BM.chaiwut
พระมหาชัยวุธ โภชนุกูล ฉายา ฐานุตฺตโม

การเมืองมีชีวิต


การเมืองมีชีวิต

เมื่่อครู่... ปิยมิตรท่านหนึ่งบอกมาว่า คืนนี้ น่าติดตามสถานการณ์... ผู้เขียนก็ตอบกลับไปว่า่ น่าติดตามสถานการณ์ จนเบื่อแล้ว... และก็ลุกขึ้นไปชงกาแฟซึ่งตั้งอยู่นอกห้อง ขณะที่กำลังชงกาแฟนั้น ใจก็คิดไปตามประสาคนทั่วไป ทำนองว่าการเมืองไม่จบไม่สิ้น ไม่เหมือนกับฟุตบอลหรือมวย ซึ่งแม้จะต่อสู้กันอย่างไร แต่เมื่อหมดเวลา ต่างฝ่ายก็มาจับมือแล้วก็เลิกลากันไป... และแล้ว คำว่า การเมืองมีชีวิต ก็ผุดขึ้นในคลองความคิดอย่างฉับพลัน เมื่อนึกย้อนมาถึงชีวิตของตัวเอง แม้จะผ่านเรื่องราวต่างๆ มาตามอายุ แต่ก็ยังไม่จบสิ้น ยังมีเรื่องราวที่ต้องดำเนินการต่อไปไม่รู้จักสิ้นสุดเช่นเดียวกัน...

ชีวิต แปลว่า ความเป็นอยู่ นั่นคือ การที่เรายังมีลมหายใจเข้าออก ยังมีความรู้สึกนึกคิดทำโน้นทำนี้อยู่ได้นั่นแหละ เรียกว่า ยังมีชีวิต ... ผู้เขียนอายุเลยหลักสี่มากว่าครึ่งแล้ว และกำลังจะก้าวย่างหลักห้าอีกไม่กิ่ปี แต่ในความมีชีวิตของผู้เขียนนั้น นับว่าเป็นปกติที่ไม่ค่อยลงตัว แม้จะมีความรู้สึกว่าลงตัวอยู่บ้างก็น้อยและช่วงเวลานั้นก็ไม่นานนัก... จำได้ว่าเมื่อประมาณสิบปีก่อน ผู้เขียนรู้สึกฟุ้งซ่านรำคาญใจเป็นสุดๆ ไม่ว่าอะไรก็ไม่อาจทำให้สงบระงับได้ จนกระทั้งไปอ่านเจอข้อความสั้นๆ ว่า ชีวิตไม่ต้องกังวลอะไรนัก มันจะแสวงหาความลงตัวของมันเอง... นั้น ! ทำให้ผู้เขียนคลายความฟุ้งซ่านลงได้ และจนกระทั้งปัจจุบันนี้ ผู้เขียนก็ยังมีข้อความนี้ผุดขึ้นมาเสมอ เพื่อทำให้ความฟุ้งซ่านบางอย่างที่เกิดขึ้นสงบระงับไป...

(การเมือง แปลว่าอะไรอย่าไปรู้มันเลย...) หลังจากชงกาแฟเสร็จก็พากลับมายังหน้าจอคอมฯ ก็นำความเห็นว่า การเมืองมีชีวิต ไม่เหมือนฟุตบอลหรือมวยที่หมดเวลาก็เลิก... มาบอกปิยมิตรท่านเดิม ซึ่งท่านก็ตอบกลับมาว่า ไม่เลิก ต่างฝ่ายต่างตั้งเงื่อนไขที่รู้อยู่แล้วว่าฝ่ายหนึ่งรับไม่ได้... ผู้เขียนตอบกลับว่า งดความเห็น แม้ว่าจะได้ a ปรัชญาการเมืองก็ตาม เพราะเครียดทุกครั้งเมื่อพูดการเมืองขณะนี้ และคิดว่า คนส่วนหนึ่งในสังคมไทยก็น่าจะทำนองนี้... และแล้วการสนทนาก็พักไว้แค่นั้น

โซฟิสต์คนหนึ่งในยุคกรีกโบราณบอกว่า อำนาจคือความถูกต้อง... ส่วนโทมัส ฮอบส์ นักปรัชญาการเมืองยุคใหม่ชาวอังกฤษบอกว่า มนุษย์คือสัตว์ที่กระหายอำนาจ... เมื่อมองถึงสถานการณ์การเมืองไทยขณะนี้ จะยืนยันได้ว่า ความเห็นเหล่านี้ยังคงทันสมัยอยู่

บรรดาศัพท์ปรัชญานั้น Rationalization (คลิกที่นี้) ซึ่งแปลกันว่า การทำให้มีเหตุผล หรือ เหตุผลเข้าข้างตัวเอง เป็นคำหนึ่งที่มักจะผุดขึ้นสู่คลองความคิดเสมอ เมื่อต้องประเิมินและตัดสินการอ้างเหตุผลของใครบางคน... หลายเดือนก่อน ผู้เขียนก็ฟังนักเคลื่อนไหวทางการเมืองพูด โดยฟังทั้งสองฝ่ายที่ขัดแย้งกัน แล้วก็สรุปว่าทั้งสองฝ่ายพูดข้อเท็จจริงเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น นั่นก็คือทั้งสองฝ่ายเหมือนกันในแง่ว่าเป็นเพียง Rationalization เท่านั้น.... และฝ่ายอื่นๆ ที่ออกมาวิจารณ์ทั้งสองฝ่ายนี้ ผู้เขียนฟังๆ ไปก็มีความรู้สึกว่า หลายคนต้องการแสวงหาความดี เด่น ดัง หรืออามิสสินจ้าง จากสถานการณ์ที่เป็นอยู่เท่านั้น

บ่นมาได้ถึงตรงนี้ แนวคิดของ มรว.คึกฤทธิ์ จากหนังสือชื่อ ยิว ก็ผุดขึ้นสู่คลองความคิดอีกครั้ง โดยท่านได้ให้ความเห็นว่า การแก้ไขเปลี่ยนแปลงทางสังคมนั้น อาจจำแนกได้ ๓ ระดับ กล่าวคือ ระดับปัญญา การเมือง และบริหาร.... ในบรรดาสามระดับนี้ ระดับปัญญา เริ่มต้นจากพวกนักคิดนักวิชาการซึ่งมักเจริญตามสถานศึกษาและปรากฎอยู่ตามงานเขียนในระดับต่างๆ... เมื่อคนมีความเห็นทำนองเดียวกันเยอะๆ แต่ยังไม่อาจแก้ไขได้จึงมาสู่ระดับที่สองซึ่งเป็น ระดับการเมือง นั่นคือแนวทางที่ให้ได้มาซึ่งอำนาจ... และเมื่อได้อำนาจแล้วก็จัดการปรับปรุงแก้ไขไปตามความเหมาะสมใน ระดับบริหาร.... อย่างไรก็ตาม คำพูดของนักการเมืองไทยคนหนึ่งว่า เก็บอุดมการณ์ใส่ลิ้นชัก ก็เป็นอีกวรรคที่ผู้เขียนนำมาหักมุมเมื่อเล่าเรื่องนี้เกือบทุกครั้ง

สรุปว่า การเมืองคือชีวิต นั่นคือ เมื่อยังมีชีวิตอยู่ปัญหาก็ยังไม่หมดสิ้น ต้องดำเนินการต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าจะตายฉันใด... การเมืองก็ฉันนั้น เมื่อยังมีมนุษย์และสังคมอยู่ตราบใด การเมืองก็ไม่อาจลงตัว ต้องดำเนินการต่อไปเรื่อยๆ และจุดจบของการเมืองน่าจะมีเมื่อโลกนี้ปราศจากสังคมมนุษย์เท่านั้น

หมายเลขบันทึก: 225501เขียนเมื่อ 25 พฤศจิกายน 2008 22:11 น. ()แก้ไขเมื่อ 4 มิถุนายน 2012 15:37 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (19)

สวัสดีท่านมหาฯ

คอมฯสบายดีแล้วหรือ ?

การเมืองผมไม่เข้าใจ ว่าทำไม่ถึง เขาไม่เห็นแก่บ้านแก่เมืองสักที

มั่วแต่จะรบกัน ไม่หันมาช่วยกันพัฒนา

สวัสดี

P พระ มงคล มงคล ถีราวุฒิ

 

 

  • เปลี่ยน ซี.พี.ยู. เมนบอร์ด และแรม ก็ใช้ได้... แต่กัลยาณมิตรท่านหนึ่งให้ความเห็นว่า เหมือนกับเปลี่ยนเครื่องใหม่เลย (5 5 5 . . .)
  • สำหรับการเมืองค่อยติดตามผลต่อในวันพรุ่งนี้ (และวันอื่นๆ) สืบต่อไป

อามนฺตา ภนฺเต

"ความตายของประชาชน" สามารถใช้ยกระดับการชุมนุมให้สูงขึ้นได้ และยังมาซึ่งความได้เปรียบทางการเมืองการปกครอง ซึ่งคนคิดนั่นก็ต้องเป็นระดับผู้นำมวลชนของทุก ๆ ฝ่ายแนวคิด

"การเมืองมีชีวิต" ช่างมีผลกระทบต่อคนหาเช้ากินค่ำอย่างเรา ๆ เหลือเกินครับท่าน

กราบนมัสการพระคุณเจ้า ครับ :)

นมัสการพระคุณเจ้า

ตามมาอ่าน ครับ เรื่อง บ้าน เรื่อง วัด เรื่อง โรงเรียน ยังคงคุยกันได้ แต่เรื่องเมืองการเมืองได้แต่ออกความเห็นในใจครับพระคุณเจ้า

P Wasawat Deemarn

 

แม้การเมืองกระทบต่อทุกคน แต่การดำเนินชีวิตมิให้การเมืองครอบงำตัวเรา อาจเป็นศิลปะอย่างหนึ่ง...

...........

P. บังหีม--ผู้เฒ่าnatachoei--


เห็นด้วยกับบังหีม เหมือนกับใครบางคนบอกว่า ความเฉย อาจแก้ปัญหาบางอย่างได้ดีกว่าการดิ้นรนและแสดงออก... แต่อาตมามักจะ เฉย ไม่ค่อยนาน (5 5 5...)

.........

เจริญพร

เรียนพระคุณเจ้า ประเด็นพระคุณเจ้าวันนี้เหมือนกับนัดกับผมเลย นานๆที่พระออกมาเตือนสติญาติโยมดีมาก แต่เอ้...คนไทยยุคนี้ระหว่างพระกับนักการเมืองเขาฟังใครฮือบังหีม

นมัสการค่ะ
อยากจะเรียนท่านว่า มีหลายอย่าง คิดเหมือนบันทึกนี้ค่ะ

นมัสการค่ะ

ไม่กล้าออกความเห็นออกมาดัง ๆ ค่ะ

เล่าเรื่องพูดคุยกับลูกถึงหนังสือของคุณวินทร์ เลียววารินทร์"บุหงา-ปารี"ดีกว่าค่ะ

เคยให้ลูก(อายุสิบขวบค่ะ พระคุณเจ้า) อ่านย่อหน้าหนึ่งในบทคำนำ

"ความจริงแล้ว อาณาจักรใดในอดีตอาจเป็นรากเหง้าของประเทศใดในปัจจุบันก็จริง...แต่อาณาจักรนั้น ๆ ก็มิใช่ประเทศในปัจจุบัน เพราะมนุษย์แต่ละยุคสมัยก็มีชีวิตไปตามแต่ละยุคสมัย...เรามาจากอดีตแต่เราไม่ใช่อดีต....เพราะถ้าเช่นนั้น เรา(หลาย ๆ ประเทศ)น่าจะประกาศตัวเอง ว่ามาจากยุคหิน ด้วยกัน..."

 "ด้วยความเข้าใจดั่งนี้ โซเครติส จึงกล่าวไว้นานมาแล้วว่า ข้ามิใช่ชาวเอเธนส์ มิใช่ชาวกรีก ข้าเป็นพลเมืองของโลก"

ลูกอ่านแล้วพูดคุยกับแม่ด้วยความเข้าใจกันดี

เดี๋ยวมาตามอ่าน การเมืองคือชีวิต(และ..เลือด)..เห้อ  อีกเจ้าค่ะ

P Sasinand

 

อาตมาก็คาดหมายว่า คนน่าจะมีความคิดเห็นทำนองนี้เยอะพอสมควร เพราะเรื่องคนและสังคมนั้น น่าจะไม่มีใครโง่หรือฉลาดกว่ากันมากนัก เพียงแต่เราจะเลือกเป็นอยู่แบบใดเท่านั้น...

อาตมาก็ติดตามบันทึกของคุณโยมอยู่ เห็นตอนนี้คุณโยมมักนำเสนอเรื่องเศรษฐศาสตร์หรือธุรกิจ ซึ่งนอกบริบทของอาตมาจึงมักผ่านพ้น ไม่ค่อยอ่าน... ส่วนเรื่องอาหารการกินนั้น อ่านเสมอไม่เคยขาด แต่ก็มักยับยั้งเมื่อจะเสนอความเห็นบางอย่างออกไป...

เจริญพร



ใน วงเล็บ (.....) ที่คุณโยมเพิ่มเข้ามา ก็เป็นข้อเท็จจริงที่รับรู้กันอยู่ และอาจกล่าวข้อเท็จจริงเพิ่มเติมได้อีกว่า ผู้เสียสละเลือดในการต่อสู้ทางการเมืองนั้น มักมิใช่ผู้ได้ครองอำนาจ ไม่ว่ายุคสมัยใดก็ตาม.......

เจริญพร

นมัสการพระอาจารย์

ได้อ่าน "การเมืองแบบมชีวิต" ทำให้เข้าใจ "ชีวิตการเมือง" ในมุมมองที่เข้าใจได้ และไม่น่าจะก่อให้เกิดความรุนแรงเลยนะครับ

 

P กิตติพงศ์ พลเสน

 

เคยวิเคราะห์ปัญหาสังคมตามนัยสิคาลกสูตรว่าเริ่มต้นจาก กรรมกิเลส ๔ และ อคติ ๔ (คลิกที่นี้ และบันทึกอื่นๆ ซึ่งจะอยู่ในช่วง ๑๐ บันทึกแรก)

ลองพิจารณาปัญหาการเมืองของไทยขณะนี้ ก็จะพบว่ามีรากเหง้ามาจากนี้เหมือนกัน...

เจริญพร

นมัสการครับ

  • ดูๆแล้วการเลือกเพียงบางมุมมาเล่น  และสาดโคลนใส่กันนั้นเด่นชัดเหลือเกิน .. พูดไม่หมด  พูดซีกเดียว พูดแต่ส่วนที่ทำให้ตัวเองดูดี
  • คำว่า "ประชาชน" ถูกนำมาอ้าง  พอๆกับ "ประชาธิปไตย" แต่ความจริงใจต่อทั้งสองเรื่อง  หาได้ยาก
  • สงครามกิเลสโดยแท้จริงครับ

P Handy

 

การอ้าง ประชาชน ตามที่อาจารย์ว่ามา ก็ทำนองเดียวกับสำนวนที่พูดกันว่า

  • ทะเล ข้าพเจ้าเห็นแล้ว
  • ผ้าถูกไฟไหม้

อันที่จริง ทะเลที่ถูกเห็นนั้นเล็กน้อยมาก เมื่อเทียบกับในส่วนที่ยังไม่เห็น แต่ก็พูดได้ว่า ข้าพเจ้าเห็นทะเลแล้ว.... และผ้าผืนใหญ่ถูกไฟไหม้เพียงนิดเดียว ก็มักพูดกันว่า ผ้าผืนนี้ถูกไฟไหม้แล้ว

พวกที่อ้างเสียงประชาชน ก็คล้ายๆ กับพวกที่อ้างว่าเห็นทะเลและอ้างว่าผ้าถูกไฟไหม้... ประมาณนั้น

เจริญพร

กำลังอยู่ในช่วงพายุร้ายโหมกระหน่ำใส่ประเทศเรามากมายขนาดนี้...ใครไม่มีความรู้สึกก็...คงบรรลุโสดาบันแล้วล่ะครับ...555

 

เมื่อก่อนผมตั้งใจว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง...มาวันนี้เห็นว่าการเมืองก็คือชีวิตเรานี่เอง...อิอิ

 

การเมืองไทย อยู่ได้       ใครครอง

เราไป่มอง เป็นเรื่อง        เกี่ยวด้วย

ชีวิตร่วม มิพราก             แยกจาก การเมือง

เส้นทางควร เรียนรู้         ใช่ร้าย ทางเดียว 

 

กราบ 3 หน

Pนายขำ

 

  • เส้นทางควรเรียนรู้        ใช่ร้าย ทางเดียว
  • แม้ไม่เรียนรู้ตาย           สูญสิ้น
  • รู้หรือไม่รู้สาย              หรือไม่ ใคร่รู้
  • รู้ไม่รู้แค่ดิ้น                 คราวใกล้ ตายแล

เจริญพร

เรื่องราวเกิด ใช่ร้าย         ทางเดียว

ดูเรื่องเห็น   เป็นไป           เช่นนั้น

หาถูกผิด  ที่ไหน             ไป่เจอ

บทเรียนร้าย สอนให้         เราเห็น เรื่องดี

กราบ 3 หน

 

 

P นายขำ

 

  • บทเรียนร้าย    สอนให้เรา    เห็นเรื่องดี
  • สีเหลืองมี      มือตบ         เมื่อพบกัน
  • สีแดงแกล้ง     ตีนตบ        พบประชัน
  • เอ้า ! เอากัน   ตบตบ         ตบเข้าไป
เจริญพร
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท