ภาระงานของครูที่ไม่มีวันสิ้นสุด คือการสอนให้ฟัง สอนให้อ่าน สอนให้คิดและสอนให้เขียน ยิ่งทักษะการอ่านยิ่งต้องช่วยกันส่งเสริมอย่างต่อเนื่อง
เมื่อสอนในสาระการอ่าน เคยจัดกิจกรรมให้นักเรียนเขียนรวบรวมผลของการไม่รักการอ่าน ...เพื่อกระตุ้นให้นักเรียนได้คิดร่วมกับครูว่าการไม่รักการอ่านนั้นส่งผลอย่างไร ทำให้ได้ข้อสรุปให้นักเรียนได้เห็นถึงปัญหาที่เกิดจากการไม่ชอบอ่าน เช่น
- อ่านหนังสือได้ช้า
- อ่านไม่คล่อง
- อ่านตีความไม่ได้
- อ่านจับใจความไม่เป็น
- ที่สำคัญไม่เห็นใครๆ เขาใส่ใจอ่านกัน
เมื่อไม่อ่าน ก็ทำให้เกิดผลกระทบต่อการใช้ภาษาทุกด้าน เพราะไม่มีข้อมูลในการสื่อสาร ตั้งแต่ขาดข้อมูลในการฝึกคิดอย่างมีวิจารณญาณ ขาดข้อมูลที่เป็นพื้นฐานของการเลือกดู ขาดทักษะในการฟังบกพร่องในการสื่อสารด้วยคำพูดและไม่สามารถสื่อสารด้วยการเขียนที่มีคุณภาพได้
ด้วยสาเหตุที่ไม่รักการอ่าน ชีวิตประจำวันจึงสื่อสารกันพอรู้เรื่อง ความที่รู้น้อยเพราะอ่านมาน้อย ทำให้ตกเป็นเหยื่อของคนรู้มากเพราะอ่านมามาก
เมื่อผลของการไม่รักการอ่าน ขยายผลในทางลบไปทุกวงการ หันมามองที่คุณภาพนักเรียน ยิ่งเห็นได้ชัดว่าอ่อนแอในการเรียนภาษาของตนเองมาก จนพบเห็นความบกพร่องทั้งการฟัง การพูด การอ่าน และการเขียน เพราะมีสาเหตุจากการต้องแบ่งเวลาไปกับภาพยนตร์ โทรทัศน์ สื่อบันเทิงด้านไอทีนานาชนิด เกมคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์เคลื่อนที่ ทำให้เหลือเวลาอ่านหนังสือลดน้อยลงไปทุกวันตามสภาพสังคมที่เปลี่ยนไป ภาพรวมของเยาวชนไทยที่พบเห็นส่วนใหญ่มัก ให้ความสำคัญทางด้านสื่อความบันเทิง และสินค้าที่ฟุ่มเฟือยมากกว่าจะใฝ่หาหนังสือมาอ่านกัน
การส่งเสริมให้รักการอ่าน ด้วยการสร้างแรงจูงใจจากสื่อที่เยาวชนสนใจ โดยไม่หวังผลทางธุรกิจน่าจะได้รับการสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง เพราะไม่ว่าจะอยู่ในโลกยุคไหนก็ต้องอาศัยการอ่าน
การสร้างความตระหนักให้นักเรียนรักการอ่านก่อนนำเข้าสู่กิจกรรมการสอนกระบวนการอ่านในรูปแบบต่างๆ ได้ผลกับนักเรียนกลุ่มเล็กๆเท่านั้น ถ้าได้ส่งเสริมการขับเคลื่อนการอ่านอย่างเป็นระบบทั้งโรงเรียน และทุกช่วงชั้นอย่างต่อเนื่อง อาจจะแก้ไขความไม่รู้เพื่อให้อยู่รอดในสังคมได้
จากประสบการณ์ที่ได้พยายามหว่านเพาะความรักการอ่านลงในหัวใจของเด็ก ๆ ตั้งแต่ช่วงชั้นที่ 3 ก็พอมีผลปรากฏบ้างในช่วงชั้นที่ 4 เมื่อนักเรียนกลุ่มที่รักการอ่านได้รับรางวัลจากการเขียน เช่น ได้มีโอกาสเข้าค่ายกล้าวรรณกรรม ได้พบปะกับนักเขียนและได้รับการฝึกการเขียนโดนมีนักเขียนที่มีชื่อเสียงให้คำแนะนำ ได้เข้าร่วมเขียนเรื่องสั้นแนวพัฒนาคุณธรรมโครงการเด็กปลายปากกา ของมูลนิธิยุวพุทธิกสมาคมแห่งประเทศไทย
นับเป็นความสำเร็จที่ปรากฏเป็นหลักฐานใกล้ตัว อันสามารถใช้จุดประกายให้นักเรียนรักการอ่าน ได้สะสมความรู้และประสบการณ์จากการอ่านเพื่อใช้ข้อมูลในการก้าวสู่การเป็นผู้รักการเขียนเพื่อสะสมองค์ความรู้สืบต่อกันไป
“ถ้าพัฒนาการอ่านได้สำเร็จ การพัฒนาทักษะอื่นๆก็จะตามมาเอง ”
บารัก โอบามา กล่าวว่า “ ไม่มีสิ่งใด ยิ่งใหญ่ไปกว่าการอ่านหนังสือให้ลูกหลานฟังตั้งแต่เขายังเป็นเด็กๆ”
จุดเริ่มต้นของการสร้างนิสัยรักการอ่านจึงอยู่ที่ครอบครัว
และแรงส่งที่สำคัญคือครู และสิ่งเร้าก็คือสังคมที่ชื่นชอบและนิยมรักการอ่านจนเป็นวัฒนธรรมประจำชาติ สังคมจะเต็มไปด้วยผู้รู้จริงที่ใช้เหตุผลมากกว่าอารมณ์ ความขัดแย้งในสังคมก็จะลดลง
ประเทศชาติที่เจริญก้าวล้ำนำประเทศอื่น ล้วนแล้วแต่มีประชากรรักการอ่านทั้งสิ้น เราละเลยการอ่านเราก็จะตามเขาไม่ทัน
การทำให้เยาวชนรักการอ่านอย่างต่อเนื่องให้ได้ในวันนี้ เป็นการป้องกันไม่มีประวัติศาสตร์ที่เรามิได้ปรารถนาเกิดขึ้นซ้ำรอยอีก เพราะการอ่านจะสร้างผู้รู้อันเป็นผู้นำทางไปสู่การอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างมีความสุขได้อย่างแน่นอน
สวัสดีค่ะ
บารัก โอบามา กล่าวว่า “ ไม่มีสิ่งใด ยิ่งใหญ่ไปกว่าการอ่านหนังสือให้ลูกหลานฟังตั้งแต่เขายังเป็นเด็กๆ”
ใช่เลยค่ะ คุณครูขา ไม่มีปัญหาใดยิ่งใหญ่ไปกว่าลูกอ่านไม่ออก
ไม่มีอะไรน่าเศร้า และเจ็บปวดเท่า หากลูกศิษย์ จบป6. ยัง
- อ่านหนังสือได้ช้า
- อ่านไม่คล่อง
- อ่านตีความไม่ได้
- อ่านจับใจความไม่เป็น
- ที่สำคัญไม่เห็นใครๆ เขาใส่ใจอ่านกัน
ขอบคุณนะคะ
เห็นด้วยอย่างยิ่ง สำหรับการอ่าน คือพื้นฐานของชีวิตที่ดี ผมทำงานการศึกษาผู้ใหญ่พยายามอย่างยิ่งที่จะทำให้ประชาชนอ่านหนังสือ รักการอ่าน โดยเริ่มจากตนเองอ่านหนังสือเป็นตัวอย่างแก่ทุกคน อ่านและเล่าให้ฟัง อ่านและแนะนำ ให้ผู้อื่นได้อ่าน จากการสังเกต บุคคลรอบ ๆ ตัวของผมแล้ว การอ่านหนังสือที่ดีต้องปลูกฝังแต่เป็นเด็กเล็ก ๆ อยากจะกล่าวว่า "ก่อนจะเข้าอนุบาล ก็คงสายเสียแล้ว" เพราะการสร้างนิสัยรักการอ่านนั้นไม่พอ เราต้องสร้างวัฒนธรรมการอ่านหนังสือที่ดีแก่ประชาชนคนไทยจริง ๆ กันเสียทีเพราะการอ่านที่ดีสามารถแก้ไขปัญหาการไม่รู้จริงได้มาก เพราะเขาสามารถรู้ได้ด้วยตัวเขาเอง รู้แล้ววิเคราะห์เองว่าถูกหรือผิด เชื่อหรือควรไม่เชื่อ ปัญหาอีกอย่างหนึ่งที่เห็นกันอยู่ขณะนี้ก็คือ ฟังมากกว่า รู้ด้วยตัวเองจากสาส์นที่ถูกต้อง เช่น สื่อต่าง ๆ บุคคลที่ปรากฏเป็นข่าว น่าเชื่อหรือไม่ วิเคราะห์ได้หรือไม่
สวัสดีค่ะพี่คิม
***ขอบคุณนะคะที่แวะมาให้กำลังใจ
สวัสดีค่ะครูดอย
***ขอบคุณค่ะที่แวะมา
***ประสานมือกันสร้างชาติ...ด้วยการช่วยเด็กให้อ่านออก เขียนได้และรักการอ่านนะคะ
***อย่าว่าแต่ป.6 เลยค่ะ ม3 บางคนยังอ่านไม่คล่องเลย มีปัญหาให้แก้ไขทุกปีค่ะ
สวัสดีค่ะ..คุณอำนาจ อินมั่นคง
***นามสกุลคุ้นๆนะคะ...ขอบคุณที่แวะมา
***ช่วยกันส่งเสริมการอ่านต่อไปนะคะ...เป็นกำลังใจให้ค่ะ
***ยินดี..ลปรร..เกี่ยวกับการสร้างวัฒนธรรมการอ่าน ขอบคุณค่ะ
+ สวัสดีค่ะคุณครูกิติยา...
+ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ...
+ ก่อนอื่น...จะขอมาบอกว่า...รู้จัก ร.ร.จ่านกร้อง..จากรายการชิงช้าสวรรค์ค่ะ
+ เด็ก ๆ ที่นี่เก่งมากเลยนะค่ะ...ยังประทับใจจนถึงทุกวันเลยค่ะ...ทั้งร้องทั้งเต้น...ว้าว...สุดยอดมากค่ะ
+ เห็นด้วยอย่างยิ่งค่ะ..." “ถ้าพัฒนาการอ่านได้สำเร็จ การพัฒนาทักษะอื่นๆก็จะตามมาเอง ”
บารัก โอบามา กล่าวว่า “ ไม่มีสิ่งใด ยิ่งใหญ่ไปกว่าการอ่านหนังสือให้ลูกหลานฟังตั้งแต่เขายังเป็นเด็กๆ”
จุดเริ่มต้นของการสร้างนิสัยรักการอ่านจึงอยู่ที่ครอบครัว
+ ขอบคุณมากค่ะที่นำข้อคิดดี ๆ มาฝากค่ะ...อ๋อยสอนที่ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี เด็ก อิสลาม 100 % พูดยาวี ทำให้ภาษาไทยอ่อนแอมาก ๆ ค่ะ...เวลาสอนต้องแปลไทยเป็นไทย แปลไทยเป็นยาวีอีกค่ะ...ความหวังที่ว่าการอ่านเริ่มที่ครอบครัวปิดประตูตายไปเลยค่ะ...เพราะผู้ปกครองส่วนใหญ่พูดไทยแทบไม่ได้เลยค่ะ...แต่เราก็ต้องทำหน้าที่ของความเป็นครูให้ดีที่สุดต่อไปค่ะ...
+ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ...
สวัสดีค่ะ แม่น้องแอมแปร์~natadee
***ขอบคุณแทนวงดนตรีลูกทุ่งจ่านกร้องด้วยนะคะ ช่วงนี้กำลังออกช่วยงานลอยกระทงที่พิษณุโลกและจังหวัดใกล้เคียง เพื่อส่งเสริมประเพณีลอยกระทงค่ะ
***มีเพื่อนย้ายมาจากนราธิวาส เป็นไทยพุทธที่พูดภาษายาวีได้บ้าง การสอนของคุณครูคงเหนื่อยน่าดู เห็นการต่อสู้แบบนี้แล้วมีกำลังแรงใจที่จะมุส่งเสริมให้นักเรียนรักการอ่านต่อไป
***ขอให้มีความสุขและประสบความสำเร็จในการทำงานนะคะ
***เป็นกำลังใจให้ค่ะ...มีโอกาสไปทางพิษรณัโลก...แวะโรงเรียนจ่านกร้องนะคะยินดีต้อนรับค่ะ
สวัสดีค่ะ...คนพลัดถิ่น~natachoei(หน้าตาเฉย)
***สบายดีนะคะ
***ขอบคุณที่ทักทาย
สวัสดีค่ะ คุณกิติยา แวะเข้ามาอ่านและทักทายค่ะ ขอให้คุณครูทุกท่านสู้ ๆ
เพื่อให้เด็ก ๆ ของเรารักการอ่านให้มากขึ้น ค่ะ
สวัสดีค่ะ tukky
***ขอบคุณที่แวะมาทักทายนะคะ
***อยากให้ความปรารถนาให้เด็กไทยรักการอ่านเป็นจริง
***กำลังพยายามอยู่ค่ะ
***ในเขตกทม.ก็มีการส่งเสริมการอ่านหลายหน่วยงานนะคะ ท่านผู้ว่าฯอภิรักษ์ก็มีโครงการดีๆเกี่ยวกับการส่งเสริมการอ่าน
***อยากให้ทำกันอย่างต่อเนื่องและประสานกันทั้งครอบตรัว โรงเรียน ชุมชน และองค์กร คงช่วยครูได้มากเลยค่ะ
สวัสดีค่ะ
สวัสดีค่ะอาจารย์ขจิต
***ขอบคุณค่ะ...กำลังพยายามค่ะโดยเฉพาะการคิดวิเคราะห์
***คืนนี้ไปลอยกระทงที่ไหนคะ
สวัสดีค่ะ พี่คิม
***คืนนี้ไปลอยกระทงกับเด็กๆ หรือครอบครัวคะ
อ่านตีความไม่ได้
- อ่านจับใจความไม่เป็น
เป็นภาพสะท้อนที่พบเจอในนิสิตนักศึกษามากเหมือนกัน หรือแม้แต่เขียนคำผิด ๆ ถูก ๆ โดยนำภาษาปากมาใช้ในภาษาเขียนก็มีให้เห็นเคลื่อนในหน้ากระดาษ
และที่ผมข้องใจเอามาก ๆ เลยก็คือ หนังสือสำหรับเด็กนั้น ราคาค่อนข้างสูง ก็ยากยิ่งต่อการอ่านมิใช่น้อย เพราะบางครั้งจะรอแต่การหยิบยืมจากห้องสมุด หรือระบบออนไลน์ก็เป็นปัญหาด้วยเช่นกัน
และที่สำคัญ ผมเห็นด้วยกับประเด็นนี้มาก ๆ เลยครับ
ถ้าพัฒนาการอ่านได้สำเร็จ การพัฒนาทักษะอื่นๆก็จะตามมาเอง
มาชม จริงสินะ
ถ้าอ่านออก ก็บอกได้ว่าถูกหรือผิด ...
สวัสดีค่ะ อาจารย์
***การสอนอ่านตีความและจับใจความต้องใช้เวลาในการสอนมาก ...และสอนยาก เพราะส่วนใหญ่เด็กมีพื้นฐานการอ่านหนังสือน้อยค่ะ
***คงต้องเริ่มจากหนังสือเด็กๆ ที่มีคุณภาพ
***แต่ละช่วงชั้นต้องเน้นกิจกรรมการเรียนการสอนที่กำหนดจุดประสงค์การอ่านหนังสือนอกเวลาให้สอดคล้องกับแผนการเรียน
***ทุกวันนี้บังคับให้อ่านภาคเรียนละ 2 เล่ม ยังได้ผลไม่ถึงร้อยละ 70 เลยค่ะ
***ผลจึงติดตามไปถึงมหาวิทยาลัย ซึ่งไม่น่าจะเป็นเรื่องที่จะมาเสียเวลาพัฒนาทักษะภาษาไทย
สวัสดีค่ะ อาจารย์ยูมิ
***ขอบคุณค่ะ
***นักเรียนตนหนึ่งเคยบอกว่า...ภาษาที่เรายืมเขามาใช้มากเกินไป เพิ่มภาระที่ไม่จำเป็น แค่ภาษาง่ายๆ ก็สื่อสารเอาชีวิตรอดได้
***คิดถึงบทท่องจำ ...แม่ไก่อยู่ในตะกร้า ไข่ๆ มา สี่ห้าใบ นะคะ
สวัสดีครับ
ผมเป็นครูสอน ป. 1 ครับ
ต้องพยามให้เด็กอ่านๆๆๆๆให้ออก
คิดว่าเป็นงานที่ลำบากเหมือนกันครับ
สวีสดีค่ะครูดอย
***คงเหมือนกับตอนที่สอนเด็กเล็กอ่านภาษาอังกฤษ สื่อการสอนคือสิ่งที่อยู่รอบๆตัว
เขียนภาษาอังกฤษ วางบนข้าวของเครืองใช้ วางใกล้ๆอาการ และสื่อรอบตัวเท่าที่จะอาได้ ผลคืออ่านออก จำง่าย และสนุก
***สิ่งสำคัญคือทำอย่างไร เด็กๆจึงจะรู้ว่าทำไมเขาจึงต้องอ่าน ใช้จิตวิทยาเป็นเงื่อนไข เด็กๆน่าจะอ่านได้เร็วและรักที่จะอ่านนะคะ
***ครูที่สอนให้เด็กเริ่มอ่านออกและเขียนได้น่าภูมิใจที่สุดค่ะ...โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นครูพละ..แอบภูมิใจแทนค่ะ
***ขอให้มีกำลังใจ ...อากาศคงหนาวเย็นมากแล้ว...รักษาสุขภาพนะคะ ขอบคุณที่แวะมา
เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ
เรียน ครูดอยที่เคารพ
รักในความเสียสละของท่านที่ท่านไปอยู่บนดอย รู้ว่าการสอนนักเรียนชั้น ป.1 ให้อ่านได้ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ แต่ถ้าเพื่อนครูและผู้ปกครองร่วมมือเคี่ยวเข็ญช่วยคุณครูอีกแรงนักเรียนจะเรียนรู้ได้เร็วขึ้น และอีกแรงที่ช่วยได้ก็คือนักเรียนรุ่นพี่ที่อยู่ในดรดงเรียนนั่นแหละเป็นคุณครูช่วยสอนที่ดีทีเดียว เพราะที่ดรงเรียนก็ทำมาแล้ว ได้ผลดีด้วย
สวัสดีค่ะ...หนูก็เป็นคนรักการอ่านเหมือนกันค่ะ
จึงเห็นด้วยอย่างยิ่งค่ะว่าการอ่านจำเป็นต่อการพัฒนามนุษย์ เพราะการอ่านเป็นการเปิดหู เปิดตา ฝึกสมอง ฝึกทักษะต่างๆ
ครอบครัวสอนให้รักการอ่านมาตั้งแต่เด็กๆค่ะ
จะฝึกนักเรียนให้รักการอ่าน เหมือนกันค่ะ
งานของอาจารย์ กิติยา สุดยอดจริงๆ