มนุษย์เงินเดือนที่ปฎิบัติงานในสถานศึกษาเรียกตนเองว่าครู..อาจารย์..บุคลากรทางการศึกษาอื่นๆ...ย่อมมีความโลภ..โกธร..และหลงเฉกเช่นเดียวกับปุถุชนคนอื่นๆในสังคมไทยทั่วไป.....เจ้ากรรมที่ถูกส่งให้มาแก้ปัญหาสานความสมานฉันท์ให้เกิดขึ้น...ภายใต้ข้อจำกัดทรัพยากรบุคคลที่วัยต่างกันไม่เกิน 10 ปี อายุอาวุโสราชการน่ามากที่สุดคือผู้อำนวยการที่อยู่ภายในองค์กร...คนใหม่ที่หายหน้าไปนานกว่า 10 ปีไม่รู้นิสัยไม่รู้เบื้องลึกเบื้องหลังการกระทำพฤติกรรมที่สั่งสมกันมานานแสนนานของคนในองค์กรนี้ คอร์รับชั่นเวลา หาประโยชน์ใส่ตัวมั่วโลกีย์หนีเจ้าหนี้....ชี้แต่....เรื่องชั่วผู้อื่นฝืนกฏระเบียบ...เหยียบผู้ไม่ร่วมมือ......ฟังคนภายนอก...บอกนักข่าวให้ขับไล่......ไกลธรรมาภิบาล..สานแต่เรื่องร้ายๆ....จะตายด้วยเรื่องราชการ
แวะมาเยี่ยมค่ะ ขอบคุณค่ะ
สวัสดีครับ
ปัญหาความขัดแย้งมีทุกองค์กรครับ
ในมุมมองของผมนะครับ(อาจจะผิด) ผมคิดว่า
สาเหตุหลักน่าจะมาจาก "ความไม่ยุติธรรม" และ "อคติ" ของผู้บริหาร
การแก้ปัญหา ต้องแก้ที่ให้ทุกคนได้รับความเป็นธรรม ในทุกๆเรื่อง อย่างเท่าเทียมกันครับ
อย่าแก้ปัญหาด้วยการ "ตอกย้ำ" หรือ "ความวัวไม่ทันหาย ความควายเข้ามาแทรก" อีก
(เป็นความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ ไม่ใช่ความจริงทั้งหมด)
ขอบคุณครับ
-ขอบคุณท่านรองฯ...ท่านอนุมานได้ถูกต้องที่สุดเพราะเขาไม่ได้รับความยุติธรรม...จากผู้บริหาร...ผมได้ตั้งปรัชญาการทำงานส่วนตัวเพื่อสร้างความโปร่งใสคือ 3 ท. 1 เท่าทันกับสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงงาน นโยบาย ผู้บริหารคนใหม่และให้เท่าทันการตระหนักรู้ถึงความแตกแยกที่เกิดขึ้น ภาพลักษณ์ที่ตกตำไม่มีใครชนะภายใต้เศษทรากปรักหักพัง
2 เท่าเทียม ทุกคนเท่าเทียมกัน สามารถเข้าหาผู้บริหารใหม่ได้ตลอดเวลา รับฟังความคิดเห็น เรื่องราวที่เกิดใหม่ ของเก่าไม่อยากรู้ เพราะเพิ่งมารับง
น 2 เดือนต้องเรียนรู้ คน งาน และบริบทอีกมารกมาย ไม่แบ่งแยกพวกผอ พวกครู พวกคนเก่า
3 เท่าที่มี คือพอเพียงไม่สุดโต่ง มีงบประมาณ มีศักยภาพเท่าไหร่มีทรัพยากรมากทำมากมีน้อยทำน้อยไม่เกินกำลังตนเอง ตามบทบาทที่กำกับดูแลไม่ต้องการหวือหวา...แต่ทำแบบเต่า..ไม่ใช่กระต่ายและไม่ตื่นตูม
สวัสดีค่ะ มาเยี่ยมชมค่ะ น่าจะมีทุกองค์กรค่ะ ให้กำลังใจค่ะ
สวัสดีครับ
ขอเสริมครับ สิ่งที่จะพาองค์กรไปรอด คือ ผู้บริหารต้อง
"มีความยุติธรรม" เป็นประการแรก โดยเฉพาะ
1. สิทธิและโอกาสบาง ต้องเท่าเทียมกัน
2. การพูดคุย ต้องพูดคุยกับทุกๆคน ให้เท่าเทียมกัน (ดังนั้น จึงไม่ควรมีคนสนิท)
3. ความดีความชอบ ไม่ให้ออกมาน่าเกลียดมาก
เป็นแค่หลักเบื่องต้นเท่านั้นครับ
ความขัดแย้งจะเป็นสิ่งดีหรือไม่ดีต้องดูที่ผลประโยชน์ ถ้าขัดแย้งกันเพื่อผลประโยชน์ส่วนรวมแล้วบริหารดี ๆ ความขัดแย้งนั้นจะเป็นประโยชน์ แต่ถ้าขัดแย้งเพื่อประโยชน์ส่วนตน ความขัดแย้งนั้นควรถูกกำจัด
ดังนั้นผู้บริหารควรมีความสามารถในการบริหารความขัดแย้งได้เป็นอย่างดี และอย่าทำตัวให้เป็นศูนย์กลางแห่งความขัดแย้งเสียเอง...
ขอบคุณสำหรับข้อคิด..สกิดใจ..นักบริหารมือใหม่...จะไม่ลืมสิ่งเหล่านี้เป็นอนุสติ...ภายใต้ความขัดแย้งก็ย่อมมีสิ่งสร้างสรรค์..แอบแฝง....การแข่งขันการทำดีเพื่อนำองค์กรไปสู่ความสำเร็จ..การสร้างแรงจูงใจ..
แวะเข้ามาให้กำลังใจค่ะ
พี่แอ๊วเอง
สวัสดีค่ะ แวะมาเยี่ยมชมและเห็นด้วยความความขัดแย้งในองค์กรที่ทุกองค์กรจะต้องมีเรื่องความขัดแย้งไม่มากก็น้อย
ไม่มีใครรักเราทุกคน แต่เราสามารถรักทุกคนได้ครับ