วันนี้ผมว่างจากภารกิจประจำอีกครั้ง จึงตัดสินใจว่าจะไปเที่ยวเมืองใกล้ๆ เป้าหมายของผมอยู่ที่ Arles เมืองนี้ออกเสียงยากหน่อยนะครับ ผมจะออกเสียงเป็น "อ๊ากเคอะ (เคอะแบบเบาๆสั้นๆในลำคอ) - เลอะ(เบาๆสั้นๆ)" ประมาณนั้นน่ะ ..เป็นยังไงยากมั้ยครับ ผมเองยังไม่ค่อยได้เลย...
Arles ตั้งอยู่ทางตะวันตกของ Aix-en-Provence ห่างกันประมาณ 80 กม. ผมขับรถ(เช่า)สบายๆเดินทางไป ใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงก็ถึงแล้ว ...หาที่จอดรถได้ดีเดินนิดเดียวก็มาถึงตรงที่เป็นจุดท่องเที่ยวของเมือง
...แล้วผมก็มาพบกับ "หัวของ Van Gogh" คนไทยมักเรียกเค้าว่า "แวนโก๊ะ" คนฝรั่งเศสจะออกเสียงเป็น "วอง-โก๊ะ" ตั้งอยู่ในสวนหย่อม Jardin d'Eté...ทำไมถึงมี Van Gogh มาอยู่ที่นี่.....ผมได้รับฟังการบอกเล่ามาว่า...นาย Van Gogh ซึ่งไม่ใช่คนที่นี่หรอก(เค้าเป็นชาวดัตช์) แต่มาอาศัยอยู่ในเมืองนี้ในช่วงปี ค.ศ 1888-1889
Van Gogh มาอยู่ที่นี่ เนื่องจากได้รับการบอกกล่าวถึงสีสันความสวยงาม ของทิวทัศน์แถบเมดิเตอร์เรเนียน ผมคิดว่าเค้าคงอยากมาเพื่อหาทิวทัศน์ดีๆสวยๆที่ว่า เป็นแบบในการเขียนภาพ...ดูน่ากลัวอยู่นะหัวนี้
เดินผ่านสวนมาก็พบกับ Théâtre antique อ่านว่า เต-อาทเทอะ(เคอะเบาๆในลำคอ)-ออง-ติก ซึ่งเป็นโรงละครโรมัน สร้างเมื่อประมาณ 100 ปีก่อนคริสตศักราช เดิมเป็นโรงละคร 3 ชั้น จุผู้ชมได้ประมาณ 10,000 คน และได้รับการยกย่องให้เป็น มรดกโลก ในปี ค.ศ.1981
ปัจจุบันหลงเหลือจากเดิมเพียงบางส่วนเท่านั้น แต่อย่างไรก็ตามโรงละครแห่งนี้ ก็ยังสามารถใช้เพื่อจัดการแสดงอยู่.. ค่าเข้าชมโรงละครแห่งนี้ (แบบว่างเปล่า) ราคา 3 ยูโร
เดินต่อมาอีกไม่กี่ก้าว ผมก็พบกับ Amphithéâtre Romain หรือ les Arènes (les Arènes คือ สนามสนามกีฬาโบราณ) เป็นสนามสู้วัวกระทิง สร้างในสมัยโรมัน เช่นเดียวกับโรงละครด้านบน มีความจุ 25,000 คน
ที่สำคัญได้รับยกย่องให้เป็นมรดกโลกเมื่อปี ค.ศ.1981 จาก UNESCO อีกเช่นกัน ปัจจุบันที่นี่ยังถูกใช้จัดงานแสดงสู้วัวกระทิง ประจำปีของเมือง Arles ซึ่งในปีนี้จัดเป็นปีที่ 76 แล้ว...สำหรับค่าเข้าชมสนามสู้วัว (เฉพาะสนาม) ราคา 5.5 ยูโร ครับผม ถ้ามีการสู้วัวก็ปาเข้าไป 13.5-35.5 ยูโร ขึ้นกับทำเลแต่ละที่นั่ง ...อันนี้ผมยังไม่มีโอกาสเลยครับ
ใกล้ๆกับสนามสู้วัว เป็นที่ตั้งของมูลนิธิ "วองโก๊ะ" La Fondation Van Gogh ที่นี่ไม่ได้มีผลงานของ Van Gogh อยู่นะครับ มูลนิธิสร้างขึ้นเพื่อระลึกถึง Van Gogh โดยรวบรวมผลงานจากศิลปินชื่อดังต่างๆทั่วโลก ซึ่งได้เขียนภาพเหมือน ภาพเขียนของ Van Gogh นำมาเก็บไว้ที่นี่
สังเกตรูปด้านบน..มีรูปหล่อโลหะคนไม่มีหัว...ผมสงสัยอยู่ว่าเค้าเป็นเจ้าของหัว ในสวนหย่อมข้างบนหรือป่าว !?!
ต่อจากนั้นผมก็เดินลัดเลาะ ตามซอยเล็กๆ เข้าไปในตัวเมือง ผ่านบ้านเรือนชาวบ้าน Les Arlésiens ("อากเคอะ-เล-เซียง" ใช้เรียกคนที่อาศัยอยู่เมือง Arles) ที่ยังคงรักษาความเก่าแก่แต่สวยงาม
มาสะดุดตากับบ้านหลังด้านล่างนี้ เค้าตกแต่งหน้าต่างบ้าน ได้สีสันสวยงาม โดยประดับประดาด้วยดอกไม้และตุ๊กตา...เห็นที่เป็นข้อความมั้ยครับ...มีส่วนหนึ่งที่บอกว่า "อย่าชมความงามอย่างเดียวนะ..ให้ช่วยบริจาคเงินช่วยด้วย"...อันนี้ผมงงจริงๆ
จนมาถึงที่ว่าการเมือง Hôtel de Ville ของเมือง Arles
ด้านหน้าของ Hôtel de Ville มีลานกว้าง ที่เรียกว่า Place de la République มองไปเห็นเสา Obélisque du cirque เป็นเสาสมัยโรมัน(อีกแล้ว)ตั่ง(โด่)อยู่
...ลานแห่งนี้ในอดีตเป็นทางเดินและที่พักรถม้า ปัจจุบันผมเห็นเป็นลานอเนกประสงค์ ซึ่งมีน้ำพุให้คนมานั่งพักผ่อนยามร้อน จนถึงมานั่งอาบแดดยามร้อนมาก..
ขณะที่ผมเดินป้วนเปี้ยนอยู่รอบๆน้ำพุกลางลาน Place de la République ผมก็เห็นทหารโรมันกำลังตั้งแถวกันอยู่ ( ไม่ต้องคิดว่าผมไปลบหลู่เจ้าที่เจ้าทางเค้าหรอกนะ)
เร็วๆนี้ ที่เมือง Arles คงจะมีงานใหญ่อะไรสักอย่างเป็นแน่ เค้าจึงมีการซ้อมกัน โดยมีผู้คนแต่ตัวในชุดโบราณแบบต่างๆ ..อย่างที่เห็นนี่ล่ะชุดทหารโรมัน
...ทหารโรมันตั้งแถวกันเสร็จ ก็เดินขบวนไปรอบเมือง ผมก็เลยถือโอกาสร่วมกิจกรรม เดินตามพวกเขาไปด้วย..แน่ละครับ ของดีจะพลาดได้อย่างไร
ผมเดินตามทหารโรมันไปไกลพอสมควร จนพวกเค้ามาหยุดอยู่ที่หนึ่ง (สงสัยเริ่มจะเหนื่อย ร้อนก็ร้อน ดูจากชุดแล้ว น่าจะหนักอยู่ ไหนจะโล่และอาวุธอีก ผมเดินตามตัวเปล่ายังเหนื่อยเลย)..โชคดีของผมจริงๆ บริเวณนั้นเป็นที่ที่ผมต้องการจะไปอยู่พอดี "Café la nuit"
ภาพที่เห็นด้านล่างนี้ ชื่อ "Terrasse de café de nuit" ซึ่งเขียนขึ้นโดย Van Gogh เมื่อปี ค.ศ.1888 ขณะที่เค้ามานั่งดื่มกาแฟ
และด้านล่างนี้คือร้านกาแฟชื่อ "Café la nuit" ร้านนี้เป็นของใครก็ไม่รู้ แต่โชคดีจริงๆ เพราะใครมาเมืองนี้ก็ต้องแวะมาดื่มกาแฟกันที่นี่...
แต่มีคนบอกมาว่าร้านนี้กาแฟไม่อร่อย!..ขนาด Van Gogh ยังไม่กินเลย (เพราะเห็น Van Gogh เขียนรูปร้านนี้ แสดงว่าน่าจะนั่งอยู่ร้านอื่นแล้วมองมา)...ตรงนี้อย่าคิดมากนะครับ ร้านของเค้าน่านั่งจริงๆ กาแฟก็อร่อย...ลองมาชิมนะครับ
จุดสุดท้ายของทริปนี้ ผมจะพาไป(ทอด)สะพาน..ผมคิดว่าสะพานแห่งนี้ก็น่าจะมีชื่อเสียงเป็นที่น่าสนใจของนักท่องเที่ยว อันเนื่องมาจากที่ Van Gogh คนดีคนเดิมของเรา เขียนภาพนี้ขึ้นมา เมื่อ ค.ศ.1888 เช่นกัน ชื่อว่า "Pont de Langlois avec femmes qui font la lessive" ซึ่งผมขอบังอาจแปลเป็นไทยเล่นๆว่า "สะพาน(ชื่อ)ลังกลัว กับสาวๆที่กำลังซักผ้า"
ตรงนี้สถานที่จริง..ปัจจุบันไม่มีใครซักผ้าแล้ว..สงสัยสาวๆมีเครื่องซักผ้ากันหมด...หรือไม่ก็นักท่องเที่ยวมากันเยอะ..ซักไม่สะดวก..อายเค้า!
ก่อนจบทริปอย่างสมบูรณ์ ผมได้ไปซื้อของที่ระลึกที่ร้านขายของที่ระลึกแห่งหนึ่ง เลยถือโอกาสสอบถามเจ้าของร้านว่า นาย Van Gogh เนี่ยะ..บ้านเค้าอยู่ที่ไหน? (โดยผมหวังว่าเจ้าของร้านจะชี้แนะทางไปให้) ก็จริงครับ...
เจ้าของร้านผู้ใจดี เดินไปหยิบหนังสือพิมพ์ที่ค่อนข้างเก่า แต่ดูถ้าว่าจะเก็บไว้เป็นอย่างดี (สงสัยคนถามกันบ่อย) เอามาให้ดู สรุปใจความได้ว่า "ปัจจุบันนี้บ้านซึ่งเคยเป็นที่อยู่อาศัยของศิลปินชื่อก้องโลก นาม Van Gogh ไม่มีอยู่แล้ว"
ผมไม่ผิดหวังที่ไม่ได้เห็นบ้านจริงๆของ Van Gogh เพราะที่ผมได้ผ่านมาตลอด(ทั้งเมือง Arles)ทั้งวันนี้ ก็เป็นเหมือนบ้านหลังใหญ่ของ Van Gogh แล้วนะ..ผมว่า
ท้ายนี้..นำภาพ Arles ยามค่ำคืนมาฝากครับ...
มาพักผ่อนสมอง
แวะมาเที่ยวค่ะ
มีแต่สิ่งดีๆนะคะ
สวยยยยยยยยยยยมากกกกกกกกกก
ดินแดนในฝันเลยค่ะ
ขอสมัครเป็นผู้ติดตามอ่านประจำนะคะ
แต่ตอนนี้...ขอย้อนไปอ่านของเก่าให้ครบก่อน
ขอบคุณค่ะ :)
สวัสดีค่ะ ขอมาเที่ยวต่างประเทศบ้างค่ะ สวยงามไม่แพ้กันเลยค่ะ อิอิ แต่อย่างไรก็ชอบประเทศไทยค่ะ สวยงามอ่อนช้อยค่ะ ขอบคุณมากค่ะ สำหรับประสบการณ์ที่ดีมาเล่าสู่กันฟังค่ะ
แวะมาเที่ยวด้วยคนครับ
สวัสดีค่ะ
สวัสดีครับคุณพอลล่า
สวัสดีค่ะ MR. Pompier
สวัสดีครับ Col.boonyarit
แวะมาเที่ยวกับเขาด้วย..
พูดได้คำเดียวว่า..ไร้วาสนา ค่ะ
ชอบภาพ การนำเที่ยว
สักวันหนึ่ง....จะไปเที่ยวที่นี่บ้างค่ะ
สวัสดีึค่ะคุณPompier
ดีจังค่ะที่ได้มีโอกาสเห็นภาพถ่ายเทียบกับภาพที่(แวน)วองโก๊ะวาดไว้ เล่าได้ละเอียด น่าติดตามไปชมและทำให้อยากไปนั่งจิบกาแฟที่ร้านนี้ซะแล้วค่ะ ขอบคุณคุณPompierที่ถ่ายภาพสวยงามพร้อมเรื่องราวที่ให้ทั้งความรู้และเพลิดเพลินไปพร้อมๆ กันหากมีโอกาสได้ไปแถวๆนั้น ขออนุญาตเชิญมาเป็นไกด์กิติมศักดิ์นะคะ
เคยมีโอกาสไปดูภาพวาดจริงของแวนโก๊ะที่เค๊านำมาแสดงที่ อาร์ตมิวเซียมที่สวิสฯค่ะ โชคดีจังบังเอิญไปช่วงที่เค๊าเวียนมาแสดงพอดีค่ะ ประทับใจมาก..
สวัสดีครับคุณ ภูสุภา
สวัสดีครับ
มาเที่ยวรอบที่ 5 คะ สวยมากๆ คะ
ชอบอ่าน ดูก่อน แล้วค่อยแสดงความคิด ขอเป็นคนท้าย ๆ จะได้อ่านคนอื่นด้วย
สวัสดีครับคุณtuk-a-toon
มามาดูภาพ วองโก๊ะ ครับ
บรรยายได้ดีมากเลยเหมือนไปเที่ยวด้วย ภาพก็สวย
บล็อกก็แต่งสวยคะ
มาเยี่ยมเยียน
ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ
สวัสดีครับ คุณ นนทญา
ขอบคุณครับที่แวะมาเยี่ยมเยียนกัน
ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันครับ
แล้วแวะมาใหม่นะครับ
แนะนำหนังเรื่องหนึ่งให้ดูค่ะ เป็นหนังของปรามาจารย์ด้านภาพยนตร์ Akira Kurosawa บรรดานักผลิตหนังชั้นยอดอย่าง สตีเว่น สปีลเบิร์ก, จอร์จ ลูคัส, มาร์ติน สกอร์เซซี และ ฟรานซิส ฟอร์ด คอปโปล่า ก็ล้วนแต่ยอมรับว่าได้แรงบันดาลใจมาจากเขา
เรื่องนี้ชื่อ Dreams แต่คนมักรู้จักในนาม Akira Kurosawa's Dreams เรื่องนี้มีหลายตอนแต่ตอนที่เอามาฝากคือ Crows ที่เอามาให้ชมก็เพราะมีตอนที่พาเข้าไปเดินในภาพเขียนของ Van Gogh ด้วยค่ะ ทำได้น่าทึ่งมาก จินตนาการสุดยอด
มาดูสถานที่ที่คงไม่มีโอกาสได้ไปด้วยตัวเอง. สวยมากค่ะ. เอามาให้ดูเยอะ ๆ นะค่ะ. ขอบคุณค่ะ
สวัสดีครับคุณซูซาน
สวัสดีครับคุณ มนัญญา ~ natachoei ( หน้าตาเฉย)
ขอตามไปเที่ยวด้วยค่ะ สวยจริงๆ แต่ไม่ค่อยมีต้นไม้ใหญ่ๆ ในเมืองเลยนะค่ะ ... (ยกเว้นที่สวนสาธารณะ)
ร้านกาแฟก็น่านั่ง บรรยากาศก็ดี ช่วงนี้เป็นฤดูใบไม้ร่วงรึปล่าวค่ะ อากาศเย็นมั้ยค่ะ ... ที่บ้านเราอากาศก็เริ่มเย็นๆ แล้วค่ะ
ขอบคุณสำหรับภาพสวยๆ ของคุณ Pompier และ Van Gogh ค่ะ
สวัสดีครับคุณ paew
มาจุ๊บ ๆ นะคะ
สวัสดีค่ะ คุณ Pompier
หวัดดีค่า
สวัสดีครับคุณจินตมาศ
สวัสดีครับ คุณแม่นีโอ
สวัสดีครับคุณ naree suwan