Riviera เชื่อว่าหลายๆท่าน คงจะเคยได้ยินชื่อเสียงกันมาบ้างแล้ว หากใครยังจำได้ "ริเวียร่า" นี้ ก็อยู่ในบทเรียนวิชา ส.ป.ช. (รู้มั้ยครับแปลว่าอะไร... ส.ป.ช. คือวิชาสร้างเสริมประสบการณ์ชีวิต) ที่นั่นแหละครับ...ที่ผมรู้จักกับ "ริเวียร่า" เป็นครั้งแรก
"เฟรนซ์ ริเวียร่า" ที่ชาวฝรั่งเศสมักเรียกหรือรู้จักกันในนาม Côte d'Azur (โกต ดาซูร์) เป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่ชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน (méditerranée) อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของฝรั่งเศส ติดกับชายแดนอิตาลี เริ่มต้นตั้งแต่เมือง Cassis จนไปถึงเมือง Menton มีเมืองสำคัญๆที่น่าสนใจและพลาดไม่ได้ อยู่หลายเมือง เช่น Cannes, Grasse, Antibes, Nice, Monaco Monte-Carlo เป็นต้น
แผนที่แสดง "เฟรนซ์ ริเวียร่า" ลองดูเอานะครับ ขอบคุณภาพประกอบนี้จากเว็บ Wikipedia ด้วยครับ
ผมคิดว่าตัวเองโชคดีมากนะครับ ได้โอกาสจากรัฐบาลฝรั่งเศสให้มาศึกษาอยู่ที่นี่ แถมยังส่งมาให้อยู่ในที่ดีๆ ที่ล้อมรอบไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวที่หลายๆคนฝันหา เอาเป็นว่าถ้าผมยังอยู่เมืองไทยทำงานต่อไปเรื่อยๆ ก็คงอยากมาเที่ยวบ้าง แต่ไม่มีทางได้มา
แต่ในเมื่อมีโอกาสแล้วมาอยู่ถึงตรงนี้แล้ว เดินไปไม่กี่ก้าวก็ถึง (อันนี้เป็นการเปรียบเปรย) แล้วจะไม่ไปได้อย่างไรครับ ..ข้างบ้านผมเค้ายังไปเลย...
ต่อไปนี้ "นาย Pompier" จะค่อยๆ พาเพื่อนๆ เลาะชายฝั่ง "เฟรนซ์ ริเวียร่า" เที่ยวกันไปทีละเมืองสองเมือง ติดตามชมกันด้วยนะครับ
...ผมขอเริ่มต้นแบบใกล้บ้านที่สุด เหมาะกับการต้อนรับฤดูร้อนเช่นนี้ เดินทางไปไม่ไกลนักประมาณ 50 กิโลเมตร จะถึงเมือง Cassis (อ่านได้สองแบบ คือ กา-ซี หรือ กา-ซีส อันนี้ อ้างอิงจากพจนานุกรมฝรั่งเศส "Petit Robert" แต่พวกเราหลายๆคนชอบอ่านว่า กา-ซีส รวมทั้งผมด้วย) เมืองนี้ผมเคยไปมาแล้ว 2 ครั้งนะ สำหรับที่นี่ให้ไปอีกก็ยังอยากไป
ตอนที่ไปครั้งแรกนั้น ฝรั่งเศสเป็นช่วงที่เค้าส่งเสริมมรดกของชาติ เรียกว่า "Les Journées du patrimoine" ผมขอแปลว่า วันส่งเสริมมรดกชาติก็แล้วกัน เป็นช่วงสั้นๆ 3 วัน วันนี้มีดียังไงจะเอามาเล่าให้ฟังในตอนต่อๆไปก็แล้วกันนะครับ สำหรับวันนั้นทำให้ผมได้ตั๋วรถไฟไปไหนก็ได้ในราคา 5 ยูโร ใช้ได้ทั้งวัน ผมจึงเลือกที่จะไป Cassis นี่ล่ะครับ
ตอนนั้นเป็นช่วง ปลายฤดูร้อนกำลังจะเข้าฤดูใบไม้ร่วง อากาศจึงเริ่มเย็นแล้วจึงไม่ได้เล่นน้ำทะเล คงสงสัยว่า..แล้วไปทำไมกัน ไปดูกันครับ
วันนั้นผมและชาวคณะรวม 6 คน นั่งรถไฟแบบหวานเย็น (แน่ล่ะ 5 ยูโรเอง) จากสถานีรถไฟ Aix-en-Provence ถึงสถานีเมือง Cassis ใช้เวลาประมาณ 45 นาทีเห็นจะได้ เมื่อลงจากรถไฟพวกเราก็มองหารถ (ถ้าเป็นบ้านเราก็ต้องหารถสองแถวประมาณนั้น) หมายจะนั่งเข้าไปบริเวณชายหาด แต่ก็ไม่เห็นแวว จนมานึกได้ว่า "วันนี้ วันอาทิตย์" ผมรู้ดีว่าวันอาทิตย์ประเทศนี้ บริการสาธารณะต่างๆเป็นอันหยุดเกือบหมด ยิ่งเป็นเมืองเล็กๆแล้วไม่ต้องพูดถึง ถึงตอนนี้มีสองทางให้เลือก 1.รอรถไฟเพื่อนั่งกลับบ้าน และ 2.เดิน!
คำตอบคงทราบดีกันอยู่แล้วนะครับ ต้องเลือกข้อ 2 ไม่งั้นคงไม่มีเรื่องมาเล่าให้ฟังกันในวันนี้ ตอนออกเดินบอกตรงๆ ยังไม่รู้เลยว่าจากสถานีรถไฟไปชายหาด ระยะทางเท่าไรและต้องใช้เวลามากน้อยแค่ไหน แต่พวกเราก็ตัดสินใจออกเดินกัน...
โชคดีที่อากาศกำลังเย็นสบาย ทำให้การเดินดูยังพอมีความสุข สภาพแวดล้อมโดยทั่วไปค่อนข้างเงียบมองไปรอบๆเขียวไปด้วยต้นไม้ ข้างทางเต็มไปด้วยไร่องุ่น...
...เดินต่อมาประมาณ 20 นาที เราก็มาพบกับป้ายๆหนึ่ง ทำให้พวกเรามีความหวังขึ้น บนนั้นมีข้อความที่ว่า "Cassis... la mer... la pierre... la vigne..." เป็นสโลแกนของเมืองนี้
...อันนี้แปลแบบตรงๆตัวได้ว่า "กาซีส... ทะเล... หิน... ไร่องุ่น..." หมายถึงเมืองนี้เค้ามีดีที่ทะเล และ “หิน” หมายถึง หินปูนสีส้มของเมืองนี้เค้ามีชื่อเสียงด้านคุณภาพ ซึ่งแต่ก่อนเอาไปสร้างถนนที่เมืองมาร์เซย์ สุดท้ายคือ “ไร่องุ่น” ที่มีอยู่ตลอดสองข้างทางที่เดินมา สำหรับที่นี่มีชื่อเสียงด้านไวน์สีชมพู ( Rosé ผมอ่านว่า โค-เซ่)
เดินจากป้ายนั้นมาอีกเกือบ 20 นาที ผมและชาวคณะก็มาถึงตัวเมือง Cassis สภาพที่เห็นเป็นเมืองขนาดย่อมๆกำลังน่ารัก มีตึกค่อนข้างเก่าแต่มีสีสันสวยงามเรียงรายโค้งไปตามท่าจอดเรือ ซึ่งมีเรือขนาดเล็กลักษณะแตกต่างกัน จอดเข้าซองอยู่เป็นจำนวนมาก
บรรดาตึกต่างๆเหล่านั้น เกือบทั้งหมดจะเปิดเป็นร้านขายอาหาร และขายของให้กับนักท่องเที่ยว เพราะปีๆหนึ่งที่นี่ต้องต้อนรับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกจำนวนมาก (ผมไม่แน่ใจว่าเท่าไหร่นะ แต่มากจริงๆ)
มองไปมุมสูงหน่อยจะเห็นภูเขาที่เป็นหินๆ อย่างที่ว่า ด้านบนเป็นป้อมปราการเก่า "Château de Cassis" สร้างตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 13 ปัจจุบันถูกซื้อไปทำโรงแรม ราคาห้องสำหรับ 1 ท่านแบบถูกสุดตกอยู่ที่คืนละ ประมาณ 190 ยูโร ว่างๆก็มาพักนะครับ แต่อาจต้องจองล่วงหน้าด้วย
เดินต่อออกมาอีกประมาณ 50 ก้าว ก็ถึงชายหาด อย่างที่บอกว่าอากาศเริ่มหนาวแล้ว เพราะฉะนั้นวันนี้ขอบาย...แต่ก็เห็นมีบางส่วนใจถึงลงเล่นน้ำกันอยู่ (น้ำมันเย็นจริงๆครับ ตอนรอบสองที่ผมมาเป็นฤดูร้อนแล้ว มันยังเย็นเลยคิดดู...ไม่รู้ลงกันไปได้ยังไง)
ได้เวลาแล้ว!!.. กิจกรรมสำคัญสำหรับวันนี้ คือการล่องเรือชม "Les Calanques" (เล-กาล็องก์) ซึ่งหมายถึง "หน้าผาหินที่ยื่นเข้าไปในทะเล" โดยเริ่มต้นที่ ท่าเรือ St. Pierre เค้ามีเรือให้บริการทุกวันตั้งแต่ 9.30-17.30 น. ทั้งนี้ขึ้นกับสภาพอากาศด้วย โดยมีสามแพ็กเกจให้เลือก เล็ก-กลาง-ใหญ่ หรือ 3-5-8 ...งงล่ะสิครับ
3-5-8 ที่ว่าคือจำนวน Calanques ที่เรือจะพาเราไปสัมผัสอย่างใกล้ชิดครับ ไหนๆก็มาแล้วจึงเลือกแพ็กเกจใหญ่สุดให้สมฐานะ(รวย) เบ็ดเสร็จ 17 ยูโร จ่ายไปเรียบร้อย ฐานะก็เปลี่ยนไป(จน) สำหรับรูปเรือติดไว้ก่อน ปีนี้ถ้าได้ไปจะนำมาเพิ่มเติมให้ครับ
...จ่ายไปตั้ง 17 ยูโรแล้ว ต้องพาเพื่อนไปหลายๆคนหน่อย ตามไปดูด้วยกันกับผมนะครับ...
...ออกเรือ!!
เมื่อเรือมุ่งหน้าออกสู่ทะเล ตัวเมือง Cassis ก็เริ่มห่างออกไปเรื่อยๆ ด้วยความเร็วของเรือทำให้ผมได้รับลมเย็นๆพอชื่นใจ ...ออกไปหน่อยก็เจอกับ Le phare de Cassis อ่านว่า เลอ-ฟา(เคอะ)-เดอ-กาซีส คือประภาคารที่มีไฟคอยให้สัญญาณกับบรรดาเรือที่สัญจรไปมาแถวนั้น
เรือล่องไปเข้าสู่ Calanques ต่างๆ 1-2-3..ตามลำดับ
ในแต่ละ Calanque มีเรือเล็กๆน่ารักๆ จอดพักเรียงรายสวยงาม
4-5-6.. เรือเริ่มเร่งความเร็วเพื่อทำเวลา..ลมเย็นๆพอชื่นใจนั้น เริ่มจะทำให้หนาวครับ
แต่ความหนาว ไม่ทำให้ความงามของ Calanques ลดลงไปเลยซักนิด ความรู้สึกส่วนตัวของผมที่นี่... "สวรรค์จริงๆ"
หากเป็นเจ้าของเรือลำเล็ก มาพักผ่อนตกปลาที่นี่ แบบนี้บ้างคงจะดีไม่น้อย (ฝันไปนู่น)
...มองไปที่ชายหาดใน Calanques เห็นผู้คนอยู่จำนวนหนึ่ง ทราบมั้ยครับว่าในจำนวนนั้นส่วนหนึ่งมาที่นี่ด้วยการปีนภูเขา อันเป็นกิจกรรมโปรดอย่างหนึ่งของชาวฝรั่งเศส เรียกว่า escalade (ผมอ่านว่า เอส-กา-หลาด) ก็ไต่เขานั่นแหละ ถ้าจะเหนื่อยนะครับ ผมเลยไม่ยอมลอง
ถัดมาพายเรือ "Kayak de mer" อันนี้น่าลุ้นขึ้นมาหน่อย ซักสองสาม Calanques คงพอไหว มีโอกาสก็น่าลองเหมือนกันนะครับ
ด้านล่างนี้ สังเกตดีๆมีชายหนุ่มนั่งตากอากาศอยู่คนเดียว สันโดษดีนะครับ ตอนนี้ก็เริ่มเย็นแล้ว สงสัยจังว่าเค้าจะกลับบ้านยังไง??
...หรือว่าจะมีบ้านอยู่แถวนี้..
7-8...ครบแล้ว...ถ้าพาย Kayak มา คงตายไปตั้งแต่ Calanque ที่ 4 ...ภาพที่เห็น ทะเล หน้าผาหิน เรือน่ารัก ลมเย็นๆ(ที่ตอนหลังเริ่มจะหนาว) กิจกรรมของผู้คน ทำผมประทับใจ และช่วยตอบคำถามว่าทำไมนักท่องเที่ยวถึงชอบมากันนักนะที่นี่??
จากนั้นเรือก็เร่งความเร็วอีกครั้ง พาผมและคณะกลับมาส่งขึ้นฝั่งที่ท่าเรือ St. Pierre ..ใจดีจัง ขอบคุณมากครับ..กัปตัน
...ระยะเวลาในการชม 8 Calanques นี้ รวมแล้วทั้งหมดหนึ่งชั่วโมงครึ่ง...กำลังดี
ทะเล Cassis ยามเย็นก็สวยงามไม่น้อย (ภาพนี้เป็นคราวที่ไปเที่ยวกันรอบสองตอนฤดูร้อน ไม่งั้นเย็นป่านนี้คงไม่มีใครลงเล่นน้ำเป็นแน่ หนาวตาย!) บรรยากาศทำเอาเคลิบเคลิ้ม...จนมานึกได้ว่าต้องเดินกลับนี่หว่า!
Frédéric Mistral นักเขียนซึ่งเป็นชาว Provence ผู้ได้รับรางวัลโนเบลทางด้านวรรณกรรม เมื่อปี 1904 (Prix Nobel de littérature en 1904) ได้กล่าวไว้ว่า "Qui a vu paris, s'il n'a vu Cassis, n'a rien vu" หมายความว่า "ใครได้เห็นปารีส ถ้าไม่ได้เห็น Cassis ถือว่าไม่ได้เห็นอะไรเลย"
แวะมาเที่ยวค่ะ
บรรยากาศสวยมากค่ะ
ขุนเขา ทะเล ท้องฟ้า
ขอบคุณค่ะ
มีความสุขในทุกๆวัน นะคะ
อิ่มเอมใจ..จากเสียงเพลงและบรรยายชวนฝัน..ขอบคุณสำหรับภาพสวยๆและเพลงเพราะๆ
แวะมาเที่ยว ริเวียร่า.ค่ะ..ชื่อคุ้นๆอย่างที่บอก..แต่ไม่เคยเห็นเลย..อีกนั่นแหละค่ะ..
เรียนจบแล้วกลับบ้านเรานะ..
สวัสดีค่ะ
มาท่องเที่ยวไปกับ Pompier คุ้มค่าจริงๆ
ขอให้มีความสุขค่ะ
สวยมากเลยค่ะ
อยากไปบ้างจัง
oh wow !!!
ไปทำงานดีกว่า อิจฉา !!!
นำเสนอได้เยี่ยมค่ะ ทำให้อยากไปเห็นจริง ๆ
เพลงนี้เข้ากับเรื่องจริงๆ ค่ะ La Mer เคยได้ยินมาว่าที่ริเวียร่าเมนูที่ขึ้นชื่อที่สุดคือนกยูงอบ แต่ไม่กล้ากินหรอกค่ะ สงสารมัน สัตว์สวยงาม ยอมกินแค่ไก่ก็พอแล้วล่ะ ^ ^ เพื่อนที่บอกว่าทำไร่องุ่นที่นั่นเขามีเรือยอร์ชสองลำด้วยค่ะ ถ้าได้ไปเมื่อไหร่ต้องขอให้พาออกไปแล่นกินลมชมวิวบ้างแน่นอน ฝันไว้ก่อนล่วงหน้า
สวยมากครับ
รอชุดต่อไป
ขอบคุณมากครับ
ขอตะเบ๊ะให้หนึ่งที ครับ ถ่ายภาพสวยมากๆ
สวัสดีครับคุณ naree suwan
Bonjour Monsieur คนผลัดถิ่น..
สวัสดีครับคุณซูซาน...
Bonjour คุณ Lin Hui
มาเที่ยวด้วยคะ
สวยมากคะ ไม่รู้ว่าชาตินี้จะมีโอกาสเห็นของจริงหรือไม่
ดูจากภาพที่นำมาให้ชม ดีใจและมีความสุขแล้วคะ
สวัสดีครับ
สวัสดีค่ะ
ตามมาเที่ยวด้วยค่ะ
ได้สัมผัสบรรยากาศ เข้าสู่ธรรมชาต เย็นสบาย และให้ความสดชื่น
น่าติดตามไปเที่ยว
ขอบคุณมาก
สวัสดีครับคุณ MSU-KM :panatung~natadee
สวัสดีครับคุณ จินตมาศ
คุณ Pompier
เป็นนักเขียนคอลัมน์ในนิตยสารไหนรึป่าวคะ...
อยากรู้ อยากรู้
สวัสดีครับคุณ tuk-a-toon
สวัสดีครับคุณมนัญญา
สวัสดีค่ะตามรอยมาจากบล็อกอาจารย์แฮนดี้ค่ะ
คิดว่าตัวเองคงต้องแก่กว่าคุณแน่ๆ ขอเรียกตัวเองว่าพี่ก็แล้วกันนะคะ
พี่ก็เคยเป็นนักเรียนฝรั่งเศสเช่นกัน แต่ใช้ทุนส่วนตัวเรียนป.เอกค่ะ ที่ Universite de Poitiers แต่ภาษาฝรั่งเศสพี่ไม่ได้เรื่อง เพราะเรียนใน International program ใช้ภาษาอังกฤษค่ะ ยังเสียดายเหมือนกัน แต่หากให้ใช้ภาษาฝรั่งเศสละก็ป่านนี้คงยังไม่จบค่ะ
Provence เป็นสถานที่ในฝันของพี่เช่นกัน พอใกล้จบเลยได้เที่ยวพอสมควรแต่ไม่ได้ไป Cassis ค่ะ ได้ไปตามเมืองเล็ก เมืองน้อย ลักษณะคล้ายCassis อยู่เหมือนกัน ชอบทุ่งลาเวนเดอร์ ประทับใจกับการไปทานไอสครีมบนเขาเตี้ยๆ เมืองMiramas ในวันที่จันทร์เต็มดวง
พี่ยังไปไม่ถึง Cassis แปลว่าก็ต้องหาโอกาสไปProvence กันอีกครั้งซีค่ะนี่
ขอให้สนุกกับการเรียนและการใช้ชีวิตในฝรั่งเศสนะคะ
สวัสดีครับ พี่คุณนายดอกเตอร์
สวัสดีค่ะ คุณ Pompier
สวัสดีครับ คุณแม่นีโอ
อีกไม่นานผมก้อจะไปเหมือนกันครับเย้ๆดีใจจัง..