46. ไปเยี่ยมเพื่อน ผ่าตัดสมอง


หากได้ปล่อยน้ำเก่าออก เอาน้ำใหม่ใส่ ........มันก็ไม่เน่า

เมื่อวานนี้ ฉันไปเป็นกรรมการตัดสิน การเล่านิทาน (Story Telling ) ของกลุ่มมา ฉันรับรู้ปัญหา การทำงาน ที่แก้ได้ แต่ปัญหาเรื่องการพัฒนา การวางตัวบุคลากรให้เหมาะกับการเป็นคณะกรรมการ ยังเป็นปัญหาอยู่ การทำงานแบบลูบหน้าปะจมูกยังปรากฏให้เห็นในวงการครู รวมการเป็นเที่ยงตรงกับการตัดสินความสามารถของนักเรียน โดย ปราศจากความลำเอียง

ท่านผอ.เขตพื้นที่การศึกษาคนใหม่ ท่านมาเปิดงาน ให้ข้อคิด และแนวทางการขับเคลื่อนการพัฒนาการศึกษาและฝากนโยบายให้ทราบพอหอมปาก หอมคอ ทั้งครูและผู้บริหารต่างพอใจกับการพูดของผู้นำ

ถึงเวลาพักรับประทานอาหารกลางวัน ฉันได้มีโอกาส แลกเปลี่ยน ความคิด กับเพื่อนๆมากมายพอสรุปได้ดังนี้

1. การจัดกิจกรรมแข่งขันทางวิชาการน่า จะจัดก่อนงานการศึกษาก้าวไกลของเขต

2.หากจัดก่อน เด็กจะได้รับการพัฒนาตามความสามารถ มากกว่านี้

3.การจัดวางตัวกรรมการ ข้อตกลงคือ โรงเรียนไหนส่งกิจกรรมไหน ครูในโรงเรียนไม่มีสิทธ์ทำหน้าที่เป็นกรรมการ ต้องทำใหคนอื่นดู ให้คนอื่นช่วยประเมิน จะได้ข้อเท็จจริงมากกว่าตัวเองประเมิน มีกระจกที่ดีส่อง

4.ควรประชุมเรื่องปลีกย่อยและรายละเอียดของการการประเมิน  ให้ชัดเจน และครูทุกคนต้องแม่นยำในเรื่องเกณฑ์

5.ทำอย่างไรโรงเรียนเล็กๆ ที่มีกำลังครู กำลังทรัพย์ จึงจะได้มีโอกาสเข้าwinบ้าง

6. พัฒนาเด็กแล้วจะต่อยอดอย่างไร หรือกลับไปสู่สภาวปกติ ปีหน้าเอาใหม่

หลังจากพูดคุยกัน ฉันก็แวะเวียนถามไถ่ถึงพี่ ๆ น้อง ๆที่ไม่เห็นหน้า จึงทราบว่าเพื่อนรุ่นพี่ คนหนึ่งกำลังป่วยอยู่ในโรงพยาบาล คุณหมอจับผ่าตัดสมอง ผ่านมาเป็นวันที่สาม แล้ว พ้นขึดอันตราย นอนพักในห้องรวมชาย เพราะต้องมีพยาบาลเวร ดูแลอย่างทันท่วงที

          พี่ชาติชาย ปันเหน่งเพชร อดีตท่าน เป็นศึกษานิเทศ เคยทำงานร่วมกันมามากครั้ง ทั้งงานพัฒนาคุณภาพชาวบ้าน งานพัฒนากิจกรรม ต่างๆ และงานอบรมครู เราสนิทกัน เจอหน้ากัน ยังไม่ต้องคุย ก็ขำกันแล้ว เพราะต่างมีวีรกรรมร่วมกันมา

          แต่วันนี้เพียงได้ยินข่าวฉันก็ขำไม่ออกได้แต่รีบแผ่เมตตาในใจ และบอกเพื่อนๆว่าเสร็จภารกิจแล้วฉันจะไปเยี่ยม ข้อมูลเดิมฉันมีอยู่แล้ว คือพี่เขาเป็นนักคิด หัวใสปิ๊งเลย เป็นนักดนตรีวงสุนทราภรณ์ เล่นออกอากาศบ่อย แต่ระยะหลังไม่เจอ วางแผนเก่ง สรุปงานเก่ง หลายอย่างที่ฉันศึกษาเรียนรู้เวลาทำงานด้วยกัน ที่สำคัญ เป็นกระจกให้ฉันได้ทุกงานไป ฉันหาข้อมูลก่อนไปเยี่ยม ถึงอาการทั้งก่อนส่งโรงพยาบาล ก่อนผ่าตัด และหลังผ่าตัด ได้คร่าวๆดังนี่

1.ผู้ป่วยเคยเข้าโรงพยาบาล ด้วยอาการชาไปครึ่งตัวด้านซ้าย

2.หลังอาการดีขึ้นคุณหมอให้พักผ่อน และออกกำลังกาย แต่ไม่มีเวลา เพราะต้องเร่งพัฒนางานให้ผ่านเกณฑ์

3.นอนน้อย ทำงานไม่มีวันหยุด เครียด ในสมองมีแต่งาน

4.เรียนภาษาจีนตั้งแต่ 1ทุ่ม จนถึง 3 ทุ่ม ลืมดูสังขารตัวเอง

5.ก่อนส่งโรงงพยาบาล อยู่ระหว่างรับประทานอาหาร มีอาการมึน เหมือนไม่มีแรง มือขวากำยกขึ้นกดไว้ที่หน้าผาก ซึ่งเป็นอาการเวลาผู้ป่วยคิดอะไรไม่ออก มือซ้ายทุบโต๊ะนั่งทานข้าว อันนี้ไม่รู้เหมือนกัน แต่เพื่อนร่วมงานบอกว่าทุบแรงๆ เหมือนจะทดสอบกำลังหรือความสามารถในการเคลื่อนไหวมากกว่า

6.ผู้ร่วมงานตามหมอนวด พยาบาล มาวัดความดัน ความดัน 156 กับ90 เลยตัดสินใจเรียกรถพยาบาล

7.ถึงโรงพยาบาลอาเจียน คุณหมอสั่งเอ็กซเรย์ ผู้ป่วยบอกหมอผ่าเลยปวดมากและไม่รู้สึกตัว

8.หมอวินิจฉัยโรคแล้วพบว่ามีเลือดคั่งในสมองด้านขวา ก้อนโต สั่งเข้ารับการผ่าตัดด่วน

9.หลังผ่าตัดเสร็จเรียบร้อย ผู้ป่วยพักในห้อง ICUลืมถามว่านานแค่ไหน

10.เมื่อย้ายออกจาก ห้องฉันเห็นคุณ แล้วระหว่างเข๊นผู้ป่วยออกมา ผู้ป่วยขัดขืน ดึงสายอะไรต่อมิอะไรออกหมด เลือดไหล เอ..คุณพยาบาลนึกไม่ถึง ต้องทำการมัด ไม่ให้ดิ้น

11.ผู้ป่วยอาละวาดจนคนเยี่ยมเครียด พูดแต่เรื่องงาน เริ่มต่อต้านการรักษา และถามว่าผมมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร

 

    ฉันปวดหมองจังเลย ทำอย่างไรคนเฝ้า และผู้ป่วยจะไม่เครียด ทำอย่างไร จะยอมรับสภาพ และยอมให้คุณหมอรักษา ตามใจคุณหมอจะเป็นไรไป คุณหมอจะทำอย่างไรก็แล้วแต่ ร่างนี้ มอบให้คุณหมอบูรณะให้ที ฉันคิดมาตลอดทาง 

เมื่อไปถึงโรงพยาบาล ไปเจอผอ.คนเก่ากับภรรยา เดินไม่แข็งแรงเลย ก็ยกมือไหว้ทักทาย พูดคุยเล็กน้อยตามมารยาท และอดเป็นห่วงไม่ได้ ว่าให้ออกกำลังกาย อย่าขี้เกียจ  เฮอะๆ วันนี้ฉันสั่งกำชับเขาไม่ให้เขาประมาท ตลกหว่า..

เจอน้องพยาบาลชุดเหลือง ไม่รู้จักกันแต่ เขาได้ยินฉันคุย จึงอาสาพาไป ฉันขอบคุณและบอกว่าที่นี่ ฉันคุ้นเคย ไม่ต้องห่วง ฉันไม่ลืมแวะไปซื้อผลไม้เช่นมะละกอ จากวัดสวนแก้วที่มาขายในโรงพยาบาล ไปฝากคนเฝ้าไข้ เพราะคนเฝ้าไข้นี้สำคัญนะ ต้องสุขภาพจิตดี เข้มแข็ง ขับถ่ายสะดวก แต่ผิดหวังเมื่อไปถึง พี่ผู้หญิงต้องกลับไปนอนพักที่บ่าน เพราะเครียด ความดันขึ้น คงมีแต่ลูกชาย คนโตเฝ้าพ่ออยู่

ฉันเห็นผู้ป่วยในสภาพที่พูดเสียงแหบๆ ฉันเดินเข้าไปส่งยิ้มให้ และถามพยาบาลว่าฉันคุยได้ไหม พยาบาลพยักหน้า และมายื่นรอบๆ เตียง 3 -4 คน ต่อไปเป็นบทสนทนาระหว่างฉันกับผู้ป่วย

 ฉันเรียกผู้ป่วยให้รู้ตัวเขาจ้องมองมา

ฉันถามว่า  พี่..จำฉันได้ไหม

ผู้ป่วยมองนิ่ง ฉันใจไม่ดี แต่ยังยิ้ม

ฉันอดพูดไม่ได้ว่า ...จำไม่ได้ละซิ

 ผู้ป่วยนิ่งพูดว่า ..จำไม่ได้ ว่าชื่อต้อย ฮา...แล้ว

ผู้ป่วยก็หัวเราะ ฉันเกรงใจ เพราะลูกของผู้ป่วยมองคุณพ่ออย่าง งงๆ หลังจากผู้ป่วยเครียดและอาละวาด พยาบาลเดินเข้ามา นี่เป็นวันที่ 3 ที่ได้ยินผู้ป่วยพูดและยิ้ม ฉันหันไปถามน้องพยาบาลว่าอนุญาตให้ผู้ป่วยหัวเราะได้ไหม เขาพยักหน้า

ผู้ป่วยบ่นอยากถ่าย ฉันก็พูดว่า เห็นหน้าฉันเป็นนึกถึงส้อมเลย นะ  เอ้า ถ่ายก็ถ่ายมา ฉันหันไปมองพยาบาลทีมองผู้ป่วยที

ผู้ป่วยยิ้มบอก เอาออกไปแล้ว... แล้วก็ขำ นี่เป็นลักษณะที่ดูแล้วลูกๆจะไม่คุ้นว่า คุณพ่อของเขาเป็นคนตลก

ฉันหันไปเห็นถาดอาหารมีข้าวต้ม ผัดผักกระกลำกับกุ้งสด เอ..อีกอย่างฉันจำไม่ได้ แล้วก็มีน้ำเปล่า 1 แก้ว

ฉันสังเกตผู้ป่วยว่า ปากแห้ง จึงบอกให้หลานชาย(ลูกชายผู้ป่วย) ป้อนน้ำให้พ่อ และถามว่าหิวไหม ผู้ป่วยบอกว่า หิวซิเมื่อวานหิวมาก แต่หมอไม่ให้กินมื้อนี้เป็นมื้อแรก

ฉันพูดว่ามื้อแรกมันจะอร่อยมาก ก็ฉันเคยผ่าตัดมาแล้วเหมือนกัน เครื่องดื่มร้อนๆ เช่นโอวัลตินนี่ชื่นใจนัก

ฉันเตือนผู้ป่วยว่าต้องค่อยๆเคี้ยว เคี้ยวให้นานที่สุด จะได้ไม่สำลัก

ผู้ป่วยถามว่านานเคี๊ยวอย่างไร

ฉันบอกว่าพี่นับเลขเป็นไหม หละ เขาหัวเราะ ร้องอือ

ผู้ป่วยถามว่าจะนับเท่าไร

ฉันบอกว่าพี่ ชอบเลขอะไรเล่า

ผู้ป่วยบอกว่า ชอบเลข 9 หว่ะ

ฉันบอกว่างั้นเคี๊ยวคำละ เก้า ครั้ง แล้วกัน ดี..กระเพาะลำไส้จะได้ค่อยๆ ทำงาน ฉันสอนเขาแล้วนึกถึงตัวเอง ฉันเองก็ขี้เกียจเคี๊ยวข้าวเช่นกัน จึงเป็นโรคท้องอืด แน่นท้อง ที่นอกจากจะเกี่ยวกับกระเพาะอาหารแล้ว มีอย่างอื่นแอบอยู่หรือเปล่าก็ไม่รู้

-ผู้ป่วยถามฉันว่ามีเวลามาช่วยวางระบบภาษาอังกฤษให้กับโรงเรียน.........ไหม

แล้วผู้ป่วยก็พูดมากขึ้น ทีนี่ เป็นเรื่องเครียดแล้ว ฉันไม่อยากให้เขาเครียด เลยเปลี่ยนเรื่อง แต่ผู้ป่วยก็ไม่วายที่จะหยุดพูด  เขาเห็นฉันเป็นมือวางรึไง

ฉันบอกว่าโธ่ พี่   ช่วยนะช่วยได้  ..ไม่มีปัญหาก็ไม่เคยปฏิเสธ...อยู๋แล้ว แต่จะเอาเวลาที่ไหนหละ

ผู้ป่วยบอกว่า เอาหลังเลิกเรียนก็ได้ สักวันละ 2 ชั่วโมง  ได้ไหม

ฉันมองดูสถานการณ์แล้วว่าถ้าไม่รับปากผู้ป่วยต้องเครียดแน่ๆ ดูลูกเขาเริ่มกังวล และพยาบาลเริ่มมาลูบไล้ผู้ป่วย มาจับสายน้ำเกลือ มาดูสายยางที่ต่อจากสมองด้านขวา ฉันกระซิบถามพยาบาลว่า สายอะไร น้ำเกลือสีแดงเหรอ

พยาบาลยิ้ม ฉันก็อยากใหน้องพยาบาลยิ้ม นั่นแหละ  เขาบอกว่ามันเป็นของเสีย ฉันนึกในใจ คำตอบไม่กระจ่าง ไว้คุยกับคุณหมอก็ได้ ไอ้คั้นจะไปซักไซร้เพราะความอยากรู้ รู้แล้วก็ช่วยอะไรไม่ได้ ก็เลยพูดในใจว่า ของเสียขึ้นสมอง อิอิ   ใครรู้ช่วยบอกทีนะคะ

ฉันตกลงรับปากว่าโอเค  ฉันจะไปทำให้ในวันเสาร์ เอ....ฉันเผลอไปได้ยังไงนี่ แต่ที่นั่นพร้อมทุกอย่าง ไม่ว่ากำลังคน กำลังทรัพยากร ส่วนความคิดของบุคคลากร ไม่รู้ว่าจะเปิดใจได้หรือเปล่า ฉันเองก็อยากทดลองทฤษฎี เหมือนกัน เอามาบวกกับประสบการณ์ที่ฉันมีมา  แต่ฉันจะพยายามหาความรู้เรื่องระบบการจัดการใหม่อีกครั้ง

เมื่อฉันรับปาก ผู้ป่วยพูดว่า เออ เบาใจแล้ว

ฉันจึงชวนผู้ป่วยคุยว่า พี่เคยศึกษาใจไหม เอ ฉันจะเริ่มยังไงดี ศิลปะการนำเสนอของฉันก็ไม่ได้เรื่องซะด้วย

เอาเป็นว่าฉันพูดตรงๆดีกว่า

เออ พี่เคยออกกำลังกายบ้างไหม  ..ไม่เคย

พี่ยังเล่นดนตรีอยู่หรือเปล่า  (พี่เขาเล่นดนตรีสากลประเภทเป่าเก่ง)  ..ไม่มีเวลา งานยุ่ง

ฉันบอกว่า พี่เล่นดนตรี แล้วดูมีความสุข ทำไมพี่ปล่อยให้ความสุขมันหายไป

ผู้ป่วยนิ่ง ฉันล้อเล่นต่อ แต่พี่ไม่ต้องร้องนะ ผู้ป่วยหัวเราะขำ  พยาบาลเดินมาใกล้อีกแล้ว ฉันต้องถามพยาบาลว่า หัวเราะได้แน่นะ เธอพยักหน้ายิ้ม ๆ

ฉันก็คุยต่อ ถ้าพี่อยากร้องไม่ต้องร้อง เดี๋ยวโลกดนตรีมันจะจารึกไปว่า บัดนี้สถาบันดนตรีล่มสลาย 55

ฉันชวนคุยต่อ ไม่เข้าประเด็นซักที   เออ.. ร่างกายคนเรานี่เหมือนเครื่องยนต์นะ...พี่ ว่าไง ผู้ป่วย บอกเออ แล้วชวนคุยเรื่องวิชาการอีก   สงสัยผู้ป่วยกลัวฉันจะทำผิดเป้าหมายละมัง

-ฉันไม่ละความพยายาม พี่ยังขับรถอยู่ปล่าว

-ผู้ป่วยบอกไม่ค่อยได้ขับ

-มันเป็นไงละพี่

-มันไม่ค่อยดี ไม่ค่อยได้เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง ไม่มีเวลา โหพี่...งานยุ่งขนาดนั้นเลยหรือ   อือ..เสียงผู้ป่วยคราง

ฉันถามปวดแผลหรือ ผู้ป่วยบอกตื้อๆ  และพูดว่า ซักเป็นหมอ พยาบาลไปได้

ฉันตอบ อ้าวไม่ซักแล้วจะสะอาดหรือพี่  ผู้ป่วยขำ ทำท่าจะพูดเรื่องงานอีก ฉันชิงพูดทันที  รถนี่ ถ้าเราเอาไว้ไม่ได้ใช้มันโทรมนะ 

-ผูป่วยนิ่งคิด

-ฉันได้ที เบื่อ..ก็ซื้อใหม่ซิ  มันไม่ต่างกับร่างกายคนเรานะพี่ พี่เติมน้ำมันรถ ให้มันวิ่งได้ เหมือนเรากินอาหารให้ร่างกายมีพลังงาน พี่ไม่ค่อยได้ดูแล ไม่ซ่อม ไม่เปลี่ยนน้ำมันเครื่องตามระยะ ก็เหมือนพี่ขาดการเอาใส่ร่างกาย ร่างกายขาดวิตามิน ขาดการพักผ่อน

-ผู้ป่วยรำพึง รถซื้อใหม่ได้  แต่พี่เป็นแบบนี้จะซื้อได้ที่ไหน

-ฉันบอกว่า โอ..พี่นี่ปรัชญาพื้นฐานให้คิดเลย แต่ถ้าไม่อยากคิดเอง มีคนเขาคิดให้เราเอาไปปฏิบัติง่ายดีด้วย ทำอย่างเดียว

-ผู้ป่วยงง ทำไง

ฉันบอกว่าธรรมชาติไงพี่    ธรรมะ ธรรมชาติเรื่องเดียวกัน ไม่ยากหรอก สบายใจด้วย ไม่เครียดเลย มีมากมายในเน็ต  เช้าฟัง เย็นฟังๆ วิทยุก็ได้นะพี่ มือถือก็ได้ หากได้ปล่อยน้ำเก่าออก เอาน้ำใหม่ใส่ ..มันก็ไม่เน่าถ้าฉันจะเปรียบความคิด ความรู้ เหมือนน้ำ เราเอาเข้ามาไว้ในบ่อ จนเต็ม แล้วเราก็ไม่ทำอะไรเลย พอน้ำใหม่จะมาก็เข้าไม่ได้ ไอ้ครั้นจะเอาออกก็เสียดาย ไม่นานมันเลยเน่า หากได้ปล่อยน้ำเก่าออก เอาน้ำใหม่ใส่ มันก็จะมีช่วงที่น้ำเก่า น้ำใหม่มันผสมกัน ถ่ายบ่อยๆ มันก็สะอาด ใส ส่วนน้ำเก่าใช่ว่าจะไม่มีประโยชน์ เรายังใช้ทำอย่างอื่นได้อีกมากมาย น้ำใหม่มาพาวิตามิน เกลือแร่มาเพียบ พี่ว่าดีไหม

-ผู้ป่วยพยักหน้า และบอกว่าอยากทำบูญ

-ฉันบอกว่าดีซิพี่ ทำที่โรงพยาบาลนี่แหละดี เพื่อนๆในที่นี้ได้กุศลด้วย พี่จะทำแบบไหน สังฆทานดีไหม เออ แจ้งความประสงค์ให้ครอบครัวรู้ ดีเหมือนกันนะ จะได้เปิดศักราชศึกษาธรรมะ ที่จริงแล้วธรรมอยู่ในกายเรานี่แหละพี่  ร่างกายนะ  พี่ใช้เขามาก เขาเหนื่อย เขา เตือน แล้ว พี่ไม่สนใจเขา วันนี้ เขาก็ออกฤทธิ์ เป็นธรรมดาน๊ะ  แต่อย่าไปโกรธเขาหละ  ขอโทษเขานะพี่ ไม่เสียสตางค์ แผ่เมตตาบ้างก็ดี เขากับเราอาศัยอยู่ในร่างเดียวกัน แบ่งปันกัน ดูแลให้ร่างกายแข็งแรงไปนาน ๆ จะได้ทำกุศลร่วมกันนานๆ อิอิ

อีกอย่างอยากจะบอกพี่อีกครั้งว่า คุณหมอ หรือน้องพยาบาล เขาจะทำอะไร อย่าไปขัดขืนใจ ปล่อยให้เขาทำไป หากพี่ขืนใจตัวเองต่อต้าน คุณหมอจะทำงานหนัก ร่างกายพี่มันยัง เชื่อพี่อยู่ พี่สั่งแอนตี๊การรักษามันก็มีปฏิกริยาตอบ อยากให้พี่สั่งใจให้มีสมาธิดูหนะ   ลองดูนะ

ขณะที่ฉันเขียนบันทึกนี้ ฉันจะแว่วเสียงสวดมนต์ ฉันรู้สึกดี ขอให้ทุกคนในโลกใบนี้อยู่เย็นเป็นสุขถ้วนหน้ากันเน้อ   ก่อนกลับบ้านฉันจำได้ว่า

-ผู้ป่วยร้องขอทานมะละกอ ฉันมองมะละกอที่ฉันซื้อมาฝาก แต่มันไม่มีอุปกรณ์ที่จะจัดการได้ ฉันจึงตัดสินใจลงไปชั้นล่างที่ขายอาหารในโรงพยาบาล แล้วซื้อมะละกอมา 1 ถาด วิ่งขึ้นไปให้หลายชายป้อนให้พ่อเขา แล้วขอตัวกลับ อดไม่ได้ที่จะพูดขำๆว่า พี่เอาเครื่องดนตรีไม๊ เป่าให้มันลั่นโรงพยาบาลเลย เดี๋ยวจะบอกพี่นัน ให้ ผู้ป่วยหัวเราะขำ

บันทึกนี้ยาวมากเลย ยาวที่สุดที่เคยเขียน ฉันกลับบ้านที่หัวใจเบิกบาน ด้วยเชือว่าอย่างน้อยฉันได้ทำหน้าที่รุ่นน้องที่ดี ให้ผู้ป่วย หายเครียด หัวเราะได้

 

 

 

หมายเลขบันทึก: 224614เขียนเมื่อ 22 พฤศจิกายน 2008 08:24 น. ()แก้ไขเมื่อ 19 พฤษภาคม 2012 23:49 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (21)

มาดูก่อนนะครับ อยู่ในรถ ขอให้เพื่อนหายเร็วๆๆนะครับ

ขอให้เพื่อน พี่ครูต้อย

หายป่วยเร็วๆนะคะ

สุขภาพแข็งแรงค่ะ

สวัสดีค่ะ

  • เป็นบันทึกที่ยืดยาว
  • ขอชื่นชมในความมีสมาธิ ความตั้งใจในการถ่ายทอดค่ะ
  • คูรคณุต้องเป็นคนจิตใจดี..เพราะมีอารมณ์ขันค่ะ
  • อยู่ที่ไหนก็มีความสุข  มีคนรัก มีคนอยากอยู่ใกล้ ๆ ค่ะ
  • รักและคิดถึงนะคะ

สวัสดีคะคุณครูพี่ต้อย

สุดยอด พยาบาลอายคุณครูนะคะ

ให้การดูแลผู้ป่วยแบบองค์รวม

ทั้งด้านร่างกาย จิตใจ จนผู้ปวยสบายใจ

PP  อ.กำลังจะไปไหน ค่ะ ดูแลตัวเองด้วยนะคะ ปลอดภัยไร้กังวล สนุกกับการเดินทาง อีกระยะหนึ่งครูต้อยมีเรื่องต้องขอคำแนะนำจาก อ.ค่ะ  ไม่ต้องสงสัยนะคะ อ. เชี่ยวชาญด้านไหนครูต้อยก็ขอปรึกษาด้านนั้นแหละ อิอิ

P ขอบคุณค่ะ น้องสายธาร น฿กถึงนำเย็นๆที่รินไหลเอื่อยๆ มีปลาน้องแหวกว่าย ธารา ผ่านเกาะแก่งหินน้อยใหญ่ในลำธาร ชุ่มฉ่ำหัวใจ ความรู้สึกดีๆ ขอมอบให้ นะคะ

P  ขอบคุณน้องประกาย เพิ่งรู้ว่าแบบนี้เรียกองค์รวม งั้นพี่ครูต้อยมีเยอะค่ะ855

P   น้องป้าแดง สบายดีนะคะ ขอบคุณค่ะ  นี่ถ้าผู้ป่วยมีโน๊ตบุค นะ ครูต้อยจะพามาใหสุขใจในG2K เลยนะนี

อาจารย์ครับ ผมอ่านช้าๆทุกบรรทัดเห็นภาพที่ รพ....เมตตากันไว้ดีนะครับ..

สวัสดีครับ

ผมมาเยี่ยมครับ และมาขอบคุณที่ไปเยี่ยมให้กำลังใจกับบันทึกแรกของผม ขอให้มีความสุขนะครับ

- อ่านบันทึก จนจบ ด้วยความชื่นชม พี่krutoi

- พี่ krutoi มีอารมณ์ขันจังค่ะ อ่านไปยิ้มไป กับข้อความสนทนา

- ขอให้เพื่อน พี่ krutoi หายป่วยไวๆนะคะ

- แล้ว krutoi ก็ต้องรักษาสุขภาพด้วยนะคะ

P 

ขอบคุณ หนุ่มกร ความคิดเห็น ของท่านได้บันทึกเรียบร้อยแล้ว อิอิ

P  ครูเด เขียนเยอะนะคะ เพื่อนๆรออ่านอยู่อีกมากค่ะ อย่าลืมชวนเพื่อนที่สอนประวัติศาสตร์มาด้วยนะคะ ครูต้อยหาอ่านอยู่ เหมือนกันค่ะ ขอบคุณค่ะ

P  สวัสดีค่ะ tiya ..... ( ~ natamaidee - - But narak...) 

- พี่ครูต้อย ขี้ขำ อิอิ

-ขอบคุณค่ะ เพื่อนพี่ต้องหายไวๆ หายแล้วต้องให้เอาเวลามาปันใหG2K บ้างจะได้มีความสุข ไม่เครียด จนเลือดคั่งในสมอง เน้อ

-พี่ครูต้อยต้องรักษาสุขภาพอยู่แล้ว ขอบคุณอีกครั้งค่ะ

น้อง

สวัสดี ครับครูต้อย

  • ผมขอเป็นคนหนึ่ง ที่จะร่วมเป็นกำลังใจให้เพื่อนครูต้อย
  • ส่วนเรื่องของงานที่ครูต้อยเล่ามาก็น่าที่จะมีผู้ได้ยินได้รับฟัง แนำเอาข้อคิดไปปรับปรุงบ้างก็น่าที่จะดีขึ้นนะ
  • หวัดดีค่ะ
  • สบายดีนะค่ะ
  • แวะตามมาฝากเยี่ยมด้วยคนนะค่ะ
  • ขอให้เพื่อนหายในเร็ววันนะค่ะ

สวัสดีค่ะ

  • มาเยี่ยมสองครั้งแล้วนะคะวันนี้
  • รักษาสุขภาพนะคะ
  • คิดถึงค่ะ

P สวัสดีค่ะ น้องชำเลือง

ขอบคุณค่ะ  พี่ครูต้อยกำลังคิดว่าจะเอาความคิดเห็นกำลังใจของพี่ๆน้องๆ ไปอ่านให้ผู้ป่วยฟัง แต่คิดอีกที อย่าเพิ่งดีกว่านะ เพราะสภาพจิตใจที่อ่อนแอ หากผู้ป่วยรู้สภาวะจิต ก็โอเค คงต้องรอให้อาการดีกว่านี้

 P น้องอ้อยควั่นหายไปนานเลย ก็คิดถึงนะคะ ขอบคุณค่ะ

P  น้องครูคิม กำลังจะไปเยี่ยม แซงหน้ามาซะก่อน อิอิ ขอบคุณค่ะ

  • พี่เข้ามาเยี่ยมเยียนถึงบ้านบ้าง
  • จึงได้รับรู้เรื่องราวนี้
  • มีเรื่องจะให้คำแนะนำ
  • ในเรื่องการให้กำลังใจคนไข้
  • ......
  • อยากให้ครูต้อยลองทบทวนว่า
  • เวลาครูต้อยไม่สบาย
  • ครูต้อยอยากบอกอะไรบ้าง
  • เมื่อเจอคนที่ครูต้อยวางใจได้
  • ว่าจะไม่ขัดคอเรื่องที่พูด
  • ......
  • พี่ว่าคนป่วยของครูต้อย..
  • มีความสุขกับการงานของเขา
  • ใจเขาผูกพันกับมัน จึงมีห่วงให้คอยพะวงอยู่
  • การได้พูดออกมาให้รู้
  • คือสิ่งที่ควรให้กระทำ
  • รับฟังแล้วช่วยเขา...ปรับความคิด
  • ว่ารับรู้ที่เขามีความคิดเรื่องมันอยู่...
  • เขาพะวงอยู่กับเรื่องมัน
  • .......
  • ทางแก้นั้นมีอยู่บ้าง...
  • ให้เขาได้บอกออกมา...จะให้ช่วยแก้อย่างไร
  • .......
  • หากเขาอยากทำในเรื่อง
  • ทำงานที่พะวงนั้นหนา
  • ควรที่จะสะท้อนไปว่า...
  • ไม่มีเขางานล้มหรือไร....
  • วางไปงานล้มเหลวฤา....
  • ......
  • สะท้อนเพื่อให้เขาเกิดความคิด
  • เลือกวิถีที่ตัวเขาจะมีต่อ....
  • สืบทอดต่อไปอย่างไร....
  • ระหว่างที่เกิดป่วยอย่างนี้...
  • และหลังการป่วยดีขึ้น...
  • ......
  • คำแนะนำของพี่ก็คือ
  • ให้คนป่วยเขาระบายและได้บอกเถิดค่ะ
  • ว่าเขาเป็นห่วงอะไร
  • จะได้ช่วยกันหาทางออกให้กัน
  • ดีกว่าปล่อยให้เงียบไว้ หลบหลีกไม่ให้พูดถึง
  • มันอัดอั้นตันใจมากนะค่ะ สำหรับใจคนที่ไม่ได้พูดน่ะ
  • ......
  • คนเรานั้นไม่ชอบหรอก
  • ที่จะรับว่าตนอ่อนแอ....การห้ามและเลี่ยงไม่เป็นผล
  • ที่ได้ผลกลับกลายเป็นเรื่อง
  • แก้ห่วงอย่างไรไม่ให้จน
  • ขณะป่วยก็ผ่านพ้นไม่จน
  • รักเขา ช่วยเขานะค่ะ
  • คนไข้นะเห็นคนเฝ้า พะวงห่วงใยในตน เขาจึงเกรงใจไม่พูด
  • แต่แล้วพอเห็นครูต้อย เขาก็พูดขึ้นมาใช่ไหม
  • แปลว่าครูต้อยช่วยได้ ให้เขาเห็นทางสว่างไม่จนใจนะน้อง
  • .......
  • หากเกรงครอบครัวเขาว่า
  • บอกกล่าวให้รู้เถอะว่า นี่คือ ความในใจของคนไข้
  • ที่เขาอยากจะให้ช่วยกัน
  • ช่วยได้แค่ไหนก็ให้ช่วย
  • ในที่สุด ความจริงจะสอน
  • ว่าเขาทำได้แค่ไหน....ได้ทำอย่างพอใจแล้ว
  • ทำแล้วเกิดอะไรแค่ไหน...วิถีจะสอนเขาให้รู้เอง
  • ........
  • ธรรมชาติจัดการตัวเองได้
  • จงอย่าใช้ความคิดเราตัดสินแทนคนอื่นค่ะ
  • ........
  • บางคนดีวันดีคืน...เพราะได้ทำในสิ่งที่อยากทำ...และทำได้ในขณะที่ป่วยค่ะ
  • ........
  • ถ้าหากว่าเป็นไปได้ ลองหาหนังเรื่อง "แพตอดัม" มาดูนะค่ะ
  • เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า จะทำให้คนไข้สนุกสนานได้อย่างไร ทั้งๆที่เขามีความป่วยดำรงอยู่

สวัสดีค่ะ ครูพี่ต้อย

วันก่อนลูกสาวบอกแม่สะกดคำว่า ไอคัพ ซิคะ เราก็งง ๆ สะกดไปว่า I C U P เขาก็ขำกิ๊กกั๊ก เราก็เลยเข้าใจค่ะ ว่า อ้อ........ 

I see you pee  ( ฉันเห็นคุณปัสสาวะ ) ขอโทษด้วยนะคะ ไม่ค่อยสุภาพ แฮะ แฮะ.......

แล้วคุยกันใหม่ค่ะ

     ขอบคุณค่ะ

พี่หมอเจ๊ เดี๋ยวไปหา  ไปดูที่นี่ก่อนhttp://gotoknow.org/blog/krutoiting

P   --ขอบคุณค่ะ ครูต้อยขำแต่เช้าแล้วค่ะ

         ICUP  กริ๊ววววววววว...555+

ครูต้อยคะ ตอนนี้เพื่อนครูต้อยเป็นอย่างไรบ้างคะ

เป็นห่วง ขอส่งความปรารถนาดี ให้หายป่วย แข็งแรงไวๆ

คืนนี้จะสวดมนต์ อธิษฐานให้ค่ะ

  • สวัสดีค่ะ
  • แวะมาเยี่ยมด้วยความคิดถึงค่ะ
  • เขียนบันทึกได้ยาวดีค่ะ แต่อ่านสนุกค่ะ
  • แต่ปวดตา เพราะตัวหนังสือขนาดเล็ก (คนอ่านสายตาสั้น)
  • ขอบคุณสำหรับเรื่องราวที่ถ่ายทอดให้อ่าน

ขอแลกเปลี่ยนเรื่องงานวิชาการก่อนนะครับ

     ประเด็นการจัดกิจกรรมน่าจะจัดก่อน เพื่อพัฒนาเด็ก

      ประเด็นนี้  เป็นข้อเสนอแนะยอดฮิตครับ  ผมได้รับฟังมาแทบทุกครั้ง  ที่มีการจัดแข่งขัน

      พัฒนาเด็กแล้ว ต่อยอดอย่างไร

     คำถามนี้  ผมจะลองนำมาถามดูบ้าง

                         ขอบคุณครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท