บันทึกต่อจากเมื่อวันที่ 29 พ.ย.ที่ผ่านมา ดิฉันได้พาคุณแม่ของดิฉันไปหาหมอที่โรงพยาบาลศุภมิตร ซึ่งเป็นโรงพยาบาลเอกชนตั้งอยู่ที่อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี .. เนื่องจากคุณแม่มีอาการป่วย..
ด้วยวัยย่างเข้าปีที่ 63 และป่วยเป็นโรคความดันต่ำ รวมทั้งมีอาการปวดขาอยู่แล้ว จึงทำให้คุณแม่มักมีอาการป่วยแทรกซ้อนอยู่เสมอ .. มาคราวนี้ คุณแม่รู้สึกไม่มีแรง ด้านซ้ายของร่างกายทรงตัวไม่ค่อยอยู่ มือชา ขาชา เวียนหัว นั่งแล้วจะลุกไม่ขึ้น รู้สึกลิ้นแข็ง พูดไม่ชัดเจนเหมือนเดิม .. จากอาการดังกล่าวเหล่านี้ทำให้ดิฉันและครอบครัวตัดสินใจพาคุณแม่ไปหาหมอ
คุณหมอตรวจดูอาการเบื้องต้น ด้วยการให้ลองลุกขึ้น ยกแขน ยกขา ทรงตัว ตรวจดูข้อขาและดูลักษณะการพูด แล้วได้ข้อสรุปว่าเป็นอาการของโรคอัมพฤต ครั้งแรกที่ได้ยินแล้วรู้สึกตกใจมาก... แต่คุณหมอย้ำว่า “โรคอัมพฤต” นะ ไม่ใช่ “อัมพาต” ทำให้ดิฉันรู้สึกใจชื้นขึ้นมาหน่อย ...คุณหมอบอกว่าโรคนี้เป็นกันมากโดยเฉพาะคนช่วงวัยประมาณใกล้เกษียณหรือเกษียณแล้วแบบคุณแม่ของดิฉัน และเกิดจากเส้นเลือดในสมองแตกหรือตีบตัน ทำให้เลือดไม่สามารถเดินทางไปหล่อเลี้ยงสมองได้อย่างสะดวกจึงส่งผลกระทบต่อระบบประสาทและการทรงตัว รวมทั้งการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ ด้วย ซึ่งอาการเหล่านี้อาจเกิดจากการมีไขมันในเลือดในปริมาณที่มาก หรืออาการของโรคต่าง ๆ เช่น เบาหวาน ความดันก็เป็นได้ และคุณหมอก็ให้คุณแม่ไปเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์ เพื่อดูผลให้ชัดเจนอีกครั้งหนึ่ง
สรุปว่า..คุณแม่มีอาการของเส้นเลือดฝอยในสมองแตกนิดหน่อย อาการที่แสดงออกนี้เป็นอาการเตือน เพราะยังไม่ถึงขั้นล้มทั้งยืน และยังสามารถรักษาได้อยู่ ถ้าดูแลตัวเองดี ๆ แต่อาการจะกลับสู่ปกติได้ไม่ถึง 100 เปอร์เซ็นต์ ต้องดูเรื่องอาหารการกิน การออกกำลังกาย รับประทานยาอย่างสม่ำเสมอ... และรอดูอาการอีกครั้งในวันจันทร์หน้า..
จากอาการป่วยของคุณแม่ในครั้งนี้เป็นข้อเตือนใจให้ดิฉันต้องคอยดูแลทั้งคุณพ่อและคุณแม่ให้มากขึ้น รวมทั้งการดูแลสุขภาพกายและสุขภาพใจของตัวเองให้เป็นอย่างดีต่อไป
สุดท้ายฝากคำเตือนไปยังผู้ที่อยู่ใกล้ชิดกับญาติผู้ใหญ่ที่อยู่ในช่วงวัยระหว่าง 50-60 ปี ให้คอยระวังอาการดังกล่าวและเมื่อมีอาการผิดปกติควรรีบไปพบแพทย์ทันทีนะค่ะ .. เพื่อหาสาเหตุของโรคและรักษาได้อย่างทันท่วงทีค่ะ
สวัสดีค่ะ คุณ นนทญา ขอเป็นกำลังใจให้ ขอให้คุณแม่หายป่วย และเป็นปกติเร็ว ๆ นะค่ะ
แวะมาเป็นกำลังใจให้คุณแม่ครับ
ขอให้หายไว ๆ ครับ
นิมิตฺตํ สาธุรูปานํ กตญฺญูกตเวทิตา ความกตัญญูกตเวทีเป็นเครื่องหมายแห่งคนดี
พระพุทธองค์ท่านตรัสสอนว่า บุตรและธิดาทั้งหลายต้องมีกตัญญุตา คือ รู้คุณท่าน บำรุงพระคุณของท่านให้มีความเจริญ และต้องมีกตเวทิตา คือ ตอบแทนพระคุณของท่าน โดยเลี้ยงดูอุปการะท่านให้มีความสุข รักษาทรัพย์ทั้งหลายที่ท่านได้ให้ไว้ไม่ให้สูญไป หรือทำให้ทรัพย์ที่ท่านให้ไว้ได้เกิดประโยชน์งอกงามมีผลกำไร และดำรงยศศักดิ์สกุลวงศ์ของท่านให้เจริญรุ่งเรืองในทางที่ดี เมื่อท่านถึงแก่กรรมไปแล้วควรหมั่นบำเพ็ญกุศลให้ถึงท่านเป็นประจำ
บุตรธิดาพึงบำรุงมารดา บิดา ผู้เป็นทิศเบื้องหน้า ดังนี้ ๑) ท่านเลี้ยงเรามาแล้ว เลี้ยงท่านตอบ ๒) ช่วยทำการงานของท่าน ๓) ดำรงวงศ์สกุล ๔) ประพฤติตนให้เหมาะสมกับความเป็นทายาท ๕) เมื่อท่านล่วงลับไปแล้ว ทำบุญอุทิศให้ท่าน
นอกจากจะคอยดูแลสุขภาพคุณแม่แล้ว อย่าลืมดูแลสุขภาพคุณลูก(ตัวเอง)ด้วยนะ
โลกรอดเพราะกตัญญูครับ ท่านพุทธทาสกล่าวไว้
ผมเองก็ห่วงคุณพ่อคุณแม่ ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ
ผมฝากคำถามไว้ในส่วนของคำถาม รบกวนหน่อยนะครับ
ได้ค่ะ..เดี๋ยวจะเข้าไปตอบ
สวัสดีค่ะ มาขอบคุณที่แวะไปทักทาย ขอให้คุณแม่หายไวๆนะค่ะ
ขอบคุณทุกคนค่ะ ที่มาทักทายและแลกเปลี่ยนเรียนรู้ค่ะ
แวะมาให้กำลังใจ..ขอให้คุณแม่มีสุขภาพแข็งแรงตลอดไปนะคะ
ขอให้กำลังใจมาก ๆ นะครับ :)
มาร่วมเป็นกำลังใจให้อีกคนค่ะ
ขอบคุณมาก ๆ ค่ะ
สวัสดีค่ะ มาเป็นกำลังใจ โรคนี้ทำกายภาพบำบัดสามารถกลับสู่ปกติได้ค่ะ สู้ๆค่ะ
ขอส่งกำลังใจให้พ้นผ่าน.... ดูแลท่านแม่ของเราเฝ้าถนอม
อยู่ใกล้ชิดจิตใจอย่าให้ตรอม... จิตกายพร้อมจักกลับฟื้นคืนสมบูรณ์