้ว่าเธอยังจำมันได้มากคำแค่ไหน แต่ที่แน่ๆฉันประกันได้ว่า เธอจะไม่พูดคำว่า กาลาโต้ ออกมาแน่นอน
ถัดมาในแถวที่สอง อาคารเล็กๆที่มีเขาควายประดับเอาไว้ นั่นนะคือ ส้วม ที่อาจารย์ถวัลย์ ดัชนี ออกแบบเอาไว้อย่างเลิศอลังการยิ่ง อยากรู้ข้างในเป็นยังไง ขอโยนไปให้หนูจิเล่าเพราะเธอเป็นคนแรกในทีมที่เดินเข้าไปขอใช้ห้องน้ำเขา
ภาพขวาเป็นภาพด้านข้างของศาลาซึ่งอยู่ในค่ายทหารที่ชาวเฮเราแวะไปถวายคารวะรอยพระบาทขององค์สมเด็จพ่อของคนไทยเรา ศาลานี้กำลังก่อสร้างและในไม่ช้าจะเปิดฟรีให้คนเข้าไปเที่ยวชมได้
ถัดลงมาที่แถวล่างสุด มุมซ้ายล่างคือ โบสถ์ในบริเวณวัดพระแก้ว ซึ่งจัดไว้ให้เป็นแบบพิพิธภัณฑ์ ที่นี่มีตุงสดสวย ละเอียดงดงามตั้งแสดงเอาไว้ มีนกการะเวกงามที่สุดเท่าที่เคยเห็น แกะสลักสีทองงามวางไว้อวดสายตา และมีต้นไม้หายากชื่อแปลกว่าพระเจ้าทั้งห้าปลูกไว้ให้ดูที่หน้าโบสถ์นี้ด้วย
ภาพกลางของแถวล่างสุด นั่นนะคือ ส้วมทองอลังการ ซึ่งประดิษฐ์ประดอยและสร้างขึ้นไว้ในวัดร่องขุ่นซึ่งเป็นวัดที่ศิลปินแห่งชาติอีกคนได้ทุ่มทุนสร้าง ท่านนั้นก็คือ อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตวิวัฒน์นะเอง สังเกตดูความเหมือนของสองศิลปินที่เจอ ล้วนใช้ความแหลมเป็นตัวบ่งบอกถึงความเฉียบแหลม
ท่านหนึ่งใช้ธรรมชาติเตือนใจของคนผ่านบรรดาซากสัตว์ทั้งหลายและสร้างมันไว้ให้อนุชนรุ่นหลังได้ยลได้ยิน
อีกท่านหนึ่งนั้นใช้รูปแบบของสังฆะแห่งธรรมและธรรมชาติซึ่งมีบรรยากาศอันสวยสดงดงามเป็นเครื่องเตือนใจและใช้ช่วยคน
ภาพสุดท้ายที่มุมขวาล่าง เป็น ม้าอาจหาญที่ไม่เคยเมื่อย มันยืนอวดตัวอยู่ตรงท่าที่แพยนต์จอดเพื่อรับคนข้ามไปเที่ยวชมสองฝั่งโขงและฝั่งอาณาจักรเมืองพม่า เมืองลาว อาคารที่สร้างล้อมรอบบริเวณที่ม้ากำลังกระโดดอยู่นี้เป็นอาคารใหญ่ทำด้วยไม้สักทั้งหลัง อลังการงานสร้างอย่างยิ่ง เห็นที่แล้วจินตนาการได้ว่าหน้าคนมาเที่ยวคงเล็กไปถนัด ไม่ดูใหญ่กว้างเยี่ยงนี้
ใกล้ๆอาคารแห่งนี้ มีกองทัพมดที่เดินไปมายั้วเยี้ย เขาคือมนุษย์แรงงานที่ช่วยขนถ่ายสินค้าข้ามแดน สินค้าฝั่งพม่าส่งมา สินค้าไทยส่งไป ผ่านจุดใกล้กัน
สวัสดีครับ คุณหมิเจ๊ แซ่เฮ คนงาม
ชื่นชอบ ชื่นชม ผลงานของปรมาจารย์ถวัลย์ มานานแล้วครับ คืนนี้ติดตามหมอมาหาความงามของงานศิลป์ของศิลปินท่านครับหมอ
เคยไปเชียงรายก็ตอนที่อายุปาเข้าไปจะเลขสามแล้ว อิอิ ทั้งๆ ที่ก็อยู่ใกล้กันแค่นี้เอง และต้อมไปทีไรก็ติดแหง่กที่ด่านแม่สายทุกที เดินๆๆ ดูของแต่ไม่ค่อยจะได้ซื้ออะไร ครั้งล่าสุดเมื่อปีที่แล้วค่อยยังชั่วหน่อย ได้ไปวัดร่องขุนด้วย..สวยมากค่ะ
สวัสดีครับ
ผมเคยพาครอบครัวไปวัดร่องขุ่น ไปภูชี้ฟ้า คาดว่าปีใหม่นี้จะขึ้นไปอีกครั้งครับ ขอบคุณครับ
สวัสดีค่ะ
ตามมาอ่านมนต์เสน่ห์ของเชียงฮานครับ
สวัสดีครับ หมอเจ๊
เชียงรายน่าอยู่ ยังไปไม่ทั่ว แม่สาย เชียงแสน ดอยตุง
ชอบมากครับ
เคยไปหลงเสน่ห์เชียงรายมาหลายรอบแล้วค่ะ
สวยมากๆ..ฝากภาพวิวจากเชียงรายนะคะ
สวัสดีค่ะ
เคยไปเชียงรายครั้งหนึ่ง ชอบมากๆๆเลยค่ะ มีโอกาศอยากไปเยือนอีกสักครั้ง ขอบคุณคุณหมอนะค่ะ
ภาพนี้คือหมุดที่ตอกไว้บอกเขตแดนไทยค่ะ ณ บริเวณเขาสันปันน้ำ
สวัสดีค่ะ อจ.ตามเข้ามาเพื่อจะบอกว่าคิดถึงๆค่ะ...เดินทางหายเหนื่อยยังคะ...เสน่ห์เชียงรายเนี่ยยช่างร้ายกาจจริงๆค่ะ อจ.โต้งไปมาแล้วครั้งหนึ่งยังอยากจะไปเยือนอีกซักครั้งเลยค่ะ...ที่ร้ายกาจนี่ไม่ใช่อะไรนะคะ...คิดถึงทีมกระบวนกรของครูใหญ่น่ะค่ะ...และได้สัมผัสกับธรรมชาติที่หนาวเย็นมากๆ จนเป็นไข้เลยละค่ะ...และก็มีอะไรที่โต้งต้องจดจำอีกเยอะเลยค่ะที่เชียงราย....เอาไว้มีโอกาสจะกลับไปเยือนอีกซักครั้งค่ะ